โหมโรงกันมาล่วงหน้านานร่วมเดือน สำหรับการปลุกผีเวทีพันธมิตรฯ ที่ใช้ชื่อ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” และหวังอาศัยชายคามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เจ้าเก่า เป็นแหล่งระดมมวลชน
มีการประกาศออกมาล่วงหน้าว่าจะมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมเรือนหมื่น มีอัญชลี ไพรีรักษ์ ที่ประกาศลาออกจากพรรคเพื่อแผ่นดิน มาลงเล่นเวทีข้างถนนเต็มตัว คุยโม้เอาไว้ว่าจะมีคนมาร่วมด้วยถึงราว 3 หมื่น
ทำเอาในช่วงต้นกระแสการชุมนุมคึกคักเอาเรื่อง ทำเอาฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผน จัดกำลังกันให้จ้าละหวั่น
ที่ไหนได้พอเอาเข้าจริงๆ ยิ่งใกล้วันเข้ามากระแสก็ยิ่งแผ่วลง แผ่วลง
ขนาดตำรวจเองยังออกมาประเมินว่าการชุมนุม อย่างเก่งที่สุดก็ไม่เกิน 2,500 คน แน่ๆ
หรือแม้แต่ราคาคุยของกลุ่มพันธมิตรฯ เองในวันที่ใกล้การนัดหมายเข้ามา ก็ยังกล้าประเมินแค่ 4-5 พันคน ไม่เห็นมีตัวเลขหลักหมื่น หลักแสน เหมือนอย่างตอนต้น
ทั้งที่รัฐบาลเอง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ก็ประกาศเปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวก ไม่ต้องไปสกัดกั้นชาวบ้านที่จะเข้ามาเป็นแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่เห็นจะมีใครมาดังที่ว่า
ไม่เห็นมีกระแสคึกคัก เหมือนอย่างที่โอ้อวดว่าจะไประดมพีนธมิตรฯ ทั่วทั้งประเทศ
ก็ไม่รู้ว่าหมายถึงกลุ่มเดียวกับที่แกนนำชาวบ้าน 2-3 คน ในภาคใต้ ออกมาระบุโต้งๆ ว่ามีคนของนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ เที่ยวไปเดินแจกเงินหาคนมาร่วมการชุมนุมหรือเปล่า
หรือจะเป็นเพราะ สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศไม่รัยรู้รับเห็น กับเรื่องการจ้างคน บอกปัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เลยยิ่งทำให้เวทีพันธมิตรฯ หงอยไปถนัดตา
แต่อย่างไรเสียก็เชื่อว่าคนอย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล คงไม่ละความพยายามเอาง่ายๆ และคงจะมีความพยายามที่จะปั่นกระแสให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตขึ้นมาอีก
ซึ่งก็คงจะต้องอาศัยเนื้อหาบนเวที และลีลาที่เร้าใจแม่ยก ไม่ว่าจะด้วยข้อมูลจริง ข้อมูลเท็จหรือเรื่องราวตลบแตลงอย่างไรก็ตาม
เรียกว่าบนเวที ยามฯ ในวันนี้ สนธิ จะต้องแหกปากเรียกร้องความสนใจให้ถึงที่สุด และจะต้องพยายามทำให้ประช่าชนคนฟังเกิดความคล้อยตามให้มาก ไม่ว่าจะเป็นเรือ่งตอหลดตอแหลแค่ไหน
แต่ สนธิ ก็ต้องไม่ลืม แม้ว่าจะทำตัว “หัวหมอ” ทำหนังสือหารือไปถึงศาลเชียงราย ที่แพ้คดีหมิ่นประมาทต่อเนื่องเป็นคดีที่ 3 ว่าสามารถขึ้นเสวนาบนเวทีครั้งนี้ได้หรือไม่
ศาลท่านกรุณาพิจารณาว่าสามารถทำได้ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ แต่ก็จะต้องไม่ไปให้ร้าย หรือหมิ่นประมาทใคร
เมื่อข้อจำกัดของ สนธิ มีดังนี้ จึงน่าเป็นห่วงว่าการปลุกระดมบนเวที สนธิ จะกล้าพูดจามากน้อยแค่ไหน เพราะหากมัวแต่ระแวดระวังก็มีหวังไม่เร้าใจคนดู มีหวังปลุกกระแสไม่ขึ้นแน่ๆ
และที่สำคัญคำตัดสินของศาลในกรณีหมิ่นประมาททั้ง 3 คดี ที่เกิดขึ้นจากการปราศัยบนเวที ต่างกรรมต่างวาระของสนธิ ก็สะท้อนว่าหลายเรื่องหลายราวในการปราศัย ที่มีคนจำนวนหนึ่งถูกใจและหลงเชื่อ เป็นการให้ร้ายผู้อื่นโดยไร้ความรับผิดชอบ
หาก สนธิ คาดหวังจะได้รับความสนใจ หวังจะให้คนเห็นคล้อยตาม ก็อาจต้องหยิบเอาเรื่องเท็จมาเล่าให้เมามัน กล่าวหาพาดพิงบุคคลที่ 3 ไว้ให้มากๆ
และอาจจะต้องหมายถึงการมีลีลาท่าทีดุเดือดยิ่งกว่าครั้งทั่ผ่านๆมา ด้วยซ้ำไป เพราะทุกวันนี้กระแสพันธมิตรฯ เสื่อมถุอย หดหายไปมาก ชนิดที่เรียกว่าหากไม่มีทีเด็ดจริงๆ แล้วก็คงหาคนชายตาแลยาก
หากจะมีบ้างก็อาจจะเป็นคนที่อยู่ว่างๆ เหงาๆ หรือคนที่ถูกเอาเงินไปจ้าง
ซึ่งกรณีหลังก็ว่ากันว่าเป็นไปได้ยากอีก เพราะมีข่าวนินทาหนาหูว่าการชุมนุมเมื่อคราวก่อนรัฐประกหาร มีการตกลงกันมา 200 แต่พอเปิดกล่องข้าวออกมา ไหงเหลือแค่ 100 เดียว
ก็ไม่รู้ว่าใครอมใคร แต่ถูกโกงกันซึ่งหน้าแบบนี้เป็นใครก็เข็ดกันทั้งนั้น
ผมดีใจที่ ประชา ประสพดี แกนนำกลุ่มมหาประชาชน ร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย ถอนตัวยกเลิกเวทีคู่ขนานที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ได้ทัน ไม่คิดเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ
เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะไปให้เครดิตความสำคัญมากมายขนาดนั้น
ถ้าเป็นผมจะนั่งจับตาลีลาการเสวนาของ สนธิ บนเวที เผื่อจะมีเรื่องราวพาดพิง ให้ร้ายไปถึงใครๆ ตามสไตล์ถนัด และอาจจะถูกฟ้องหมิ่นประมาทอีกคดี จนอาจเป็นเหตุให้ต้องถูกถอนประกันตัวในคดีเก่าๆ
ถึงตอนนั้นได้นั่งดูข่าว สนธิ ลิ้มทองกุล เดินคอตกเข้าไปนอนในคุก..มีความสุขกว่ากันเยอะ...!!
มีการประกาศออกมาล่วงหน้าว่าจะมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมเรือนหมื่น มีอัญชลี ไพรีรักษ์ ที่ประกาศลาออกจากพรรคเพื่อแผ่นดิน มาลงเล่นเวทีข้างถนนเต็มตัว คุยโม้เอาไว้ว่าจะมีคนมาร่วมด้วยถึงราว 3 หมื่น
ทำเอาในช่วงต้นกระแสการชุมนุมคึกคักเอาเรื่อง ทำเอาฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผน จัดกำลังกันให้จ้าละหวั่น
ที่ไหนได้พอเอาเข้าจริงๆ ยิ่งใกล้วันเข้ามากระแสก็ยิ่งแผ่วลง แผ่วลง
ขนาดตำรวจเองยังออกมาประเมินว่าการชุมนุม อย่างเก่งที่สุดก็ไม่เกิน 2,500 คน แน่ๆ
หรือแม้แต่ราคาคุยของกลุ่มพันธมิตรฯ เองในวันที่ใกล้การนัดหมายเข้ามา ก็ยังกล้าประเมินแค่ 4-5 พันคน ไม่เห็นมีตัวเลขหลักหมื่น หลักแสน เหมือนอย่างตอนต้น
ทั้งที่รัฐบาลเอง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ก็ประกาศเปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวก ไม่ต้องไปสกัดกั้นชาวบ้านที่จะเข้ามาเป็นแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่เห็นจะมีใครมาดังที่ว่า
ไม่เห็นมีกระแสคึกคัก เหมือนอย่างที่โอ้อวดว่าจะไประดมพีนธมิตรฯ ทั่วทั้งประเทศ
ก็ไม่รู้ว่าหมายถึงกลุ่มเดียวกับที่แกนนำชาวบ้าน 2-3 คน ในภาคใต้ ออกมาระบุโต้งๆ ว่ามีคนของนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ เที่ยวไปเดินแจกเงินหาคนมาร่วมการชุมนุมหรือเปล่า
หรือจะเป็นเพราะ สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศไม่รัยรู้รับเห็น กับเรื่องการจ้างคน บอกปัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เลยยิ่งทำให้เวทีพันธมิตรฯ หงอยไปถนัดตา
แต่อย่างไรเสียก็เชื่อว่าคนอย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล คงไม่ละความพยายามเอาง่ายๆ และคงจะมีความพยายามที่จะปั่นกระแสให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตขึ้นมาอีก
ซึ่งก็คงจะต้องอาศัยเนื้อหาบนเวที และลีลาที่เร้าใจแม่ยก ไม่ว่าจะด้วยข้อมูลจริง ข้อมูลเท็จหรือเรื่องราวตลบแตลงอย่างไรก็ตาม
เรียกว่าบนเวที ยามฯ ในวันนี้ สนธิ จะต้องแหกปากเรียกร้องความสนใจให้ถึงที่สุด และจะต้องพยายามทำให้ประช่าชนคนฟังเกิดความคล้อยตามให้มาก ไม่ว่าจะเป็นเรือ่งตอหลดตอแหลแค่ไหน
แต่ สนธิ ก็ต้องไม่ลืม แม้ว่าจะทำตัว “หัวหมอ” ทำหนังสือหารือไปถึงศาลเชียงราย ที่แพ้คดีหมิ่นประมาทต่อเนื่องเป็นคดีที่ 3 ว่าสามารถขึ้นเสวนาบนเวทีครั้งนี้ได้หรือไม่
ศาลท่านกรุณาพิจารณาว่าสามารถทำได้ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ แต่ก็จะต้องไม่ไปให้ร้าย หรือหมิ่นประมาทใคร
เมื่อข้อจำกัดของ สนธิ มีดังนี้ จึงน่าเป็นห่วงว่าการปลุกระดมบนเวที สนธิ จะกล้าพูดจามากน้อยแค่ไหน เพราะหากมัวแต่ระแวดระวังก็มีหวังไม่เร้าใจคนดู มีหวังปลุกกระแสไม่ขึ้นแน่ๆ
และที่สำคัญคำตัดสินของศาลในกรณีหมิ่นประมาททั้ง 3 คดี ที่เกิดขึ้นจากการปราศัยบนเวที ต่างกรรมต่างวาระของสนธิ ก็สะท้อนว่าหลายเรื่องหลายราวในการปราศัย ที่มีคนจำนวนหนึ่งถูกใจและหลงเชื่อ เป็นการให้ร้ายผู้อื่นโดยไร้ความรับผิดชอบ
หาก สนธิ คาดหวังจะได้รับความสนใจ หวังจะให้คนเห็นคล้อยตาม ก็อาจต้องหยิบเอาเรื่องเท็จมาเล่าให้เมามัน กล่าวหาพาดพิงบุคคลที่ 3 ไว้ให้มากๆ
และอาจจะต้องหมายถึงการมีลีลาท่าทีดุเดือดยิ่งกว่าครั้งทั่ผ่านๆมา ด้วยซ้ำไป เพราะทุกวันนี้กระแสพันธมิตรฯ เสื่อมถุอย หดหายไปมาก ชนิดที่เรียกว่าหากไม่มีทีเด็ดจริงๆ แล้วก็คงหาคนชายตาแลยาก
หากจะมีบ้างก็อาจจะเป็นคนที่อยู่ว่างๆ เหงาๆ หรือคนที่ถูกเอาเงินไปจ้าง
ซึ่งกรณีหลังก็ว่ากันว่าเป็นไปได้ยากอีก เพราะมีข่าวนินทาหนาหูว่าการชุมนุมเมื่อคราวก่อนรัฐประกหาร มีการตกลงกันมา 200 แต่พอเปิดกล่องข้าวออกมา ไหงเหลือแค่ 100 เดียว
ก็ไม่รู้ว่าใครอมใคร แต่ถูกโกงกันซึ่งหน้าแบบนี้เป็นใครก็เข็ดกันทั้งนั้น
ผมดีใจที่ ประชา ประสพดี แกนนำกลุ่มมหาประชาชน ร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย ถอนตัวยกเลิกเวทีคู่ขนานที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ได้ทัน ไม่คิดเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ
เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะไปให้เครดิตความสำคัญมากมายขนาดนั้น
ถ้าเป็นผมจะนั่งจับตาลีลาการเสวนาของ สนธิ บนเวที เผื่อจะมีเรื่องราวพาดพิง ให้ร้ายไปถึงใครๆ ตามสไตล์ถนัด และอาจจะถูกฟ้องหมิ่นประมาทอีกคดี จนอาจเป็นเหตุให้ต้องถูกถอนประกันตัวในคดีเก่าๆ
ถึงตอนนั้นได้นั่งดูข่าว สนธิ ลิ้มทองกุล เดินคอตกเข้าไปนอนในคุก..มีความสุขกว่ากันเยอะ...!!
บิ๊กโบ๊ต