ที่มา ไทยรัฐ อ่านรายละเอียดทั้งหมดคลิ้กที่นี่
"นายกฯอภิสิทธิ์" ประเมินผลงาน รมต. "วีระชัย-พีระพันธุ์-กษิต" สอบตกไร้ผลงาน "ธีระ-ถาวร-ชัยวุฒิ" จ่อคิวลุ้นถูกเด้ง "ชวรัตน์" ขู่ห้ามแตะโควตา รมต.ภูมิใจไทย "บิ๊กจิ๋ว" บินหารือ "ฮุนเซน" ฟื้นสัมพันธ์เขมร "ฮุนเซน" เผยเมียร้องไห้สงสาร "ทักษิณ" ลั่นสร้างบ้านหลังใหญ่ให้ "ทักษิณ" อยู่ถาวร ประกาศพร้อมจับมือไทยใช้ประโยชน์ในพื้นที่ชายแดนทับซ้อน "จิ๋ว" แจ้นรีบรายงานนายใหญ่ดูไบทันที เปิดฉากอาเซียนวันแรก รปภ.สุดเข้ม เผยผู้นำอินโดฯ-มาเลย์ไม่ร่วมเปิดประชุมอาเซียนซัมมิท "เทือก" ขู่ถอนประกัน "อริสมันต์" แกนนำเสื้อแดงยันไม่ป่วนล้มเวทีอาเซียน แจงแค่ยื่นหนังสือแสดงจุดยืนเท่านั้น
ในที่สุดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ก็ได้เปิดฉากขึ้น โดยที่รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ และออกมากำชับห้ามม็อบคนเสื้อแดงบุกเข้าไปในพื้นที่ของการประชุมเด็ดขาด
เสื้อแดงยันไม่ป่วนล้มเวทีอาเซียน
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงถึงจุดยืนของกลุ่มคนเสื้อแดงต่อการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (อาเซียนซัมมิท) ว่า ในวันที่ 22 ต.ค. แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงจะประชุมหารือพร้อมทั้งแถลงจุดยืนในขั้นสุดท้าย แต่ในเบื้องต้นความเห็นค่อนข้างตกผลึกแล้วว่าจะไม่มีการไปล้มหรือไปขัดขวางการประชุม เป้าหมายของกลุ่มคนเสื้อแดงคือการล้มรัฐบาลและล้มอำมาตย์ตามวิถีทางประชาธิปไตย ถึงแม้จะล้มการประชุมอาเซียนซัมมิทได้ แต่อำมาตย์ก็ยังอยู่ ส่วนกรณีที่นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อผู้นำอาเซียนนั้น นายอริสมันต์ตั้งใจจะไปเพียงกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 1 คันรถตู้ แต่ต้องรอมติจากที่ประชุมในวันที่ 22 ต.ค.ก่อน
ย้ำยื่นหนังสือแสดงจุดยืนเสื้อแดง
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00 น. ที่บริษัทเพื่อนพ้อง น้องพี่ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงความพยายามยื่นหนังสือ ต่อผู้นำอาเซียนของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง หนึ่งในแกนนำ นปช. ว่า เป็นเพียงการยื่นหนังสือยืนยันว่า กลุ่มคนเสื้อแดงให้การสนับสนุนการประชุมอาเซียนซัมมิท และต้องการชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เมืองพัทยา อันเป็นเหตุให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนต้องล่ม และ เลื่อนมาประชุมใหม่ในระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค.นี้ ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ว่า ไม่ได้มาจากการกระทำของคนเสื้อแดงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะ ไปก่อกวน สร้างความวุ่นวายอะไรอย่างที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวหา และนายสุเทพไม่มีสิทธิ์จะมาขัดขวาง แค่ไปยื่นหนังสือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอาเซียน และนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน เสร็จแล้วก็เดินทางกลับทันที อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังรอคำตอบจากประธานอาเซียนว่า จะมารับหนังสือด้วยตัวเองหรือไม่
ไม่มีสิทธิห้าม นปช.ชุมนุม
วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เปิดเผยว่า ขณะนี้อัยการฝ่ายคดีอาญายังไม่สามารถพิจารณาสั่งคดีแกนนำ นปช. ซึ่งมีนายวีระ มุสิกพงศ์ กับพวก 14 คน รวมถึงนาย อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เป็นผู้ต้องหาคดีบุกรุกทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 มี.ค. จนถึงช่วงสงกรานต์กลางเดือน เม.ย. ที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะยังพิจารณา สำนวนไม่เสร็จสิ้น การสั่งคดีไม่ทันของอัยการ ทำให้พนักงาน สอบสวนต้องปล่อยตัว นปช. 14 คนไป และเงื่อนไขที่ศาล อาญาสั่งห้ามผู้ต้องหาทั้งหมดชุมนุมเคลื่อนไหวจึงยุติลง ไปด้วย การที่ผู้ต้องหาทั้งหมดประกาศใช้สิทธิเคลื่อนไหวชุมนุมในวันประชุมอาเซียน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หากมีการกระทำเกินเลยจนผิดกฎหมายขึ้นมาอีกก็ต้องถูกดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนมีสิทธิคัดค้านการประกันตัว โดยอ้างว่า นปช.ทำผิดซ้ำซาก ศาลอาจพิจารณาไม่อนุญาตให้ประกันตัว สำหรับคดี นปช.ทุกสำนวนอัยการเจ้าของสำนวนได้ให้ประกัน นปช. โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขห้ามไปเคลื่อนไหวชุมนุม อัยการจึงไม่มีสิทธิไป ห้าม นปช.ชุมนุมที่หัวหิน เพราะจะกลายเป็นการละเมิดสิทธิ ยกเว้นว่าเมื่อถึงเวลาครบสัญญาประกัน และอัยการ ยังพิจารณาสั่งฟ้อง หรือสั่งไม่ฟ้อง นปช.ได้ทัน นปช.จะต้องขอต่อสัญญาประกันกับทางอัยการอีก อัยการก็อาจจะต่อสัญญาประกันให้ พร้อมกับวางเงื่อนไขห้ามชุมนุมเพื่อ เป็นการป้องกันความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
อสส.งัดข้อ ป.ป.ช.คดีสลายม็อบ
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีที่ ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิดคดีการสลายม็อบพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ซึ่งได้ส่งเรื่องให้อัยการดำเนินการส่งฟ้องต่อศาล ว่า ล่าสุด ทางสำนักงานอัยการสูงสุดตีกลับสำนวนคดีดังกล่าว กลับมายัง ป.ป.ช.เพื่อให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างป.ป.ช. และอัยการ มาสอบสวนคดีเพิ่มเติม เนื่องจากเห็นว่า คดียังมีความบกพร่อง ไม่สมบูรณ์ ไม่มีการสอบปากคำ พยานอีกเกือบ 100 ปาก จากฝ่ายตำรวจ ทั้งที่พยานบาง ส่วน ป.ป.ช.ได้สอบไปแล้ว แต่อัยการเห็นว่า ข้อมูลยังไม่ เพียงพอ ดังนั้น ในวันที่ 22 ต.ค. จะนำเรื่องดังกล่าวเข้า สู่ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช. และอัยการต่อไป ส่วนตัวมองว่าอัยการใช้เวลาใน การพิจารณาสำนวนของ ป.ป.ช.เร็วมาก ก่อนตีกลับมาให้ ป.ป.ช.ตั้งคณะทำงานร่วม ถือว่าเป็นคดีที่พิจารณาเร็วที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ใช้เวลาหลังจากที่ ป.ป.ช.ส่งสำนวนไปให้ไม่ถึง 1 เดือน ก็ส่งเรื่องกลับมาแล้ว
ฝ่ายค้านโบกมือลาวิป 3 ฝ่าย
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.15 น. ที่รัฐสภา นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 22 ต.ค.ว่า ฝ่ายค้านจะไม่ร่วมประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันดังกล่าว โดยจะให้รัฐบาลดำเนินการหารือกับวุฒิสภาให้ตกผลึกก่อนแล้วค่อยแจ้งมาที่ฝ่ายค้าน ซึ่งเชื่อว่าเสียงของรัฐบาลและพรรคร่วมเพียงพอที่จะเสนอญัตติอยู่แล้ว และแม้จะมีการเรียกประชุมวิป 3 ฝ่ายอีกกี่ครั้งฝ่ายค้านก็จะยังยืนยันในแนวทางนี้ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 291 พรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะร่วมพิจารณาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ และพร้อมที่จะถกเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น แต่พรรคมีมติชัดเจนยืนยันในหลักการว่าจะนำรัฐธรรมนูญ 2540 มาเป็นหลักเทียบเคียงในการแก้ไข แต่ยังยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ เมื่อถามว่า การโหวตของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในวันลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นไปตามมติของพรรคหรือฟรีโหวต นายวิทยาตอบว่า ถ้าเป็นไปตามเงื่อนไขที่ใช้รัฐ-ธรรมนูญ 2540 เป็นหลักก็คงเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.
"บิ๊กจิ๋ว" บินหารือ "ฮุน เซน"
ต่อมาเมื่อเวลา 07.40 น. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรอง ผบ.ทบ. พล.ท.พิรัช สวามิวัสดุ์ พล.ต.ศรชัย มนตริวัต เดินทางไปประเทศกัมพูชา โดยมี พล.อ.เตียบันห์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมกัมพูชา มาต้อนรับ จากนั้นเมื่อเวลา 11.00 น. คณะ พล.อ.ชวลิต ได้เดินทางเข้าพบสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่บ้านพักรับรอง ในกรุงพนมเปญเพื่อร่วมหารือถึงสถานการณ์การเมืองทั่วไป
จากนั้นเมื่อเวลา 14.00 น. สมเด็จฮุน เซน ให้สัมภาษณ์ ว่า เมื่อตนรู้ว่า พล.อ.ชวลิตเข้ามาเป็นประธานพรรคเพื่อไทยจึงได้เชิญมากัมพูชา เพราะท่านเคยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เรามีความสัมพันธ์ที่ดีโดยเฉพาะพรรคประชาชนกัมพูชากับพรรคเพื่อไทย ซึ่งในอดีตเป็นพรรคไทยรักไทย ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของพรรคการเมืองทั้งสอง จึงได้แต่งตั้ง พล.อ.เตียบันห์ เป็นหัวหน้าคณะประสานงานพรรคการเมืองทั้งสอง โดยทางพรรคเพื่อไทยจะเสนอตั้ง พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ เป็นหัวหน้าคณะประสานงานของพรรคเพื่อไทย
"ฮุน เซน" เผยเมียร้องไห้สงสารทักษิณ
"ผมมีความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะเพื่อน เรามีความรักความผูกพันกันมาตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักธุรกิจจนกระทั่งลงมาเล่นการเมืองเป็นนายกรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองยังผูกพันเหมือนเดิมทุกอย่าง ในฐานะเพื่อน ผมมีความรู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมือง ประสบเคราะห์กรรม แต่ผมกับทักษิณก็ยังเป็นเพื่อนกัน ในฐานะที่ทำประโยชน์ให้ประเทศมานาน แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ผมมีความรู้สึกเจ็บปวดในเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนไทย ผมและคนในครอบครัวได้รับรู้เรื่องนี้ ภรรยาผมถึงกับร้องไห้ และมีความเห็นที่จะสร้างบ้านให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาอยู่ในกรุงพนมเปญในฐานะเพื่อน อย่างมีเกียรติ" สมเด็จฮุน เซน กล่าว
พร้อมร่วมมือแก้ปัญหาชายแดน
สมเด็จฮุน เซนกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องท่าทีของรัฐบาลกัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน ตนมีความรักในสันติภาพกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงอยากขอให้พวกเราถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่มีปัญหา เพราะไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า และขอให้คณะกรรมการประสานงานชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (เจบีซี) เป็นผู้ดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะในพื้นที่ทับซ้อน ตนเห็นว่าสามารถที่จะใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ทั้งสองประเทศ ส่วนเรื่องที่รัฐบาลกัมพูชาให้บริษัทต่างชาติสำรวจทรัพยากรในทะเลนั้น ขอยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด และทางกัมพูชาได้เสนอรัฐบาลไทยและรออยู่เพื่อตกลง จะขุดหาผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ถึงขณะนี้
ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
ย้ำ "ฮุน เซน" สร้างบ้านให้ "ทักษิณ"
ด้าน พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยินใครพูดที่มีความจริงใจระหว่างเพื่อนที่มีต่อเพื่อน ความห่วงใยเพื่อนเมื่อประสบทุกข์ ตนจะนำความปรารถนาดีที่สมเด็จฮุน เซนแสดงออกวันนี้แจ้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับทราบ ทั้งนี้ สมเด็จฮุน เซนยังแสดงความเห็นว่า ปัญหาการเมืองไทยควรจะมีทางออก โดยเฉพาะการอโหสิกรรมให้กันและหันหน้าเข้าหากันนำมาสู่การพัฒนาประเทศ
พล.อ.ชวลิตยังกล่าวอีกว่า ในระหว่างที่เดินทางมาที่สนามบินก่อนกลับประเทศไทย สมเด็จฮุน เซนยังได้โทรศัพท์มาย้ำกับตนว่า ขอให้พี่น้องกลุ่มคนเสื้อแดง ทราบว่า สมเด็จฮุน เซนได้สร้างบ้านพักหลังใหญ่สวยงามให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณในกรุงพนมเปญ แทนที่จะไปอยู่ ที่ดูไบ โดยฝากบอกไปว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมาอยู่เมื่อไหร่ก็ได้ กัมพูชายินดีต้อนรับ
"จิ๋ว" รีบรายงานนายใหญ่ดูไบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อน พล.อ.ชวลิตจะขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย พ.ต.ท.ทักษิณได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม พล.อ.ชวลิต ถึงการเข้าพบสมเด็จฮุน เซน โดย พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี นายกฯฮุน เซนมีอัธยาศัยไมตรีที่ดีไม่เปลี่ยนแปลง และยังฝากบอก พ.ต.ท.ทักษิณให้เดินทางมาอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เพราะได้สร้างบ้านหลังใหญ่สวยหรูไว้รอต้อนรับ ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวทางโทรศัพท์ว่า อยากให้ พล.อ.ชวลิตเดินทางไปประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศพม่า และลงไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย พล.อ.ชวลิตกล่าวตอบกลับว่าจะเดินทางลงไปในพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเร็วๆนี้ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แต่ขอทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ
ชี้ "จิ๋ว" บินถกฮุน เซนเรื่องธรรมดา
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 ต.ค. ที่สำนักงาน นสพ.ไทยโพสต์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบปะกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่กรุงพนมเปญว่า ตนขอให้ พล.อ.ชวลิตไปช่วยให้ความสัมพันธ์อยู่ในระดับที่ราบรื่น ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯไม่เกรงว่า พล.อ.ชวลิตจะนำข้อมูลภายในของไทยไปบอกสมเด็จฮุน เซนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ผมว่าท่านเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี" เมื่อถามว่า นายกฯมองอย่างไรทั้งที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ชวลิตมีสิทธิที่จะไปพบสมเด็จฮุน เซนได้ทำไมถึงได้ไปพบช่วงจังหวะเวลานี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่หรอก การพบปะแลกเปลี่ยนกันเป็นเรื่องธรรมดา ผมเป็นฝ่ายค้านก็เคยเดินทางไปพบกับต่างประเทศเป็นเรื่องธรรมดา แต่หวังว่าไปแล้วจะช่วยให้การทำงานต่างๆราบรื่นขึ้น"