ผลการเลือกตั้ง ส.ว.ทั่วประเทศ ที่ผ่านมาชี้ถึงอะไรหลายอย่าง ทั้ง ความไม่เอาไหนของรัฐธรรมนูญ ที่ค่อนข้างจะขัดแย้งกับหลักการประชาธิปไตย ทั้ง ประสิทธิภาพของ กกต. และความรู้สึกเบื่อหน่ายการเมืองของประชาชน ไปจนถึงบทสรุปความล้มเหลวของการปฏิรูปทางการเมือง
เมื่อวิเคราะห์จากตัวเลข จำนวนผู้มาใช้สิทธิ มีอยู่ประมาณร้อยละ 55 จากจำนวนผู้มีสิทธิ 44 ล้านคน มาใช้สิทธิลงคะแนนแค่ 25 ล้านคนเท่านั้น
ประการต่อมา ในจำนวนของผู้มาใช้สิทธิ กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนหรือโนโหวต ถึงประมาณ 2 ล้านคน เรื่องนี้ไม่ธรรมดา กกต.ควรจะหาเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร ด้วยเหตุที่ไม่รู้จักตัวผู้สมัครก็เลยตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใคร หรือเซ็งการเมืองจริงๆ ถ้าเป็นด้วยเหตุผลหลังก็จะอันตราย
ระบอบประชาธิปไตยจะถูกครอบงำได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ กกต.จะต้องนำปัญหาเหล่านี้ไปหาทางรีบแก้ไขโดยด่วน อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่ว่าจะเป็นการแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค หรือปรับแผนการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เสียใหม่
โดยเฉพาะ กกต. จะต้องปรับปรุงตัวเองอย่างไรบ้าง
ภาคประชาชนก็มีปัญหา คนที่ใกล้ข้อมูลมากที่สุด อวดว่ารู้จักการเมืองดีที่สุด กลับไปใช้สิทธิไม่ถึงครึ่ง โดยเฉพาะคน กทม.ไปลงคะแนนกันที่ประมาณร้อยละ 40 เท่านั้น ส.ว.กทม.ได้คะแนนสูงสุดที่ 7 แสนกว่าคะแนน คือ คุณรสนา โตสิตระกูล อย่างไรก็อย่าลืมไปลาออกจากบอร์ด อสมท ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะเจอเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเข้า เป็นอันว่าคนที่ใกล้ความเจริญมากที่สุดกลับไม่ค่อยสนใจจะไปใช้สิทธิ
หรือถนัดแต่วิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น
ความจริงการลงคะแนนเลือก ส.ว.ครั้งนี้ไม่ได้วุ่นวายอะไร ไปถึงเจ้าหน้าที่ขอดูบัตรประชาชน รับบัตรเข้าคูหาไปกาเลือกแค่คนเดียว ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีก็เรียบร้อย แต่ชาวบ้านกลับขาดแรงจูงใจที่จะไปเลือกตั้ง
ผมว่าผู้ที่เกี่ยวข้องควรจะกลับไปคิดเป็นการบ้าน ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลย คิดจะออกแอ็กชั่นตัดสิทธิ์ผู้สมัครให้ใบแดงใบเหลือง มุ่งแต่เรื่องซื้อสิทธิขายเสียงอย่างเดียว แต่ไม่สามารถจูงใจให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการไปเลือกตั้ง ให้เกิดจิตสำนึกในประชาธิปไตยได้ ก็ไม่มีประโยชน์
ถือเป็นความล้มเหลวของ กกต.ด้วยซ้ำ
ผมว่าหลักการอย่างหนึ่งของประชาธิปไตยก็คือ การยืดหยุ่น เพราะหัวใจของประชาธิปไตยจริงๆหรือความเป็นอิสระทางสิทธิและเสรีภาพ
บ้านเรามักจะลื่นไปตามกระแสมากกว่าจะอยู่บนเหตุผลข้อเท็จจริงดูอย่างเรื่องที่ นายกฯสมัคร สุนทรเวช จะจัดการ เรื่องหวย เรื่องบ่อน ให้ถูกต้องตามกฎหมายนั่นปะไร ตีโพยตีพายกันใหญ่
ไม่รู้จะไปดัดจริตกันทำไม รอบบ้านเปิดบ่อนกันครึกโครมดูดเงินไปไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งนี้และทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการควบคุมให้เข้มงวดได้อย่างไรมากกว่า มัวแต่ดัดจริต เจ้ามือหวย พ่อค้ายาบ้า เลยใช้เงินสกปรกซื้อเสียงเข้ามาเป็นนักการเมืองเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ไม่รู้ว่าปรารถนาดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่ พับผ่า.
หมัดเหล็ก
คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก