รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียืนยันการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้มุ่งหวังทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เพราะรัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศ
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะเร่งพิจารณาอย่างเร่งด่วน เพราะว่ามีการใช้ช่องว่างของรัฐธรรมนูญในการเคลื่อนไหวทางการเมืองทำให้
รัฐบาลทำงานลำบาก ขณะที่ประชาชนก็ไม่สบายใจและต้องการให้แก้ไข โดยยืนยันว่าการเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ไม่ได้มุ่งหวังเพื่อจะไปให้มีผลกับคดียุบพรรค แต่เพื่อให้รัฐบาลบริหารประเทศได้ ทั้งนี้เห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องรอเวลาไปอีก 1-2 ปี ตามที่ฝ่ายค้านเสนอ ส่วนจะต้องทำประชามติเพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนหรือไม่นั้น นายจักรภพ ชี้แจงว่า รัฐบาลมีวิธีสอบถามความเห็นจากประชาชนหลายแนวทาง ทางหนึ่งคือการยกระดับสายด่วน 1111 ของทำเนียบรัฐบาลให้เป็นการสำรวจประชามติภายในของรัฐบาลเอง ขณะเดียวกันก็เปิดรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มนักวิชาการและฝ่ายต่าง ๆ ด้วย
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เสนอให้เลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาลหารือถึงแนวทางการแก้ไขรธน.ร่วมกันก่อนว่าจะเสนอแก้เพียงมาตราเดียวก่อนหรือจะแก้หลายมาตราไปพร้อมๆ กัน เพราะในที่สุดแล้วการดำเนินการในเรื่องนี้ต้องอาศัยการทำงานในสภาฯ โดยในส่วนของพรรคพลังประชาชนจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมพรรควันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่าควรแก้ไขในประเด็นของมาตรการ 237 ที่กำหนดไว้ว่า ความผิดของบุคคลถือเป็นความผิดของพรรคการเมืองด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การยุบพรรคก่อน เพราะไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยเนื่องจากการยุบพรรคง่ายขัดต่อวิถีทางทางการเมือง พร้อมกับย้ำว่าการก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะยังไม่เชื่อมโยงไปถึงการนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรค 111 คน (24/03/51)