ที่มา ไทยรัฐ
การประชุมอาเซียน ระดับเจ้าห้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรี เกิดขึ้นแล้ว...ส่วนการประชุมระดับผู้นำประเทศ จะเกิดขึ้นในวันที่ 23-25 ต.ค.นี้
แม้จะเป็นประชุมระดับนานาชาติ ที่ดูเหมือนจะห่างไกลจากชีวิตความเป็นอยู่ของคนธรรมดาสามัญก็ตาม
แต่การประชุมครั้งนี้...คนไทยต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะผลการประชุมจะมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยยิ่งยวด
ให้จับตา...รัฐบาลไทยจะประกาศเปิดเสรีการลงทุนอาเซียน 3 สาขา เพาะขยายปรับปรุงพันธุ์พืช, เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ, ทำป่าไม้จากป่าปลูก...ให้มีผลบังคับใช้ในปี 2553 หรือไม่
ถ้าประกาศ...จะมีผลให้ต่างชาติได้สิทธิเข้ายึดครองประเทศไทยได้ง่ายและเร็วขึ้น
คนไทยจะหมดอาชีพ พันธุ์พืชพันธุ์ไม้พันธุ์ข้าวของไทย รวมทั้งที่ดินทำกินจะถูกต่างชาติมาชุบมือเปิบ ฮุบไปครอบครอง
"ผลจากการไปยื่นหนังสือคัดค้านต่อรัฐสภา ทางกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ยังตกใจกับข้อมูลเลยว่า ไปเจรจาเปิดเสรีให้ประเทศชาติเสียหายขนาดนี้ได้อย่างไร บีโอไอน่าจะถูกยุบทิ้งไปได้แล้ว
แต่สำหรับรัฐบาลไม่แน่ใจว่าจะเอาอย่างไรแน่ ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด"
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธิชีววิถี แกนนำองค์กรเครือข่ายประชาชนที่ร่วมกันคัดค้านเปิดเสรีการลงทุนให้ข้อสังเกตอีกว่า...
วันศุกร์ที่แล้ว (16 ต.ค.) แม้ คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีจะได้ออกมาแจ้งให้ทราบว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายก รัฐมนตรี ได้รับทราบข้อมูลการคัดค้านแล้ว และได้แสดงความตกใจ ห่วงใยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมมอบหมายให้ นายเกียรติ สิทธิอมร ประธานคณะผู้แทนการค้าไทยรับเรื่องนี้ไปดูแล้ว
"จะมอบหมายให้คนอื่นดูแลทำไมอีก ในเมื่อการประชุมจะเกิดขึ้นแล้ว นายกรัฐมนตรีจะมาอ้างว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้
เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นทั้งประธานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) และประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่ดำเนินการเรื่องเปิดเสรีการลงทุนมาตลอด
นายกรัฐมนตรีย่อมต้องรู้ มีข้อมูลพอที่จะตัดสินใจเองได้ ไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้คนอื่นทำแทน"
การที่ นายอภิสิทธิ์ ไม่กล้าตัดสินใจ โยนเรื่องออกไปให้พ้นตัว แกนนำเครือข่ายประชาชนเกรงว่าผลการประชุมอาเซียน ซัมมิท จะออกมาในรูปปากว่าตาขยิบ...ปากอย่าง ใจอย่าง
เพราะขณะนี้หลายสิ่งหลายอย่างขับเคลื่อนไปในทิศทางนั้น...ไม่ว่าจะเป็นคำชี้แจงของรองเลขาธิการบีโอไอออกมาให้ข่าวว่า บีโอไอจะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นและข้อมูลเพิ่มเติมจากองค์กรภาคประชาชนให้มากขึ้น เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีและรัฐสภาพิจารณาต่อไป
"จะมารับฟังความคิดเห็นประชาชนเป็นข้อมูลให้ ครม. รัฐสภาไปเพื่ออะไร ในเมื่อที่ผ่านมาบีโอไอและคณะทีมงานเจรจาได้ทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ไปแล้ว
ถ้าจะทำให้ถูกต้อง ขั้นตอนทุกอย่างจะต้องทำก่อนทีมงานเจรจาไปยื่นข้อผูกพันต่ออาเซียน ไม่ใช่ไปยื่นก่อนแล้วมาขออนุญาตจากประชาชน ครม. รัฐสภาทีหลังอย่างนี้"
*******************วิฑูรย์
บีโอไอได้ไปยื่นข้อผูกพันเปิดเสรี 3 สาขาต่ออาเซียน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 ยื่นมาหลายครั้ง ทำผิดหลายกรรมหลายวาระ
ครั้งล่าสุดยื่นเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ยื่นต่อที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานด้านการลงทุนอาเซียน (CCI) ครั้งที่ 45 ที่เมือง Tagaytay ประเทศฟิลิปปินส์
ไปยื่นเปิดเสรีโดยไม่ได้ขออนุญาต ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี จากรัฐสภา และไม่ได้รับฟังความคิดเห็นประชาชนด้วย
ทำผิดมาตั้งแต่ต้น...จะมาขอความเห็นชอบจากรัฐสภาเพื่ออะไร
และทั้งที่ออกมาแถลงข่าวยอมรับเองว่า ไปเจรจาโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ ม.190
แต่กลุ่มข้าราชการทำผิด คิดขายชาติขายแผ่นดิน หาได้สำนึกผิดไม่ ยังคงเดินหน้าปากว่าตาขยิบ...ทำเอกสารให้ข้อมูลบิดเบือนกับรัฐมนตรี ไปพูดชี้แจงโกหกคำโตต่อที่ประชุมอาเซียน ซัมมิท
เพื่อปัดความผิดให้พ้นตัว ให้ข้อมูลบิดเบือนไปว่า...ข้อตกลงเปิดการลงทุนเสรีอาเซียน 3 สาขานั้น ประเทศไทยได้รับความเห็นชอบ จากรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว
แต่ที่ประชุมอาเซียนระดับเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับรอง เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย กรมประมง ขอให้ยับยั้งไว้ก่อน เนื่องจากทำรายการข้อสงวนยังไม่เสร็จ
"โกหก บิดเบือนหมดทุกอย่าง รัฐสภาไทยก็ยังไม่เห็นชอบ จะผ่าน ส.ส. ส.ว.ไปได้ยังไง ในเมื่อยังไม่มีใครเคยเห็นตารางการเปิดเสรีแม้แต่นิดเดียว
ส่วนเรื่องที่ประชุมอาเซียนยังประกาศรับรองไม่ได้ เลยทำให้การประชุมระดับเจ้าหน้าที่ที่ฟิลิปปินส์เมื่อ 6-8 ต.ค. 52 ไม่ได้ข้อสรุป ปัญหาไม่ได้เกิดจากเรา
แต่เป็นเพราะอินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์ไม่ยอมเปิดเสรีเหมือนที่เคยได้สัญญาไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เพราะเขาต้องการคุ้มครองคนในประเทศของตัวเอง เลยไม่เปิดเสรีให้ประเทศอื่นเข้าไปลงทุน
ผิดกับตัวแทนประเทศไทย คนไปเจรจาไม่เคยคิดถึงคนในประเทศชาติของตัวเองเลย"
นี่ถือเป็นเรื่องโชคดีที่อินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์ไม่ยอมโอเค การเปิดเสรีเลยคาราคาซัง การประชุมระดับเจ้าหน้าที่ไม่ได้ข้อสรุป ปัญหาเลยถูกยกขึ้นมาเจรจาในระดับที่สูงขึ้น...ระดับรัฐมนตรี
"อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไม่ยอมทำตามข้อตกลง AIA เพื่อปกป้องคนในชาติตัวเอง แทนที่คณะเจรจาฝ่ายไทยจะฉวยโอกาสนี้มาปกป้องคนในชาติตัวเองเหมือนเขาบ้าง แต่กลับไม่ทำอะไรเลย ยังคงดันทุรังเดินหน้าจะเปิดเสรีให้ได้
การประชุมระดับรัฐมนตรี คณะเจรจากลุ่มนี้ก็ยังไม่ละความพยายามในการขายชาติ ได้วางแผนให้รัฐมนตรีของไทยเจรจากดดันให้อินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์เปิดเสรีให้จงได้ เพราะถ้า 2 ประเทศนี้ตกลง ที่ประชุมอาเซียนจะประกาศรับรองการเปิดเสรี ตามที่คนกลุ่มนี้ต้องการ"
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ นายวิฑูรย์ ชี้ชัด...การให้ข่าวทั้งของฝ่ายราชการและการเมือง มีความห่วงใยบ้านเมือง จะรับฟังความคิดเห็นประชาชน นำเรื่องเสนอ ครม. รัฐสภา ไม่น่าจะเป็นการคิดพูดที่ออกจากใจจริง
น่าจะเป็นแค่การปัดเรื่องให้พ้นตัวไปก่อนเท่านั้น...เพียงเพื่อรอเวลาให้ที่ประชุมอาเซียน ซัมมิท ประกาศรับรองเปิดการลงทุนเสรีอาเซียน ก่อนเท่านั้น
อาเซียนรับรอง ประเทศไทยรับรอง...จากนั้นค่อยหาเหตุผลมาอ้างกับประชาชน ครม. รัฐสภา ว่า...เราไปตกลงสัญญากับต่างประเทศแล้ว ไม่ทำตาม ประเทศชาติจะเสียหายในสายตาชาวโลก
ถ้าไม่ทำตามสัญญา เดี๋ยวประเทศอื่นจะไม่คบหาสมาคมกับเรา แล้วเราจะค้าขายอะไรกับใครไม่ได้ เศรษฐกิจจะแย่หนักเข้าไปอีก
ถึงจะเป็นเหตุผลเดิมๆ...แต่แก๊งขายชาติขายแผ่นดินใช้ได้ผลมาทุกยุคสมัย.