ที่มา Thai E-News
เบื้องหลังโชคมหาศาลคืออาชญากรรม-ค่ายเนชั่นร่วมมือกับพรรคประชาธิืปัตย์และฝ่ายอำนาจแฝงโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลสมัคร-สมชายที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเลือกมา แล้วหนุนนายอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาล ทำหน้าที่ทั้งในฐานะบอดีการ์ดและกองเชียร์ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความชื่นชอบเป็นการส่วนตัว แต่ตามมาด้วยผลประโยชน์ต่างตอบแทนมหาศาล เนชั่นได้คลื่นได้เวลาทีวีช่องต่างๆ ได้เงินโฆษณาจากรัฐบาลอุดหนุนให้ จนได้ล้างน้ำกิจการที่ขาดทุนบักโกรกให้ฟื้นมามีกำไร และกำลังเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเพื่อเข้าตลาดหุ้นในเวลานี้
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
22 ตุลาคม 2552
สื่อค่ายหยุ่นกับรัฐบาลอภิสิทธิ์สมคบกันหาผลประโยชน์ด้วยการย่ำยีประชาธิปไตย?
เครือเนชั่นของสุทธิชัย หยุ่น เป็นผู้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างเต็มไม้เต็มมือที่สุดหลังจากเคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลพรรคพลังประชาชนที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเลือกตั้งมา
จากกิจการที่มีปัญหาจนต้องขายตึกมาใช้หนี้และเสริมสร้างสภาพคล่องให้กิจการ เพียงไม่ถึงปีที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าบริหารประเทศโดยวิถีทางที่น่าละอาย ด้วยการสนับสนุนอย่างแข็งขันของเครือเนชั่นนั้น ล่าสุดเีครือเนชั่น สามารถที่จะนำบริษัทในเครือที่ทำธุรกิจโทรทัศน์และวิทยุ ซึ่งได้เวลาออกอากาศมาด้วยอิทธิพลทางการเมือง รวมทั้งรายได้จากการโฆษณา รายได้จากการจัดกิจกรรมต่างๆให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เช่น สัมมนา เปิดงาน กิจกรรมต่างๆถ่ายทอดสดผ่านสื่อเครือเนชั่นด้วยการเอื้อเฟื่อกันเป็นกรณีพิเศษ เพราะมีความเป็นพวกเดียวกัน เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
เนชั่นนำบริษัทลูกที่ชื่อเนชั่นบรอดแคสติ้ง จำกัด (มหาชน)-NBC เจ้าของทีวีเนชั่นแชนัล และวิทยุเครือเนชั่น เข้าจดทะเบียนเป็นหุ้นใหม่ในตลาดMAI และอยู่ระหว่างการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ทำให้นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ถึงกับทำผิดกฎหมายด้วยการสวมบทบาทนักเล่าข่าวโฆษณาขายหุ้นNBCผ่านสื่อของตัวเอง โดยชี้นำว่าหากใครจองซื้อหุ้นตัวนี้ก็จะ"รวยเละ รวยไม่รู้เรื่อง"เพราะเป็นหุ้นดีมาก ราคาเสนอขายก็ต่ำเพียง2.90บาทต่อหุ้น แถมยังฝ่าฝืนกฎหมายเสนอขายโฆษณาผ่านสื่อตัวเองฝ่าฝืนกฎหมายก.ล.ต.ด้วย ดังที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ไทยอีนิวส์ได้นำเสนอข่าวไปด้วยว่า จากการพิจารณางบการเงินอย่างละเอียดแล้วพบว่าNBCอาจจะไม่ได้ดีถึงขั้นที่นายกนกโฆษณา เพราะก่อนแต่งตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นยังเป็นกิจการที่ขาดทุนสะสมสูงกว่าทุนจดทะเบียน เพิ่งใช้วิธีลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสม และกลายเป็นบริษัทที่มีกำไรขึ้นมา
กำไรของเนชั่นทีวีที่สวนทางกับธุรกิจเดียวกันมันคือตัวชี้ต่างตอบแทนทางการเมือง?
เครือเนชั่นของสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งมีนักเล่าข่าวผ่านโทรทัศน์อย่างกนก-ธีระ ซึ่งตั้งหน้าตั้งตาเชียร์รัฐบาล และถล่มฝ่ายทักษิณและเสื้อแดงอย่างออกหน้าออกตา ได้สร้างความประหลาดใจอย่างใหญ่หลวงให้กับวงการสื่อ เมื่อแจ้งว่าผลดำเนินงานครึ่งปีแรก2552นั้น มีรายได้จากการโฆษณาทางทีวีและวิทยุพุ่งพรวดพราดขึ้นถึง 16 % ในขณะที่ภาพรวมของการซื้อโฆษณาผ่านทางทีวีของเจ้าอื่นๆลดลง 0.95%ขณะที่ยอดซื้อโฆษณาผ่านสื่อวิทยุลดลง 13.34% ในงวด 7 เดือนแรกของปีนี้
แต่ยอดงบรวมพลิกมาขาดทุนบักโกรก เหตุเสื้อแดงบอยคอตยอดขายนสพ.ทรุดฮวบ
อย่างไรก็ตามแม้จะได้สปอนเซอร์รายใหญ่จากรัฐบาลที่เกื้อหนุนกันแบบต่างตอบแทน แต่ในงวด6เดือนปีนี้เนชั่นก็ยังขาดทุน เพราะยอดโฆษณาทางสื่อสิ่งพิมพ์ทรุดหนัก เพราะยอดขายตกฮวบฮาบ โดยมีรายงานว่ายอดขายสายเหนือสายอีสานที่ต่อต้านรัฐบาลและสื่อไร้จรรยาบรรณอย่างเนชั่นเป็นไปอย่างเข้มข้น ทำให้มีหนังสือพิมพ์กลับมากองพะเนิน ส่งผลให้เอเยนซี่ถอนโฆษณา ทำให้ภาพรวมของงบงวดครึ่งปียังคงขาดทุนต่อเนื่อง ดีว่าได้รัฐบาลอุ้มช่วยซื้อโฆษณาทางทีวี-วิทยุให้
ทั้งนี้เนชั่นแจ้งสรุปฐานะการเงินรวมของบริษัทต่อตลาดหลักทรัพย์งวดครึ่งปีนี้ว่า งบการเงินรวมของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ขาดทุน 110.93 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลกำไร 1.11 ล้านบาท
ทั้งนี้เพราะรายได้จากการขายและบริการลดลงร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 เนื่องจาก รายได้จากการขายโฆษณาลดลงร้อยละ 27 โดยมาจากรายได้โฆษณาจากสื่อสิ่งพิมพ์ลดลงร้อยละ 36 เพราะมีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมือง ในขณะที่รายได้โฆษณาจากสื่อทีวีและวิทยุเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 และรายได้จากการให้บริการข่าวสารและโฆษณาผ่านสื่อระบบอิเลคทรอนิคส์ลดลงร้อยละ 8 นอกจากนี้ รายได้จากการจำหน่ายสิ่งพิมพ์ลดลงร้อยละ 19 โดยรายได้จากการจำหน่ายหนังสือพิมพ์ลดลงร้อยละ 8 และรายได้จากการจำหน่ายหนังสือพ๊อคเก็ตบุ๊คส์และการ์ตูนลดลงร้อยละ 33นอกจากนี้รายได้จากบริการด้านการพิมพ์ การเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือต่างประเทศ และบริการรับขนส่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 35
ยอดซื้อโฆษณาตีปี๊บผลงานรัฐบาลแซงโค้ก-โตโยต้า-มือถือสวนทางภาพรวมทรุด
ตอนที่รัฐบาลแถลงผลงาน6เดือนนั้น ผลสำรวจของโพลล์ออกมาว่าได้แค่คาบเส้น ทำให้นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผลงานรัฐบาลมีมากแต่คนไม่ค่อยรู้เพราะอ่อนประชาสัมพันธ์
อย่างไรก็ดีมีรายงานว่ารัฐบาลไม่ได้อ่อนประชาสัมพันธ์เลย กลับใช้เงินโฆษณาสูงติดอันดับ2เหนือกว่าโค้ก และโตโยต้า หรือบริษัทขายโทรมือถือยักษ์ใหญ่เสียอีก ไทยโพสต์รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี เปิดเผยว่า 7 เดือนแรกปีนี้ รวมตัวเลขเดือน ม.ค.-ก.ค.มีการซื้อสื่อโฆษณารวม 49,472 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 4.3%
แบ่งเป็นสื่อทีวี 29,302 ล้านบาท ลดลง 0.95% สื่อวิทยุ 3,378 ล้านบาท ลดลง 13.34% สื่อหนังสือพิมพ์ 7,510 ล้านบาท ลดลง 13.82% สื่อนิตยสาร 2,895 ล้านบาท ลดลง 12.75% สื่อโรงภาพยนตร์ 2,428 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.66% สื่อกลางแจ้ง 2,351 ล้านบาท ลดลง 5.58% สื่อระบบขนส่ง 1,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.14% สื่ออินสโตร์ 471 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.51% และสื่ออินเทอร์เน็ต 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.85%
นีลเส็นยังได้รายงานตัวเลขการซื้อสื่อโฆษณาในเดือน ก.ค.2552 ก็พบว่า บริษัทธุรกิจและองค์กรที่ซื้อสื่อโฆษณาสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ยูนิลีเวอร์ 507.12 ล้านบาท พีแอนด์จี 211.54 ล้านบาท สำนักนายกรัฐมนตรี 160.04 ล้านบาท ไบเออร์สดร๊อฟ 113.84 ล้านบาท และโตโยต้ามอเตอร์ 105 ล้านบาท ส่วนโค้ก,เป๊บซี่,บริษัทมือถือไม่ติด5อันดับแรกแต่อย่างใด
การที่สำนักนายกรัฐมนตรี มีการใช้เงินโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของยอดโฆษณาทั้งหมดเป็นเงินกว่า 160 ล้านบาท ถือว่า เพิ่มขึ้นสองเท่าจากเดือนมิถุนายนที่ใช้เงินโฆษณาไป 76 ล้านบาท
แค่สองเดือน สำนักนายกรัฐมนตรี ใช้เงินโฆษณาไปแล้วกว่า 236 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ใช้ไปเท่าไรแล้ว ใครอยากรู้คงต้องไปขอข้อมูลจาก เอซี นีลสัน
ยอดการใช้เงินโฆษณาของ สำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ใน อันดับ 3 รองจาก ยูนิลิเวอร์ และ พีแอนด์จี มากกว่า ไบเออร์ รถยนต์โตโยต้า โคคาโคลา และมากกว่า เอไอเอส ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่เกือบเท่าตัว เห็นไหมว่าสำนักนายกฯใช้เงินโฆษณามากมายขนาดไหนแม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่เอกชนยังสู้ไม่ได้ แล้วจะมาบอกว่า รัฐบาลอ่อนประชาสัมพันธ์ ได้อย่างไร
นี่แค่งบโฆษณาของหน่วยงานเดียวเท่านั้น ยังไม่นับเงินโฆษณาของกระทรวงต่างๆ ที่ทุ่มงบโฆษณากันอีกมากมาย รวมทั้ง กรุงเทพมหานคร มีการโฆษณาตามสื่อทุกวัน โดยมี รัฐมนตรี และผู้ว่าฯ กทม. เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณากันตรงๆ เลย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีแต่ละคน ยังมีการใช้งบ จ้างเอเยนซีโฆษณา และจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ แยกเป็นส่วนตัวอีกต่างหาก ขนาด รัฐมนตรีว่าการ กับ รัฐมนตรีช่วย ก็ยังจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์แยกกันเลย ของใครของมันเพื่อใช้เผยแพร่งานของตัวเอง เพื่อให้เข้าถึงสื่อและมวลชนให้มากที่สุด ตรงนี้ไม่รู้ใช้งบประมาณไปอีกกี่ร้อยล้านบาท
จ้างประชาสัมพันธ์มืออาชีพมาทำงานกันมากมายขนาดนี้ แล้วยังจะมาบอกว่ารัฐบาลอ่อนเรื่องการประชาสัมพันธ์ คงฟังไม่ขึ้น
เมื่อนับรวมเม็ดเงินทั้งหมด ที่รัฐบาลใช้ไปในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาแล้ว ประเมินคร่าวๆ ว่า น่าจะไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 160 กว่าล้านบาท
ด้วยเม็ดเงินโฆษณาประชาสัมพันธ์ขนาดนี้ คะแนนนิยมของรัฐบาลน่าจะพุ่งขึ้นไปสูงลิ่ว แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม ประชาชนรับรู้ผลงานของรัฐบาลแค่ไม่กี่เรื่อง นักธุรกิจและนักวิชาการให้คะแนนรัฐบาลแค่สอบผ่านด้วยความเกรงใจ
รัฐบาลประเคนเงินโฆษณาให้สื่อกระแสหลักช่วยเชียร์ตอบแทนเนชั่น-ไทยโพสต์สาสม
เงินงบโฆษณาพวกนี้ก็ไปเข้าทางพวกสื่อกระแสหลักที่เป็นพรรคพวกรัฐบาลที่คอยเชียร์รัฐบาล และกระทืบฝั่งทักษิณนั่นแหละครับ หลักๆก็เครือเนชั่นที่รายงานมายังตลาดหลักทรัพย์ว่า ครึ่งแรกปีนี้ยอดขายสิ่งพิมพ์ตก เพราะพวกเสื้อแดงเลิกอ่านแอนตี้ แต่กำไรมาโป่งตรงโทรทัศน์ทั้งช่องเนชั่น และช่องอื่นๆที่เนชั่นไปทำรายการ
โฆษณาจากรัฐบาลมาทั้งทางตรงคือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ มาทั้งรูปแบบอีเว้นต์ที่เนชั่นเข้าไปเหมาหมด ตั้งแต่เป็นพิธีกรเวทีงานเล็กงานใหญ่ ถ่ายทอดสดออกเนชั่น ได้กันเป็นกอบเป็นกำ
จึงไม่แปลกที่คนเนชั่นที่ส่งไปจัดรายการตามฟรีทีวีทุกช่อง จะเก็บอาการไม่ค่อยได้ในการเชียร์รัฐบาลโจ่งแจ้ง และกระทืบเสื้อแดง กระทืบทักษิณจมธรณี
โทนโท่จนยอมจำนนต่อหลักฐาน-หลังจากถูกแฉว่าการที่นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้บริหารหุ้นใหม่เครือเนชั่น(NBC)อาศัยคราบของนักเล่าข่าวใช้ทีวีและวิทยุเนชั่นพูดโฆษณาให้คนจองซื้อหุ้นอันเป็นเท็จและผิดกฎหมายว่าใครจองซื้อไว้จะ"รวยเละรวยไม่รู้เรื่อง" วันต่อมาเนชั่นทำผิดกฎหมายซ้ำอีกด้วยการขึ้นข้อความโฆษณาว่า"ติดต่อจองซื้อหุ้นNBC"พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเป็นการทำผิดประกาศกลต.เรื่องการโฆษณาขายหุ้นผ่านสื่อที่กำหนดไว้ว่าต้องขึ้นข้อความคำเตือน"การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน"ให้เด่นชัดควบคู่กันไปด้วย ล่าสุดวันศุกร์ที่23ต.ค.นี้เนชั่นได้ยุติการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้ว(ดู ลิ้งค์)
ทั้งนี้เมื่อวันศุกร์ที่23นี้สถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี ได้ยุติการโฆษณาขายหุ้นจองน้องใหม่ เนชั่นบรอดแคสติ้ง-NBCแล้ว หลังจากฝ่าฝืนกฎหมายมา2วันต่อเนื่อง โดยในวันที่ 21 ต.ค.นายกนกได้พูดชี้ชวนว่าเขาและนายธีระ ธัญไพบูลย์ก็จองซื้อหุ้นตัวนี้ไว้คนละเป็นแสนหุ้น หุ้นตัวนี้ดีมากราคาจองก็ถูกเพียง2.90บาทต่อหุ้น ใครจองซื้อไว้แค่เงินปันผลก็รวยไม่รู้เท่าไหร่แล้ว "รวยเละ รวยไม่รู้เรื่อง" ซึ่งได้มีผู้ร้องเรียนไปยังสำนักงานก.ล.ต.จำนวนมากว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ วันต่อมาคือ22ต.ค.มีการขึ้นข้อความโฆษณา"ติดต่อจองซื้อหุ้นNBC"พร้อมให้เบอร์โทรติดต่อ โดยที่ยังไม่แน่ชัดว่ามีการขออนุญาตจากกลต.หรือยัง และหากแม้ได้รับอนุญาตก็เป็นการกระทำผิดกฎหมายอีกเรื่อง เพราะไม่ได้ขึ้นข้อความเตือนในเรื่องความเสี่ยงในการลงทุนไว้ตามที่กฎหมายกำหนด
ไทยอีนิวส์ได้นำเสนอข่าวพฤติการณ์เข้าข่ายทำผิดกฎหมายปั่นหุ้นของนายกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้บริหารบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ NBC โดยพูดโฆษณาออกทีวีและวิทยุเนชั่น อันอาจเป็นเท็จว่า หากใครจองซื้อหุ้นตัวนี้ก็จะ"รวยเละ รวยไม่รู้เรื่อง" ต่อมาเมื่อถูกทักท้วง ทางรายการเก็บตกจากเนชั่นก็ไม่ให้นายกนกพูดโฆษณาขายหุ้นแล้ว แต่เนชั่นก็ทำผิดกฎหมายเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก
โดยเนชั่นทีวีหลีกเลี่ยงไม่ให้นายกนกพูดโฆษณาขายหุ้นน้องใหม่NBC แต่ขึ้นข้อความโฆษณาว่า "ติดต่อจองซื้อหุ้นNBC"พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ซึ่งเป็นการทำผิดประกาศกลต.เรื่องการโฆษณาขายหุ้นผ่านสื่อที่กำหนดไว้ว่าต้องขึ้นข้อความคำเตือน"การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน"ให้เด่นชัดควบคู่กันไปด้วย
ไทยอีนิวส์ได้ตรวจสอบดูงบการเงินของNBCว่าดีถึงขั้นจะทำให้ผู้จองซื้อหุ้นตัวนี้มีโอกาส"รวยเละ รวยไม่รู้เรื่อง แค่เงินปันผลก็รวยไม่รู้เท่าไหร่แล้ว"ดังที่นายกนกพูดโฆษณาชี้ชวนหรือไม่ ก็พบว่า นายกนกอาจพูดเกินจริง หรือกระทั่งเข้าข่ายพูดจาอันเป็นเท็จ เพราะบริษัทนี้ไม่กี่ปีก่อนจะ"แต่งตัวเข้าจดทะเบียนในตลาด"ฐานะย่ำแย่ถึงขั้นส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ มียอดขาดทุนสะสมจำนวนมาก โดยเมื่อสิ้นปี2549 มียอดขาดทุนสะสมอยู่ถึง163ล้านบาท ขณะที่มีทุนจดทะเบียน140ล้านบาท ณ ปีนั้น
อย่างไรก็ตามก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพียง2เดือน บริษัทใช้กลวิธีทางบัญชีทำให้ยอดขาดทุนนั้นหายวับไปกับตา โดยการลดทุนจดทะเบียนลง จากนั้นก็พลิกหน้ามือเป็นหลังมือมาเป็นกำไรในทันควันเมื่อสิ้นงวดครึ่งปี2552นี้
เชิญร่วมร้องเรียนกนกปั่นหุ้นและร้องให้เฉดหัวกับกลต.
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเครือเนชั่นมีพฤติการณ์ที่ใกล้ชิดเป็นพวกเดียวกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หากท่านเห็นว่ารัฐบาลอาจเพิกเฉยต่อการกระทำผิดครั้งนี้
ท่านสามารถร้องเรียนพฤติการณ์นี้ทางออนไลน์ไปยังสำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.ได้ตามลิ้งค์นี้ ( คลิ้ก ร้องเรียนก.ล.ต.ทางออนไลน์ )หรือโทรศัพท์ร้องเรียนทางโทรศัพท์ผ่าน Help Center ที่ 0-2263-6000
--------------------
ข่าวเกี่ยวเนื่องที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้:
*จำนนหลักฐานเนชั่นจ๋อย หยุดแล้วโฆษณาขายหุ้น สาวลึกเล่นกลเสกหุ้นเน่าเข้าตลาดขายแมงเม่า
*ไม่รู้จะรวยหรือซวยเละ หุ้นใหม่เนชั่นเสกพ้วงเดียว จากเน่าๆเอาล้างน้ำเข้าตลาดหุ้นเฉยเลย!
*เอาอีกแล้วสื่อโล้นกระบอกเสียงมาร์ค ไม่กลัวเสือกระดาษกลต. ตีปี๊บขายหุ้นผิดกม.โจ่งครึ่ม
*กนกปั่นหุ้นคุก2ปีไม่พอ กฎหมายชี้ต้องโดนเฉดหัวด้วย รู้แกวส่งเมียเป็นนอมินี จี้กลต.เร่งฟัน
*ร้องกลต.ฟันกนกคุก2ปีลูกพี่หยุ่นโดนด้วย ซี้ปึ๊กมาร์คเย้ยกฎหมายปั่นหุ้นเนชั่นกลางอากาศ
*ใครทุบหุ้นยังไม่แน่ แต่คนปั่นหุ้นคาหนังคาเขา มันเป็น"พวกเรา"-มาร์คว่าไง?!