การเปิดเวทีเสวนา "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประขาธิปไตย ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (28 มี.ค.) ออกอาการกร่อยอย่างเห็นได้ชัดจากหลายวันที่ผ่านมาแทบไม่มีการพูดถึง และจากการสำรวจ โพลก็ยังชี้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและไม่คิดจะออกมาร่วมการชุมนุม "สุเทพ" แก้ต่างแทนพันธมิตรฯ ปชป.ไม่ห้าม "สมเกียรติ" ขึ้นเวที ตำรวจประเมินแค่ 2พันกว่าคน กทม.พร้อมดูแลทุกฝ่าย
โดยที่ช่วงแรกนั้นมีการประกาศว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า 3 หมื่นคน แต่พอถึงใกล้วันเข้ามาก็มีการประเมินกันเองว่าน่าจะมีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 4-5 พันคน ขณะที่ฝ่ายตำรวจประเมินตัวเลขได้เพียง 2 พันคนเศษ เท่านั้น
อย่างไรก็ดีสืบเนื่องจากความเสื่อมศรัทธาและเสื่อมความนิยมนี้เอง มีข่าวอ้างว่าจากกรณีที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าไปยืนยันการชุมนุมอย่างสงบนั้น ได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรักษาความปลอดภัยโดยอ้างว่าถูกปองร้าย
อย่างไรก็ดีแหล่งข่าวพนักงานสอบสวนระบุว่าจากการติดตามกลุ่มพันธมิตรฯ มาระยะหนึ่ง มีข้อมูลว่าการปองร้ายที่นายสุริยะใส กล่าวอ้าง อาจจะเป็นการกระทำโดยคนที่รู้จักกัน ซึ่งเป็นคนที่ชอบขว้างระเบิดใส่รถและบ้านตัวเอง โดยอาจมุ่งหวังใส่ร้ายรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจยิ่งเพิ่มการดูแลใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้มีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้น
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงขยับตัวอยู่เฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ไม่กี่จังหวัด โดยมีข่าวว่า กลุ่มเครือข่ายเครือข่ายพันธมิตรฯสงขลาและเครือข่ายพันธมิตรฯสตูล จะสมทบกับเครือข่ายในพื้นที่ภาคใต้ เข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อเข้าร่วมการสัมมนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในที่ 28มี.ค.นี้ ซึ่งจะมีทั้งการเดินทางมาโดยรถยนต์ส่วนตัว รถบัส และรถไฟ ซึ่งในส่วนของจังหวัดสงขลา และสตูลนั้นเบื้องต้นที่ได้รับตัวเลขยืนยันอย่างไม่เป็นทางการคาดว่าเกินมีคนมาชุมนุมถึงกว่าหนึ่งร้อยคน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯออกมาเรียกร้องกระบวนการยุติธรรมผนึกกำลังกันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ว่า คิดว่า ต้องว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งไม่ทราบเจตนาของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า มีตรงไหนที่ทำให้กระบวนการสั้นลงได้ แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาในเรื่องของความยุติธรรมต้องคำนึงถึงความรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ เพราะหากปล่อยให้ล่าช้าอาจจะทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมก็ได้
ส่วนความพยายามผลักดันเร่งด่วนเรื่องรัฐธรรมนูญ จะเป็นการเติมเชื้อให้กลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ความพยายามของรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คนส่วนใหญ่ในประเทศรู้สึกว่ารัฐบาลพยายามดิ้นรนให้พ้นผิดมากกว่า ดังนั้น พันธมิตรคงไม่เห็นด้วยและไม่พอใจอยู่แล้ว อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ประชาชนออกมาเดินประท้วงในท้องถนนอีกรอบหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แล้วแต่ความรู้สึกของประชาชน ถ้าคนส่วนใหญ่รู้สึกเช่นนั้นมากๆ ก็อาจเป็นสาเหตุได้
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้า ปชป. ว่า ทางพรรคไม่มีนโยบายที่จะส่ง ส.ส.เข้าฟังการสัมมนาในครั้งนี้ และในการประชุมคณะรัฐมนตรีเงาก็ไม่มีการหยิบยกประเด็นขึ้นขึ้นมา โดยการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯถือเป็นสิทธิที่กระทำได้ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ส่วนกรณีของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ชัดเจนอยู่แล้ว เพราะเคยเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ คงไปร่วมงานด้วย ซึ่งทางพรรคไม่ได้ห้ามและไม่ได้สนับสนุน
ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษก ปชป. กล่าวว่า พรรคไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องหรือสนับสนุนให้ใครในพรรคไปร่วมการสัมมนากับกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะพรรคไม่ได้อยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลังใคร ส่วนกรณีของนายสมเกียรติ คงต้องโทร.ถามเอาเอง เพราะไม่ทราบว่าจะไปร่วมงานหรือไม่
มท.1 เชื่อคนร่วมหร็อมแหร็ม
ด้านนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไม่รู้สึกกังวลว่าผู้คัดค้านรัฐบาลจะขยายวงกว้างมากขึ้น เพราะเชื่อว่าประชาชนไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์การยึดอำนาจเกิดขึ้นเหมือนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เชื่อว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯไม่มาก ส่วนการชุมนุมของกลุ่มพิทักษ์ประชาธิปไตย ยืนยันไม่ใช่เรื่องที่พรรคพลังประชาชนเห็นด้วย แต่คงเป็นเพราะความรู้สึกหมั่นไส้กลุ่มพันธมิตรฯ
"ไม่ได้มีการสั่งให้บันทึกเทปปราศรัยแต่อย่างใด เพราะเข้าไปดูในเว็บไซต์ผู้จัดการก็ได้ อยากด่าก็ด่าไป แต่ถ้าตนทนไม่ได้ ก็ด่ากลับ เพราะตนก็ปากจัดเหมือนกัน และถ้ากล่าวหาพาดพิง ก็แจ้งจับ แต่คิดว่าถ้าไม่ขนคนมา คนที่มาชุมนุมก็ไม่น่าจะมากเท่าใด เพราะคนพวกนี้มีใครพูดน่าฟังบ้าง พูดแล้วคนกลับบ้านหมด น่าจะเอามาสลายม็อบมากกว่า จริงๆ แล้วตนอยากให้ไปตั้งพรรคการเมือง เพื่อที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีกับเขาบ้าง" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
นอกจากนี้ รมว.มหาดไทย ยังกล่าวฝากถามถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยว่า เคยทำอะไรให้ประชาชนบ้าง เพราะการกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เป็นเท็จทั้งหมด และไม่กังวลว่าจะมีมือที่ 3 มาทำให้เหตุการณ์บานปลาย แต่หากทำผิดกฎหมายก็ต้องแจ้งจับ
" ขอถามว่า นายสนธิเคยทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติบ้าง ยกตัวอย่างมาสิ ถึงผมจะชั่วดีถี่ห่าง แต่ก็ยังจับโจรผู้ร้ายมาตลอดชีวิต นายสนธิที่ออกมาพูดปาวๆ ได้ทำประโยชน์อะไรที่เป็นคุณูปการให้กับประเทศชาติบ้าง ที่กล่าวหาท่านทักษิณไว้ก็เท็จหมด ผมสงสารนายปานเทพ วงศ์พัวพัน ที่เมื่อก่อนมากินน้ำพริกปลาทูบ้านผมบ่อย แต่ไปโดนเสน่ห์นายสนธิที่ตรงไหน ถึงสร้างศัตรูไว้ทั่วบ้านทั่วเมือง เมื่อก่อนเรียกอาเหลิมๆ แต่วันนี้ด่าอาเหลิมแล้ว " ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว และว่า
"ผมไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะทำอะไรก็ผิดอยู่แล้ว ตั้งแต่เรื่องแจกที่ดิน สปก.ให้เศรษฐีภูเก็ต ก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้ พรรคการเมืองพรรคนี้ ปกติมันต้องลงโทษตัวเองได้แล้ว อย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายชวน หลีกภัย ควรหยุดเล่นการเมืองได้แล้ว นายสุเทพ และนายชวน มีความรับผิดชอบบ้างหรือไม่ สังคมยังเชื่อถือ ผมไม่แปลกใจกับคนเหล่านี้ เพราะผมไม่ให้ความเชื่อถือมานานแล้ว" รมว.มหาดไทยกล่าว
สำหรับด้านการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ฝ่ายกิจการพิเศษ กล่าวภายหลังการประชุมเตรียมการ ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ รักษาราชการแทน ผบตร. ได้สั่งกำชับดูแลการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งได้รับการยืนยันจาก ผบช.น.ว่า ทุกอย่างเรียบร้อยมีการเตรียมกำลังความพร้อมไว้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรน่าห่วง เนื่องจากการนัดรวมพลครั้งนี้ไม่ได้เป็นการชุมนุม แต่เป็นการจัดในรูปแบบการสัมมนาและใช้พื้นที่เฉพาะในห้องประชุม ทำให้ง่ายต่อการดูแลความปลอดภัย โดยมีการประเมินว่าผู้เข้าร่วมสัมมนาดังกล่าวจะมีอยู่จำนวนประมาณ 2,500 คน ตามความจุของหอประชุม
นอกจากนี้ จากการสอบสวนหาข่าวเชิงรุก ยังไม่พบว่าจะมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น โดยขอให้เคลื่อนไหวอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ซึ่งหากมีการละเมิดกฎหมายจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
ส่วนการดูแลกลุ่มนายประชา ประสพดี สส.พรรคพลังประชาชน จ.สมุทรปราการนัดรวมพลกลุ่มประชาชนเพื่อพิทักษ์ประชา ธิปไตยตอบโต้กลุ่มพันธมิตรฯ ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ในวันเดียวกัน พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ในส่วนนี้ได้กำชับกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลพื้นที่โดยรอบโรงแรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากัน โดยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ บก.น.1 และตำรวจจราจร จาก บก.จร. ตั้งด่านตรวจบริเวณแยกผ่านพิภพลีลา ประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้านท่าพระจันทร์ และประตูทางเข้าหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฝั่งท้องสนามหลวง เน้นตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่อาจจะไม่หวังดีเข้ามาก่อความวุ่นวาย รวมถึงตรวจค้นอาวุธต่างๆ ด้วย และจัดกำลังปราบจลาจล จาก บก.ตปพ. อีกจำนวน 150 นายเตรียมพร้อม ณ ที่ตั้งหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในเช้าวันเดียวกันนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ สส.สัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน และรองหัวหน้าพรรค เดินทางเข้าพบพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ก่อนเข้าประชุมซึ่งเป็นการหารือเกี่ยวกับการดูแลความเรียบร้อยการเสวนา "กลุ่มพันธมิตรฯ" และ "กลุ่มมหาประชานฯ" ในที่ห้องประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และโรงแรมรัตนโกสินทร์ ก่อนเดินทางกลับด้วยรถเบ็นซ์ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ฉล 5555 กทม. โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
มหาประชาชนฯ ยกเลิกเสวนา
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย นายประชา ประสพดี ตัวแทนกลุ่มฯ แถลงข่าวเลื่อนการจัดเสวนาเรื่องประชาธิปไตย ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ แม้จะมีประชาชนตอบรับที่จะเข้าร่วมฟังเสวนาจำนวนมาก เนื่องจากเกรงจะเกิดปัญหาบานปลายหากประชาชนที่มาเข้าร่วมเสวนาเกิดไปปะทะกับประชาชนที่เข้าร่วมงานสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเดียวกันที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อย่างไรก็ดี กลุ่มมหาประชาชนฯ จะส่งตัวแทนไปสังเกตการณ์การจัดสัมมนาภาคประชาชนของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่ามีเนื้อหาสาระอย่างไร และมีผู้เข้าร่วมงานมากน้อยเพียงใด และอีกประมาณ 7 วันจะออกมาเปิดข้อมูลสำคัญ
นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) รักษาการผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้หารือร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบ.ชน.) ถึงการรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย โดยกลุ่มแรกจัดชุมนุมที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอีกกลุ่มจัดที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ โดยในส่วนกทม.ได้จัดรถสุขาเคลื่อนที่จำนวน 6 คัน ไว้ที่ถนนมหาราช ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม พร้อมทั้งได้จัดเตรียมรถน้ำ รถไฟฟ้าส่องสว่างไว้คอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้มาร่วมชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ จะไม่ให้กลุ่มพ่อค้าหาบเร่แผงลอยนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาจำหน่ายในบริเวณที่จัดการชุมนุม สนามหลวง และพื้นที่ใกล้เคียงโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ หากมีผู้มาชุมนุมร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯล้นจนเกินออกมา กทม.จะจัดพื้นที่ของท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือไว้ให้กับผู้ชุมนุมเพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร รวมถึงจัดเตรียมสถานที่จอดรถไว้ทางด้านทิศเหนือของสนามหลวงเช่นกัน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น