ในที่สุดคำนิยามของคำว่า “ข่าวลือ” คือ ข่าวจริงที่ยังมาไม่ถึง ก็เป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งที่ 35/2551 ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มีผลตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551
นั่นหมายความว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ต้องไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่ใช่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกกับนักข่าวว่า ยังคงไปนั่งทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตามปกติ เพราะยังเป็น ผบ.ตร. อยู่
ไม่ทราบว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ลืมไปแล้วหรือ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ในขณะนั้น ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แล้วตั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รักษาการ ผบ.ตร. แทน ปรากฏว่า พล.ต.อ.โกวิท ยังคงมาทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ถูกใครไม่ทราบกลั่นแกล้งกันถึงขนาดไม่ให้ขึ้นลิฟต์ที่ พล.ต.อ.โกวิท เคยใช้ประจำ
ซึ่งในคำสั่งให้ พล.ต.อ.โกวิท ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีนั้น หาความผิดให้กับ พล.ต.อ.โกวิท ไม่ได้อีกต่างหาก เพียงแต่ไม่สามารถดำเนินการจับกุมตัวคนร้ายที่ลอบวางระเบิด 9 จุดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
และ...จนถึงวันนี้ ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ พล.อ.สุรยุทธ์ และประชาชนตั้งความหวังไว้ว่าจะจับกุมคนร้ายได้ เมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. กำลังจะหมดหน้าที่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.
ในการออกคำสั่งเด้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั้น นายสมัครได้คิดอย่างรอบคอบ ตามประสามวยหลัก ไม่ใช่มวยวัด เพราะรู้ดีว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั้นเป็นจอมฟ้องแห่งยุค ฟ้องหนังสือพิมพ์เป็นสิบๆ คดี จนถึงขณะนี้ยังขึ้นศาลกันอยู่ หากออกคำสั่งไม่รัดกุม ก็มีสุทธิ์ถูกฟ้องได้
ก่อนที่จะออกคำสั่งเด้งนั้น นายสมัครได้ออกคำสั่งที่ 34/2551 ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องต่างๆ ที่ถูกร้องเรียน ซึ่งนายสมัครบอกว่า เป็นการยั้งดาบไว้ไมตรีด้วยซ้ำไป
นั่นคือ 1.ดำเนินการโครงการเช่ารถยนต์ต่างๆ ในวงเงิน 9,899,578,000 บาท โดยมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตและเป็นการฝ่าฝืนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535
2.สั่งการโดยใช้ถ้อยคำที่มิบังควรและไม่เหมาะสม ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงาน ในบันทึกของกองสวัสดิการที่เสนอขอให้พิจารณางดการแข่งขันกีฬาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2551 เนื่องจากผู้เสนอเห็นว่าในช่วงระยะเวลาดังกล่าวอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ตามมติคณะรัฐมนตรี หากจัดการแข่งขันกีฬาภายในจะเป็นการไม่บังควร
ผมยังไม่เห็นว่าถ้อยคำที่มิบังควรจริงเป็นอย่างไร แต่มีรายงานข่าวว่า มี “ควาย” วิ่งออกมาเป็นฝูง
ใช่ ไม่หนักกบาลใครหรอกที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะพูดกับลูกน้องเช่นนี้ เป็นเรื่องของความถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง
3.ดำเนินการบริหารงานบุคคลโดยออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการระดับพันตำรวจเอก ตำแหน่งผู้กำกับการฝ่ายปฏิบัติการที่ 1-10 ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในกองบังคับการต่างๆ โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ ทำให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ไม่มีกฎหมายรองรับ จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ทำให้เสียงบประมาณสำหรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง โดยยังไม่มีการดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายเสียก่อนแต่อย่างใด
เพราะตั้งแต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้รับการแต่งตั้งจาก พล.อ.สุรยุทธ์ ให้มารักษาการ ผบ.ตร. และเป็น ผบ.ตร. เต็มตัวนั้น ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจตั้งแต่ระดับสารวัตรขึ้นไปมากที่สุด
มากจนกระทั่งมีการเรียกขานชื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นสำนักงานแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจแห่งชาติ
ย้ายกันเป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายปักษ์ และรายเดือน ทำให้ตำรวจไม่มีความมั่นใจในตำแหน่งที่นั่งอยู่ วันๆ เงี่ยหูฟังว่าจะมีคำสั่งออกมาอีกหรือไม่ ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้คดีต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย และจับกุมตัวคนร้ายได้น้อย สถิติอาชญากรรมเพิ่มขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด
นี่ไง ออกคำสั่งกันเพลินมือ จนไม่รู้คำสั่งไหนถูกกฎหมาย คำสั่งไหนผิดกฎหมาย ส่งผลไปถึงเก้าอี้ที่นั่งเซ็นคำสั่ง
เข้าทำนอง “หมองูตายเพราะงู” นั่นแหละ