ปัญหาคำสั่ง โยกย้าย ตำรวจ ของ เสรีพิศุทธ์ ทำวุ่นหนัก เลื่อนตำแหน่งรองสารวัตรยันชั้นประทวน ติดกึก โฆษก ตร.ยัน คำสั่งตั้งฝ่ายปฏิบัติการ บช.ก. ผิดกฎหมาย คาด ก.ตร.ชี้ขาดต้นเดือนเมษา
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบและแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย 26 คำสั่ง ว่า วันที่ 28 มีนาคมนี้ เวลา 09.30 น.คณะทำงานตรวจสอบและพิจารณาแก้ไขคำสั่ง ที่มี พล.ต.อ.ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ รองผบ.ตร. เป็นประธานได้เรียกประชุมเพื่อสรุปแนวทางแก้ปัญหาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะนำเข้า ก.ตร. พิจารณาชี้ขาดต้นเดือนเมษายน
ทั้งนี้ การประชุมของคณะทำงาน 2 ครั้ง ที่ผ่านมา พบว่า การแต่งตั้งลงในตำแหน่งฝ่ายปฏิบัติการ 1-10 และการเปลี่ยนแปลงอำนาจหน้าที่ในกองบังคับการทะเบียน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ยังไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ทั้งอำนาจในการสอบสวน ประสบปัญหาเชิงบริหาร ขณะที่กองทะเบียนที่เปลี่ยนมาดูแลงานคุ้มครองผู้บริโภคเพียงอย่างเดียวก็ไม่มีการแก้ในกฎหมาย ทำให้ไม่มีอำนาจสืบสวน
“การแก้ปัญหาในเชิงบริหารเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ คงจะต้องมีการแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายด้วย เพราะไม่สามารถคงให้เป็นตามคำสั่งเดิมได้ เรื่องนี้คณะทำงานมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นต้นเรื่องไปหาแนวทางแก้ไข จะได้ข้อสรุปสุดท้ายในวันพรุ่งนี้”
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ สตช.ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เช่น เรื่อง 26 คำสั่งที่มีปัญหาดังกล่าว ส่งผลทำให้การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองสารวัตร และชั้นประทวนประจำปี 2550 ยังไม่สามารถดำเนินการได้ขณะนี้
ส่วนกรณีที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เคยออกคำสั่งให้กองบังคับการ (บก.)ใน บช.ก.งดรับคดีและให้รอเพียงคำสั่งจาก สตช. นั้น พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก สตช. ชี้แจงว่า ความจริงหน้าที่ของสอบสวนกลางคือทำคดีที่สำคัญและเกี่ยวเนื่องหลายท้องที่เท่านั้น ที่ผ่านมา มีคำสั่งเช่นนี้เพราะหลาย บก.จะไปทำคดีเล็กๆ ของท้องที่ ซึ่งไม่ถูกต้อง จากนี้ไปก็ให้ยึดนโยบาย ทำตามตามอำนาจหน้าที่ โดย บก.ในสังกัดอย่างกองปราบปรามสามารถรับคดีได้และต้องเป็นไปตามลักษณะที่กำหนดไว้ในหน้าที่คือคดีใหญ่ สำคัญเกี่ยวพันหลายท้องที่