ภายใต้คำจำกัดความที่ “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พูดปลุกขวัญขุนศึกของพรรคในที่ประชุมใหญ่ประจำปี 2551
เร้าสถานการณ์ ถ้ามีการยุบ 3 พรรคก็เท่ากับฆ่าประเทศไทย
รับมุกจาก “หนูนา” น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ลูกสาวของ “บิ๊กเติ้ง” นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ออกมาแฉนำร่อง
“มีใบสั่งจากผู้ใหญ่ให้ยุบพรรค”
“ต้องพูดซัดกลับไป เพราะมีคนพยายามทำให้พรรคสะดุดหยุดลง มีพวกมือที่มองไม่เห็น ดำเนินการกันอยู่ไม่หยุด ไม่หย่อน จะเอากันให้ตาย
ไม่รู้จะเล่นกันไปถึงไหน ยังเล่นกันไม่เลิก แต่พวกเราไม่ต้องวิตกกังวล ผมพยายามสู้อยู่ โดยได้ต่อสู้อยู่ในหลายมิติ ต่อไปถ้าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
“ลุงหมัก” ตั้งท่ารบเต็มพิกัด
ฟัดกับมือที่มองไม่เห็น
และก็เป็นอะไรที่เปิดหน้าออกมาชนเต็มตัว
“บุรุษคาบไปป์” น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ เจ้าตำรับฉบับ “หน้าแหลมฟันดำ” ออกมาอัด “ลุงหมัก” ที่ปลุกเร้าสถานการณ์ ถ้ายุบพรรคเท่ากับฆ่าประเทศไทย
“เป็นการเปรียบเทียบที่ทุเรศ เอาพรรคไปเปรียบเทียบกับประเทศได้อย่างไร”
ฝั่งหนึ่งเร้าสถานการณ์ยุบพรรคที่ถาโถมเข้าใส่ “ค่อนข้างรุนแรงเต็มเหนี่ยว”
อีกฝั่งเปิดเกมถล่มกลับด้วยคำว่า “ทุเรศ”
ติดดาบตะลุมบอนกันเลย
และกับเดิมพันที่พรรคพลังประชาชนโยนออกมาล่าสุด วิธีการที่น่าจะดีที่สุด คือ เร่งแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรค
หากสามารถดำเนินการได้ทันก็จะรอด
พร้อมกับเร่งเกมเร็วทันที นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ออกมาเปิดแนวทางนำร่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยใช้วิธีการ 3 แนวทางคือ
1. รัฐบาลรับเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ
2. ส.ส.พรรคพลังประชาชนดำเนินการยื่นญัตติขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญ
3. ส่งสัญญาณไปยังภาคประชาชน เพื่อเปิดโอกาสให้ส่งความคิดเห็นหรือร่างกฎหมายมาประกบ เพื่อที่จะแก้ไขต่อไป
พรรคพลังประชาชนเขี่ยลูกแก้รัฐธรรมนูญ
ดิ้นสู้เกมยุบพรรค
แน่นอนต้องเจอกับด่านแรก “บุรุษคาบไปป์” โดดขวางลำทันควัน
“หากเป็นการวางยาในรัฐธรรมนูญ ถามว่า ลงเลือกตั้งทำไม คุณใช้รัฐธรรมนูญเป็นประโยชน์ตอนการเลือกตั้ง แต่พอเสร็จแล้วเห็นว่ามีสิ่งขัดขวางผลประโยชน์ในวันข้างหน้าก็คิดจะรื้อทิ้ง ซึ่งเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง”
หน่วยพิทักษ์ออกโรง
“รัฐธรรมนูญข้าใครอย่าแตะ”
แต่โดยการตั้งท่าหักลำ นายสุทินก็สวนกลับแบบไม่ยั้ง แดกดันเป็นทำนอง แม้ว่าเจตนาของเผด็จการกลุ่มเดิมอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล แต่บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร เพราะประชาชนชาวไทยไม่มีความสุข และประชาคมโลกก็ไม่ยอมรับ จะเกิดวิกฤติทางการเมือง
ถ้า น.ต.ประสงค์ใช้สมองคิดในเรื่องนี้ ก็คงจะได้คำตอบเดียวกับนายกรัฐมนตรี
“ตราบาปที่เผด็จการทิ้งไว้มี 2 ประเภท ด้วยกัน คือ 1. กฎหมายที่เผด็จการบัญญัติไว้ คือ รัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก ซึ่งวันนี้กำลังจะถูกชำระสะสางแล้ว
และ 2. บุคคลที่ขณะนี้บางคนก็สำนึกผิดยอมลดบทบาทตัวเองไป แต่ก็ยังมีปิศาจหลายตัวไม่มีความสำนึก ยังลอยหน้าลอยตาในสังคมอยู่”
แลกหมัดวัดดวง
ตามเกมที่ “ค่อนข้างรุนแรงเต็มเหนี่ยว”.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
คอลัมน์ ข่าวการเมือง(วิเคราะห์)