ที่มา thaifreenews
โดย เสียงประชาไทย
พวกเราไม่มีเส้น
พวกเราทำอะไรก็ผิด
ฯลฯ
แต่ผมก็ว่าดีนะ ไม่มีเส้นสิดี
พวกเราเริ่มต้นกันด้วยความไม่มีใครมาสนับสนุน
พวกเราเริ่มต้นกันด้วยความไม่มีเส้นไม่ได้รับความเป็นธรรม
ซึ่งคนที่มีเส้น มีคนสนับสนุน มันทำอะไรก็ไม่ผิด ทำอะไรก็มีคนแก้ต่างให้ มีการเลือกปฏิบัติ
แต่มันก็ทำให้. . .
พวกเราต้องพยายามมากขึ้นไม่ใช่หรอ
พวกเราต้องทำให้การชุมนุมมีมาตรฐานประชาธิปไตยไม่ใช่หรอ
พวกเรารักกันมากขึ้นไม่ใช่หรอ
พวกเรามีอุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตยแบบเดียวกันไม่ใช่หรอ
พวกเราทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆประชาชนส่วนใหญ่เขาก็จะมาชื่นชมและร่วมอุดมการณ์กับพวกเราเอง
หากเปรียบพวกเราเป็นนักร้อง
พวกเราอาจจะเป็นนักร้องที่หน้าตาไม่ดีไม่มีเส้นสาย
แต่ถ้าพวกเรามีฝีมือ มีความขยัน มีความเสมอต้นเสมอปลาย
แล้วสักวันหนึ่งผู้คนเขาก็จะมองข้ามหน้าตาพวกเราไป แล้วไปชื่นชมพวกเราที่ผลงานแทน
สรุปง่ายๆ
พวกเราต้องทำอะไรให้มันเกินกว่าที่คนเขาสบประมาทพวกเรา
เขาบอกว่าพวกเราแตกแยก
พวกเราต้องรักกันให้มากขึ้น
เขาบอกว่าพวกเราทำเพื่อคนกลุ่มเดียวหรือคนเดียว
พวกเราต้องทำให้เห็นว่าพวกเราทำเพื่อประเทศชาติ
เขาบอกว่าพวกเราใช้สีแดงพวกเราเป็นคอมมิวนิสต์
พวกเราต้องทำให้เห็นว่าสีแดงคือชาติพวกเราคือฝ่ายประชาธิปไตยอย่างแท้จริงไม่ใช่ประชาธิปไตยอีแอบแบบม๊อบโกเต๊ก
เขาบอกว่าพวกเราทำเพื่อเงินไม่มีอุดมการณ์
พวกเราต้องทำให้เห็นว่าพวกเราทำเพื่อประชาธิปไตยพวกเรามีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ไม่ใช่อุดมกินแบบพรรคแมลงสาบและไอ้เจ๊กลิ้ม
เขาบอกว่าพวกเราเป็นยังไง เขาดูถูกพวกเรายังไง
พวกเราต้องทำให้ดีกว่าและต้องดีกว่าที่นั้นอีกหลายเท่า
เหมือนนักร้องที่หน้าตาไม่ดีแต่ผลงานดี
สุดท้ายมองยังไงเขาก็มีเสน่ห์กว่าคนหน้าตาดีแต่ทำอะไรไม่ได้
จงจำไว้เสมอว่า. . .
คนเสื้อแดงเริ่มต้นจากเงื่อนไขที่เสียเปรียบทุกด้าน ทุกประการ
ฉะนั้น พวกเราต้องออกแรงสู้ให้มากกว่าเขา
วันนี้เขาทำแค่หนึ่ง พวกเราต้องทำสิบ
หากทำแค่หนึ่งเท่าเขา พวกเราสู้เขาไม่ได้
สุดท้ายเมื่อพวกเราผ่านจุดนั้นมาได้
ความเก่งกล้าของพวกเราจะติดอยู่กับพวกเราตลอดไป
มันจะฝังลึกเข้าไปในจิตใจของพวกเราเอง
สุดท้ายคนก็จะมองข้ามส่วนที่เคยสบประมาทนั้นไป
คราวนี้จะเคลื่อนไหวอย่างไรย่อมมีพลังและแรงขับเคลื่อนมากกว่าปกติ
การชุมนุมวันที่ 31 มกราคม 2552
นั้นเป็นตัวอย่างที่คลาสสิคมากๆ
สู้กันต่อไปครับ ไม่มีเส้น ละดีพวกเราจะได้มีความพยายามในการสู้กันมากกว่าเดิม