ที่มา บางกอกทูเดย์
สมเด็จฮุน เซน ย้ำ ‘ทักษิณคือ เพื่อน’การไปพบปะสมเด็จฮุน เซน ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นการโชว์ประสิทธิภาพ “โซ่ข้อกลาง” ระดับอินเตอร์ ที่ทำให้การเมืองของไทยต้องจับตาอย่ากระพริบ หมากเตะแต้มแรกของบิ๊กจิ๋ว จึงเล่นบท “โซ่ข้อกลาง”ระหว่างประเทศมันเสียเลยถ้าบิ๊กจิ๋วลบรอยร้าวไทย-กัมพูชา สามารถจบปัญหาตึงเครียดบริเวณพื้นที่ทับซ้อนได้ ให้ประชาชนในพื้นที่ของทั้ง 2 ประเทศกลับมาทำมาค้าขายกันได้เหมือนเดิมตามปกตินี่คือ ผลงานที่เด่นชัด นี่คือ ประสิทธิภาพของโซ่ข้อกลางที่แม้แต่ระดับประเทศยังเชื่อมได้
ขึ้นชื่อว่า “เสือ” ก็ต้องเป็น “เสือ” วันยังค่ำฉะนั้นผู้หลักผู้ใหญ่จึงมักจะเตือนอยู่เสมอๆ ว่า อย่าแหย่เสือหลับ... เพราะเสือจะลุกขึ้นมาขย้ำหัวเอาเมื่อไรก็ได้
แล้วบรรดานายทหาร แม่ทัพ นายกอง ทั้งหลายที่ปกป้องประเทศ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มาอย่างยาวนั้น... เด็กวานซืนดันมามองว่าเป็นเสือหลับ หรือเป็นแมว ก็เท่ากับผิดพลาดอย่างมหันต์วันนี้หลังจากที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินหน้าเข้าไปเป็นประธานพรรคเพื่อไทย เป็นการกลับมาเป็น “เสือ” ที่ต้องตื่นขึ้นมาทำหน้าที่เพื่อบ้านเพื่อเมืองอีกครั้งและพลอยทำให้กองทัพเสือทั้งหลาย นวยนาดยุรยาตรเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยกันเป็นทิวแถวสะดุ้งเฮือกกันไปหมดไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และพลพรรคประชาธิปัตย์ เรื่อยไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล ก๊วนการเมือง และบรรดาผู้มีอำนาจบารมีทั้งหลายแม้แต่กระทั่งประเภทที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี แต่ก็ซ่าออกหน้าทางการเมืองไม่หยุดหย่อน ก็ยังสะดุ้งหลายตลบ
เพราะกระแสเรื่องอายุรัฐบาลนับถอยหลังแล้วตอนนี้ เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้แล้ว
ยิ่งเมื่อ พล.อ.ชวลิต จับประเด็นทางการเมืองอย่างลึกซึ้ง เพราะแทนที่จะเริ่มต้นด้วยการเป็นโซ่ข้อกลางให้กับปัญหาการเมืองในประเทศ ซึ่งนอกจากสถานการณ์ยังไม่สุกงอมพอ แต่ยังเพราะมีการล่อกันฝุ่นตลบ จากผู้ที่กำลังจะสูญเสียอำนาจแถมใครต่อใครก็ปรามาสว่าเป็นโซ่ข้อกลางที่ขึ้นสนิมแล้วฉะนั้นเรื่องอะไรที่จะไปเดินตามเกมที่ ก๊วนการเมืองจับตารอวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เพราะจริงๆ ปัญหาของประเทศไทยในตอนนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองในประเทศที่แตกแยกแบ่งสี ซึ่งจนถึงวินาทีนี้ยังไม่มีใครยอมใครและไม่ใช่แค่เรื่องทุจริตฉาวโฉ่ที่ผุดราวกับดอกเห็ดหน้าฝน แต่เป็นทุจริตเบ่งบานเพราะฤดูกาลเงินกู้ ซึ่งแน่นอนว่ารัฐบาลคงต้องใช้เสียงข้างมากลากถูลู่ถูกังกันไป โดยไม่ยอมลดราวาศอกง่ายๆ แน่ๆแต่ยังมีเรื่องปัญหากระทบกระทั่งกับบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไล่มาตั้งแต่ตัวนายอภิสิทธิ์เอง หรือนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการประสานสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านแต่เพราะปากเป็นเหตุ จนทำให้ยากที่จะทำหน้าที่ หรือสร้างผลงานประสานรอยร้าวระหว่างประเทศได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทเขาพระวิหารในขณะที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ล้วนจับตามองอยู่ว่า รัฐบาลจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร จะทำให้จบแบบลบรอยร้าวระหว่างประเทศได้หรือไม่ มีน้ำยากันแค่ไหน เพราะสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวใส่รัฐบาลอภิสิทธิ์มาโดยตลอด ขู่เป็นระยะๆ ว่าพร้อมรบพร้อมปะทะแม้แต่การประชุมสุดยอดอาเซียน ที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพ เป็นผู้นำกลุ่ม สมเด็จฮุน เซน ก็ไม่มาร่วมพิธีเปิด แต่จะมาประชุมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศกัมพูชาตบหน้ารัฐบาลอภิสิทธิ์ และนายกษิต อย่างเห็นได้ชัดนี่คือ ช่องโหว่ของปัญหาระหว่างประเทศที่บิ๊กจิ๋วมองทะลุว่า รัฐบาลเด็กเมื่อวานซืนกับรัฐมนตรีปากไม่มีหูรูด ยากที่จะแก้ปัญหาได้แน่หมากเตะแต้มแรกของบิ๊กจิ๋ว จึงเล่นบท “โซ่ข้อกลาง”ระหว่างประเทศมันเสียเลย
ถ้าบิ๊กจิ๋วลบรอยร้าวไทย-กัมพูชา สามารถจบปัญหาตึงเครียดบริเวณพื้นที่ทับซ้อนได้ ให้ประชาชนในพื้นที่ของทั้ง 2 ประเทศกลับมาทำมาค้าขายกันได้เหมือนเดิมตามปกตินี่คือ ผลงานที่เด่นชัด นี่คือ ประสิทธิภาพของโซ่ข้อกลางที่แม้แต่ระดับประเทศยังเชื่อมได้เมื่อตุนคะแนนแต้มแรกจากเรื่องระหว่างประเทศได้แล้ว ความน่าเชื่อถือในการจะเป็นโซ่ข้อกลางยุติความบาดหมางในประเทศก็จะเพิ่มมากขึ้น ความน่าเชื่อถือก็จะมีมากขึ้นดังนั้น การเปิดเกมด้วยการไปสัมผัสมือและกอดรัดกับสมเด็จฮุน เซน ที่บ้านพักรับรองในกรุงพนมเปญ จึงสร้างความสะท้านขึ้นมาในแวดวงการเมืองอย่างรุนแรงจากที่เดิมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง พูดเองว่า รัฐบาลไม่ได้มีข้อห่วงใยอะไร พล.อ.ชวลิต สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ตามปกติ และเชื่อว่าคนที่เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คงไม่ทำอะไรที่เสียหายกับประเทศไทย “รัฐบาลไม่ได้คิดเรื่องข้ามหน้าข้ามตาอะไร หากเดินทางไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน ก็ต้องขอบคุณด้วยซ้ำ จึงไม่มีอะไรที่กังวลใจ ไม่จำเป็นต้องจับตาการเดินทางไปกัมพูชาครั้งนี้ ของ พล.อ.ชวลิต เป็นพิเศษ”แต่เมื่อภาพที่ออกมาผ่านสื่อมวลชนทั่วโลก ทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ และนายสุเทพเองก็ต้องกลับมาคิดใหม่เพราะความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ชวลิต พุ่งปรี๊ด แต่ความน่าเชื่อถือของนายอภิสิทธิ์ และนายกษิต หล่นฮวบยิ่งสมเด็จฮุน เซน ระบุชัดถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพล.อ.ชวลิต และความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาชนกัมพูชากับพรรคเพื่อไทย ถึงขนาดแต่งตั้งพล.อ.เตียบันห์ ให้เป็นหัวหน้าคณะประสานงานพรรคการเมืองทั้งสอง โดยทางพรรคเพื่อไทยจะเสนอตั้งพล.อ.วิชิต ยาทิพย์ เป็นหัวหน้าคณะประสานงานของพรรคเพื่อไทยแต่ที่ร้อนฉ่าก็คือ การประกาศว่าพร้อมจะสร้างบ้านให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
“ผมมีความสัมพันธ์กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะเพื่อน มีความรักความผูกพันกันมาตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักธุรกิจจนกระทั่งลงมาเล่นการเมืองเป็นนายกรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังผูกพันธ์เหมือนเดิมทุกอย่าง ในฐานะเพื่อนมีความรู้สึกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมือง ประสบเคราะห์กรรม แต่ผมกับทักษิณก็ยังเป็นเพื่อนกัน ในฐานะที่ทำประโยชน์ให้ประเทศมานาน แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ผมมีความรู้สึกเจ็บปวดในเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนไทย ผมและคนในครอบครัวได้รับรู้เรื่องนี้ ภรรยาผมถึงกับร้องไห้ และมีความเห็นที่จะสร้างบ้านให้พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาอยู่ในกรุงพนมเปญ ในฐานะเพื่อน อย่างมีเกียรติ” นายกฯ กัมพูชา กล่าวเป็นข่าวดังออกไปทั่วโลก และทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ คมช. คตส. รวมทั้งกระบวนการลับ ลวง พราง แผนบันได 4 ขั้น สะดุ้งเฮือกไปตามๆ กัน กับมุมมองที่ตรงไปตรงมาเรื่อง “ความเป็นธรรม” ทางการเมืองเมื่อก่อนบรรดาประเทศต่างๆ อาจจะมีการพูดคุยกันในหมู่นักกฎหมาย นักรัฐศาสตร์ระดับประเทศระดับโลก ว่า เกิดเรื่อง 2 มาตรฐานขึ้นในประเทศไทย แต่ก็เป็นการกระซิบพูดไปทั่วในลักษณะของการรักษาหน้าประเทศไทยไม่เหมือนครั้งนี้ที่ดังไปทั่วโลกฉะนั้นไม่แปลกที่ รัฐบาลอภิสิทธิ์ ต้องประเมินเกมใหม่หมดขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ทวิตเตอร์ ว่าขอขอบคุณ สมเด็จฮุน เซน ที่กรุณาบอกต่อสาธารณะชนว่าตนเองเป็นเพื่อน และยินดีให้การต้อนรับทุกเวลา และยังได้กรุณาจัดบ้านให้ไปอยู่ที่พนมเปญ รวมทั้งยังได้ขอขอบคุณ พล.อ.ชวลิต และ พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ ตลอดจนเพื่อนๆ เตรียมทหารรุ่น 10 ที่โตมาด้วยกันและรู้จักตนเองดีว่า การกล่าวหาว่า ไม่จงรักภักดีไม่เป็นเรื่องจริงเห็นหรือยังว่าการที่ พล.อ.ชวลิต ในฐานะประธานพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรอง ผบ.ทบ. พล.ท.พิรัช สวามิวัสดุ์ และ พล.ต.ศรชัย มนตริวัต เดินทางไปกัมพูชาครั้งนี้ เป็นการเปิดเกมรุกแต้มแรกที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่งจริงๆ... และเชื่อเถอะว่า เกม 2 เกม 3 ยังมีตามมาให้รัฐบาลเด็กดื้อ ต้องพล่านยิ่งกว่านี้แน่
“เทพเทือก” ทำใจดีสู้เสือ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีสมเด็จฮุน เซน จะสร้างบ้านไว้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ว่า คงไม่มีอะไร และไม่ใช่เรื่องที่ต้องแปลกใจอะไร เป็นเรื่องปกติ“ท่านบอกผมมาเองว่า ไม่ต้องกังวลใจเรื่องกรณีคุณทักษิณ ท่านแยกแยะได้ว่าเรื่องความเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อนกันอยู่ ท่านบอกว่าคนเป็นเพื่อนก็คบกันเป็นเพื่อน แต่เรื่องภาระหน้าที่ของบ้านเมืองในการเป็นหัวหน้ารัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องแยกกัน ตอนนั้นท่านพูดกับผมอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น”“การที่นายกรัฐมนตรีของประเทศหนึ่งจะมีเพื่อนสักกี่คนก็เป็นสิทธิของท่าน ถ้าท่านเป็นเพื่อนกับคนที่มีปัญหากับเรา แล้วเราจะต้องไปโกรธทั้งประเทศก็ไม่มีเหตุผล หรืออย่างถ้าผมเป็นเพื่อนกับใครสักคน ซึ่งบังเอิญเป็นคนที่สมเด็จฮุน เซนไม่ชอบ ก็ไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้เขมรกับไทยต้องโกรธกัน” นายสุเทพ กล่าวส่วนเรื่องที่สมเด็จฮุน เซน บอกว่าการเมืองไทยแก้ได้ด้วยการอโหสิกรรมนั้น คิดว่าจะทำตามที่แนะนำหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ก็ดี ก็ฟังท่านไว้ คนไทยก็อโหสิกันเป็นประจำ”