จริงๆแล้วพรรคที่ต้องดิ้นเพื่อไม่ให้ถูกยุบน่าจะเป็นชาติไทยมัชฌิมาธิปไตย มากกว่า เพราะเวลานี้เหมือนเอาคอขึ้นพาดเขียงแล้ว...ว่างั้นเถอะ เพราะแม้จะยังไม่ชัดเจนแต่มี กกต.บางท่านหรือคณะที่ปรึกษา กฎหมายฯระบุออกมาแล้ว
ต้อง “ยุบพรรค” เพราะกฎหมายบังคับไว้ และต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แม้จะยังไม่มีมติใดๆออกมา แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนั้น
ครับ...ก็เลยดิ้นกันใหญ่ทั้งปลาเล็ก ปลาใหญ่ ปลาไหล ปลาทู ต่างพยายาม จะชี้ให้เห็นว่าการยุบพรรคจะทำให้เกิดปัญหาทางการเมือง
ลงท้ายก็โยนให้ “มือที่มองไม่เห็น” ตามระเบียบ ทำนองว่าเรื่องนี้มีผู้ใหญ่สั่งให้ยุบ 2 พรรค เพื่อเป็นสะพานเชื่อมไปสู่การยุบพลังประชาชน
ขณะนี้นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ แม้พรรคที่สังกัดยังไม่ ถูกยุบ หรือมีเหตุเป็นไปเช่นนั้น แต่ดูเหมือนว่าจะตื่นตูมมากกว่าพรรคที่กำลังจะถูกสั่งยุบเสียด้วยซ้ำ นั่นเพราะคงอ่านว่าหาก 2 พรรคถูกยุบก็จะมีผลถึงพลังประชาชน
เพราะมี 2 คดีที่ดักรออยู่คือ คดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช และคดีนอมินี ซึ่งเชื่อว่ามีแนวโน้มจะถูกคำสั่งยุบพรรคตามไปด้วย
“แบบนี้มันฆ่าประเทศชัดๆ ไม่สงสารบ้านสงสารเมืองหรือ”
นายสมัครทุบโต๊ะเปรี้ยงเลยทันทีและยังบอกด้วยว่าไม่รู้จะตามรังควานกันไปถึงไหน มันจะเจ็บช้ำอะไรหนักหนา ปฏิวัติไปแล้ว ยึดอำนาจไปแล้ว จะฆ่ากันให้ตายเอากันให้ตายอีกหรือ
ก็ยังไม่รู้ว่าที่นายสมัครพูดนั่นหมายถึงใคร เพราะอ้างแบบนี้มาตลอดและสามารถ ที่จะสั่งซ้ายหันขวาหันได้จริงหรือ
จริงๆแล้วประเด็น “ยุบพรรค” นั่นมันคงเป็นเพราะ “รัฐธรรมนูญ” ที่กำหนดเอาไว้ชัดเจน แต่เป็นเพราะผู้สมัครที่ไม่พิจารณา “กติกา” ให้รอบคอบชัดเจน คิดว่าไม่น่าจะ มีปัญหาหรือเมื่อเกิดปัญหาแล้วก็จะแก้ไขได้ ไม่คิดว่าจะถึงขั้น “ยุบพรรค”
แต่เมื่อกล้ากระทำผิด ก็ต้องกล้ารับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ประเด็นว่าเป็นเพราะ รัฐธรรมนูญที่มาจาก คมช. มาจากเผด็จการ หากจะแก้ไขปัญหานี้ก็ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ ตัดทิ้งมาตราที่เกี่ยวกับเรื่องยุบพรรคไป นั่นคือสิ่งที่พึงกระทำได้
ณ วันนี้ต้องยอมรับ “กติกา” ที่ใช้บังคับทุกคน
จริงๆแล้วเรื่อง “ยุบพรรค” นั้น มีการมองกันเป็น 2 มุม อย่างแรกก็เพื่อป้องกันการกระทำผิด ของนักการเมือง ทั้งเรื่องทุจริตเลือกตั้ง หรือกระทำให้เกิดความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง และทำให้นักการเมือง ไม่กล้าเพราะจะมีผลต่อพรรคด้วย โดยเฉพาะกรรมการบริหารพรรค จะต้องผูกพันกับพรรคมากกว่าสมาชิกธรรมดา
อีกมุมมองว่ารุนแรงเกินไป เมื่อคนผิดก็ว่ากันไป แต่ไม่ควรให้พรรคถูกยุบ หรือลูกพรรคคนอื่นๆต้องโดนไปด้วย ประเด็นมันอยู่ตรงนี้เพื่อแก้ปัญหา พฤติกรรมของนักการเมือง
และแน่นอนว่าในสภาพการเมืองปัจจุบัน มันส่งผลต่อรัฐบาลอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะหากมีการยุบพรรคจริง เพราะทั้ง 3 พรรค จะต้องไปหาพรรคใหม่ รัฐบาลก็คงจะยุ่งแน่ และอยู่ที่ว่าหากพรรคถูกยุบ กรรมการบริหารจะโดนด้วยหรือไม่ นายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคจะต้องรับผิดชอบหรือไม่
หากหัวหน้าพรรค กรรมการคนอื่นต้องโดนด้วย นั่นแหละถึงจะยุ่งจริงๆ แต่ก็ต้องเป็นเรื่อง ของพรรคที่จะแก้ไขเมื่อหลงเดินเข้าไปใน “กับดัก” แล้ว จะไปโทษใครก็ไม่ได้
ทางออกนอกเหนือจากการ “ยุบสภา” ซึ่งดูเหมือนว่ามันไม่ได้แก้ปัญหาอย่างชะงัด เป็นเพียงแค่เลี่ยงไปเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะต้องแก้ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหนีคดี “ยุบพรรค” ซึ่งแนวร่วมก็มีอยู่แล้ว เพราะนักการเมืองคงไม่ชอบอยู่ใต้กติกาอย่างนี้
“เงื่อนไข” มันให้อย่างนี้และยังปลดล็อกการเมือง 111 คนได้ด้วย..
"สายล่อฟ้า"
คอลัมน์ กล้าได้กล้าเสีย