WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, March 23, 2008

โจรปล้นอำนาจอธิปไตย

โดย วีระ มุสิกพงศ์


วันที่ 11 พ.ค. ไปวางพวงมาลาคารวะดวงวิญญาณท่านปรีดี พนมยงค์ บังเอิญเหลือเกินพอวันที่ 12 พ.ค. ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของท่านก็มาถึงอนิจกรรมตามไปด้วยวัยที่เกินกว่าเก้าสิบ

ท่านผู้หญิงพูนศุข ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ภรรยายอดเยี่ยม หากยังได้ช่วยงานการเมืองของท่านรัฐบุรุษอาวุโสอยู่มิใช่น้อย โดยเฉพาะงานเสรีไทยในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นผลทำให้ไทยไม่ต้องเป็นฝ่ายแพ้สงคราม นับว่าเป็นคุณูปการที่ชาวไทยควรระลึกถึง และในคราวนี้ก็ควรร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของท่านโดยทั่วกัน

บนเส้นทางสายประชาธิปไตย หากไม่แวะคารวะดวงวิญญาณท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ก็คงขาดกตเวทิตาธรรมอย่างยิ่ง

สำหรับทางด้านรัฐ หรือราชการนั้น หากบ้านเมืองอยู่ในช่วงประชาธิปไตย ก็คงจะได้มีการแสดงท่าทีที่เหมาะสมต่อการถึงแก่อนิจกรรมของท่านผู้หญิงพูนศุขบ้างเป็นแน่ แต่เมื่อท่านมาถึงอนิจกรรมลงในช่วงที่บ้านเมืองเป็นเผด็จการทุรยุคเช่นนี้ก็คงหวังอะไรกันไม่ได้ และก็คงต้องทำใจ

ฉบับที่แล้ว ผมเขียนถึง คำถามของ อ. มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และอธิบดีศาลอาญาในฐานะที่เป็นนักกฎหมายสายธรรมศาสตร์ ซึ่งถามคนไทยทั้งชาติเกี่ยวกับเรื่อง การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กับการปกครองระบอบเผด็จการทหารซึ่งมีหลักเกณฑ์แตกต่างกันว่าจะเลือกเอาอย่างไหน

ฉบับนี้ ผมขอเอาหลังพิงเชือก คือผ่อนแรงตัวเอง พึ่ง อ. มานิตย์ ต่อไปอีกประเด็นหนึ่งเพราะ อ. มานิตย์ ท่านปรารภเรื่อง รัฐธรรมนูญ 2540 อันเป็นรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชนโดยแท้จริง เพราะได้ผ่านการมีส่วนร่วม ผ่านกระบวนการประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของประชาชนคนไทยทุกจังหวัด ทั่วประเทศ และผ่านการบังคับใช้มาเป็นเวลา 10 ปี พระราชบัญญัติ และกฎหมายที่ออกตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้รับการยอมรับจากปวงชนชาวไทยเป็นอย่างดี แม้จะถูกบังคับใช้ในทางที่เป็นโทษแก่ตน ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้าน และชาวต่างชาติก็ให้การยอมรับ คบค้าสมาคมด้วยความมีเกียรติ ศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน

ผู้มีความรู้ ผู้เป็นปราชญ์ เชื่อกันว่า ไม่มีใครกล้าทำรัฐประหารอีกแล้ว เพราะมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ 2540 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ม.63 บุคคลจะใช้สิทธิ และเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้มิได้”....

นอกจากนี้ประมวลกฎหมายอาญา ม.113 ยังบัญญัติว่า “ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อ

(1) ล้มล้าง หรือ เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
(2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลากรแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
(3) แบ่งแยกราชอาณาจักร หรือยึดอำนาจการปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใด แห่งราชอาณาจักร
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต”

แม้กฎหมายบัญญัติโทษไว้รุนแรงเช่นนี้ ในวันที่ 19 กันยายน 2549 คณะบุคคลที่ประกอบด้วย ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทั้ง 3 เหล่าทัพ และผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังกล้าประพฤติฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2540 ม.63 และประมวลกฎหมายอาญา ม.113 กันหน้าตาเฉย และยังบังอาจขอเข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเวลาวิกาล เพื่อทูลเกล้าฯ ขอให้ทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้คณะรัฐประหารเป็นคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ชื่อซึ่งคณะรัฐประหารตั้งขึ้นนี้ ทำให้ปวงชนชาวไทย และชาวต่างชาติ เข้าใจผิดไปแล้วว่า การรัฐประหารครั้งนี้มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข นับว่าเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียพระบรมเดชานุภาพอย่างแท้จริง

เมื่อ รัฐธรรมนูญ คือกฎหมายสูงสุดที่จัดระเบียบการปกครองประเทศจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พระมหากษัตริย์ ปวงชนชาวไทย และศาลไทยต้องอยู่ภายใต้บังคับ และต้องปฏิบัติตาม

รัฐธรรมนูญ จึงต้องเกิดขึ้นด้วยมือของปวงชนชาวไทยผู้บริสุทธิ์ตามระบอบประชาธิปไตย เท่านั้น ไม่อาจเกิดขึ้นจากมือของคนร้ายหรือจากมือโจรปล้นอำนาจอธิปไตย

ผู้กระทำความผิดฐานเป็นกบฏ หากเอาทรัพย์สิน เงินทองของประชาชนไปเป็นประโยชน์ส่วนตนด้วย (ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม) ผู้นั้นมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 อีกกระทงหนึ่ง

ผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.113 , ม.340 และ ม.357 (ฐานรับของโจร) ล้วนได้ชื่อว่า “โจร” ผู้ที่โจรแต่งตั้งให้มาทำงานให้โจร ได้ชื่อว่าโจรด้วยกัน

ดังนั้นพวกโจรทั้งหลายจึงควรแก่การพิจารณาตนเอง ยุติบทบาททำลายบ้านเมืองเสียที ก่อนที่จะถูกสุจริตชนผู้รักชาติ และจงรักภักดีลุกขึ้นมาปราบปรามในไม่ช้านี้

นี่เป็นข้อคิดที่ผมสรุปเอง หลังจากได้อ่านบันทึกของ อ.มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ.