สำนักข่าวไทย 24 มี.ค.- “ร.ท.กุเทพ” ระบุหากแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องทำประชามติถามประชาชน เพราะเสียงบประมาณเป็นจำนวนมาก เชื่อแก้ตามแนวทางรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ประชาชนจะยอมรับได้ ไม่น่ามีเหตุการณ์บานปลายหากไม่มีอำนาจที่สามเข้ามาแทรกแซง
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวใน “ข่าวเช้าโมเดิร์น” ถึงแนวคิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องดูในภาพรวม เพราะเราต้องยอมรับว่า วิกฤติทางเศรษฐกิจการเมืองที่เกิดขึ้นมีผลพวงจากรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ตายตัว ทำให้การเมืองมีทางตัน และคนจำนวนมากมีความเห็นด้วยว่าเมื่อประชาธิปไตยกลับคืนมา กฎหมายที่ร่างในช่วงที่ประเทศไม่มีประชาธิปไตย ควรมีการตรวจสอบทบทวนและแก้ไขให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งรัฐธรรมนูญที่จะมีการแก้ไข การแก้ไขคร้งนี้ต้องดูทั้งระบบ ไม่ใช่มาตราใดมาตราหนึ่ง
เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการลงประชามติมาจากประชาชนแล้ว เร็วเกินไปหรือไม่ที่จะแก้ไข ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าการเสนอให้ลงประชามตินั้น ต้องการจะเอาเรื่องดังกล่าวมาปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะว่ามีการยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นการได้อำนาจมาโดยไม่ชอบ และรู้ว่าจะไม่มีความชอบธรรมในการใช้กฏหมาย จึงต้องให้ลงประชามติ
ต่อข้อถามว่า จะให้ประชาชนลงประชามติหรือสอบถามว่าเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า คงต้องดูก่อนว่าทำประชามติแล้วเป็นการใช้เงินอย่างคุ้มค่าหรือไม่ เพราะต้องเสียเงินถึง 2,000 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นการนำเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้คงได้รับการยอมรับจากประชาชน โดยไม่ต้องทำประชามติเพื่อสอบถาม
เมื่อถามว่า หากแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อพรรค เหมาะสมหรือไม่ ร.ท.กุเทพ ยอมรับว่า มีเสียงกล่าวหาเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นแน่นอน โดยอย่างที่บอกไว้ว่าต้องแก้ทั้งระบบ เพราะถ้ามีการยุบพรรคกาเรมืองอีก ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งพรรคมอบฝ่ายกฏหมายดูแลประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ รวมถึง ส.ส.เสนอในเวทีสภา ในการช่วยศึกษาว่าจะแก้ไขประเด็นใดบ้าง เพราะส.ส.พรรคพลังประชาชนพรรคเดียวคงทำไม่ได้ ต้องให้ ส.ส.คนอื่น ๆ ช่วยด้วย
ต่อข้อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าจะเกิดความเห็นที่แตกต่างจนทำให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามได้ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เราสามารถอธิบายได้ ถ้าไม่มีอำนาจอื่นหรืออำนาจที่สามเข้ามาแทรกแซง เพราะระบอบประชาธิปไตยสามารถเดินไปได้ ซึ่งกลุ่มใดที่มีความเห็นแตกต่าง สามารถพูดคุยเสนอความเห็นได้ และขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ให้เรียบร้อย.-สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-03-24 07:44:47