WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, April 19, 2010

จุดเปลี่ยนหรือจุดหายนะ?

ที่มา โลกวันนี้


โดย สุรชัย ปากช่อง

“วันนี้ในทางการเมืองความชอบธรรมหมดไปแล้ว เราเรียกร้องความรับผิดชอบจากนายกฯ จะลาออก หรือถ้ากลัวว่าลาออกแล้วพรรคประชาธิปัตย์จะมีอำนาจ ท่านจะยุบสภาก็ได้ แต่ท่านไม่ควรเพิกเฉย เพราะถ้าไม่ทำอะไรก็เท่ากับทำร้ายบ้านเมือง และกำลังทำร้ายระบบการเมือง เพราะระบบการเมืองในวิถีระบอบประชาธิปไตย
ไม่มีที่ไหนในโลกที่ประชาชนถูกทำร้ายจากภาครัฐ
แต่รัฐบาลที่มาจากประชาชนไม่แสดงความรับผิดชอบ

และจนกว่าเราจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้ พรรคไม่สามารถเข้าร่วม ผมจึงได้ทำหนังสือปฏิเสธการเข้าร่วมเจรจาเพื่อตั้งคณะทำงานยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่ารัฐบาลไม่ได้แสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา ซึ่งพรรคจะติดตามสถานการณ์ต่อไป และจะทำทุกวิถีทางที่ทำได้ เพื่อรักษาความยุติธรรม และให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่เป็นเหยื่อในครั้งนี้”

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกับผู้สื่อข่าวหลังการสลายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บกว่า 400 คน
เรียกร้องให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมขณะนั้น แสดงความรับผิดชอบด้วยการยุบสภา ไม่ใช่ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง

แต่การสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 23 คน และบาดเจ็บ 852 คน นายอภิสิทธิ์กลับอ้างว่าเป็นมือของ “ผู้ก่อการร้าย” ไม่ใช่ทหาร ทั้งที่มาจากการสั่งสลายการชุมนุมของรัฐบาล

ดังนั้น วันนี้จึงมีหลายฝ่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศนำคำพูด
และการประกาศจุดยืนทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ที่ผ่านมา
เพื่อสะท้อนให้เห็นว่ามีสำนึกความเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตย
หรือเป็นแค่นักการเมืองที่โกหกปลิ้นปล้อน
และยึดผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องมากกว่าบ้านเมืองและประชาชน

อย่างที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาในทันที เพราะผู้นำต้องมีสำนึกความรับผิดชอบต่อแผ่นดินและต่อปัญหาทั้งปวงที่เกิดขึ้น

“ไม่ใช่มองว่าฉันเป็นรัฐบาล เขาเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เพราะอย่างนี้จะแก้ไม่ได้ ผมเสียใจที่พยายามพูดมานานให้คนคนนี้มีความสำนึกในเรื่องนี้ เพราะหัวใจเป็นเรื่องสำคัญมาก คนจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แต่ไม่ให้เกียรติกับคนที่เป็นคู่กรณี ไม่ตระหนักในความรู้สึกหรือปัญหาของเขา ไม่มีทางแก้ได้ เราแก้กันมามากแล้ว แก้กันมาตลอดชีวิตแล้ว วันนี้มันเกิดความอับอายมาก ผมไม่เคยเห็นเพื่อนฝูงในกลุ่มอาเซียนมีความรู้สึกต่อประเทศไทยหรือผู้นำของไทยเหมือนครั้งนี้เลย น่าเสียใจมาก”

เมื่อครั้งเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 พล.อ.ชวลิตที่มีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรับผิดชอบในเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งในทันทีที่มีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บ

ที่สำคัญนายอภิสิทธิ์ยังพยายามโยนความผิดไปที่ “ผู้ก่อการร้าย” และประกาศที่จะสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงอีกครั้งเมื่อระยะเวลา กำลังทหาร และอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกอย่างมีความพร้อม ซึ่งแสดงว่าทั้งนายอภิสิทธิ์ กองทัพ และผู้มีอำนาจ ไม่ได้รู้สึกสำนึกและรับผิดชอบกับการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนและทหารเลย

นายอภิสิทธิ์ยังหมกมุ่นแต่จะแก้ปัญหาทางการเมืองมากกว่าปัญหาของประชาชน เป็นนักการเมืองที่เชื่อในอำนาจ “นิติรัฐ” มากกว่าประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

จึงไม่แปลกที่นายอภิสิทธิ์จะเห็นดีเห็นชอบกับการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และอ้างความชอบธรรมตามกฎหมายที่จะใช้ความรุนแรงเพื่อสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง โดยเพิกเฉยกับการเรียกร้องให้ยุบสภาและแสดงความรับผิดชอบใดๆ นอกจากการกล่าวหาว่าเป็นเพราะผู้ก่อการร้ายและการชุมนุมของคนเสื้อแดง

แต่นายอภิสิทธิ์กลับลืมคำพูดตัวเองที่เคยประณามรัฐบาลนายสมชายว่า รัฐบาลจะบริหารประเทศให้ดีขึ้นได้อย่างไรเมื่อเกิดเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 แล้วและไม่มีการแสดงความรับผิดชอบ แทนที่จะรักษาความถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลที่มาจากประชาชน เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับประชาชนต้องแสดงความรับผิดชอบก่อน

จึงมีการตั้งคำถามว่า “ยุบสภา” ใครคือผู้เสียหาย?

คำตอบคือ ยุบสภามีแต่นักการเมืองที่ “เสียหาย” ประชาชนมีแต่ “ได้” เพราะได้อำนาจของตนเองกลับคืน อำนาจที่จะตัดสินใจอนาคตของตัวเองและบ้านเมือง ไม่ใช่เป็นอำนาจของนักการเมืองคนใดหรือกลุ่มใด