ที่มา ไทยรัฐ
จากการที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ปิดถนนบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อวันที่ 9 และ 10 เมษายน และบุกเข้าโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาเมื่อวันที่ 11 เมษายน จนทำให้รัฐบาลต้องเลื่อนการประชุมดังกล่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนด และได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเมื่อวันที่ 12 เมษายน และเกิดเหตุการณ์รุนแรงในตอนเช้าตรู่วันที่ 13 เมษายน ที่สามเหลี่ยมดินแดงนั้น
องค์กรทั้งหลายตามรายชื่อข้างท้าย มีความห่วงใยในสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะลุกลามไปสู่วิกฤตการณ์ที่รุนแรงจนควบคุมไม่ได้ จึงขอเสนอความคิดเห็นดังต่อไปนี้
1. การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงอาจจะทำให้สถานการณ์ยิ่งร้ายแรงมากยิ่งขึ้น ขอให้รัฐบาลและกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ใช้กำลังของเจ้าหน้าที่เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อควบคุมสถานการณ์เท่านั้น อย่าใช้ในการปราบปรามหรือสลายการชุมนุม เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปจนอาจกลายเป็นจลาจล และเมื่อสถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว รัฐบาลควรยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยเร็วที่สุด
2. สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญนั้นจะต้องเป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ และต้องไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น แต่การชุมนุมของ นปช. ในขณะนี้มีการใช้ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการบุกโรงแรม บุกกระทรวงมหาดไทย ทุบทำลายรถในขบวนของนายกรัฐมนตรี การปิดถนนสายต่างๆ การยึดรถเมล์ การยึดรถก๊าซ ล้วนแต่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพนอกขอบเขตของรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมายทั้งสิ้น แกนนำ นปช. ต้องยุติการใช้ความรุนแรง การละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และต้องควบคุมผู้ชุมนุมไม่ให้ใช้ความรุนแรง รวมถึงยุติการสร้างความเกลียดชังผ่านทางสื่อในเครือข่ายดังที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ สำหรับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ต้องยุติการยั่วยุและปลุกระดมที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรง และถ้าหากเกิดเหตุร้ายแรงมากไปกว่านี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่อาจที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้
3. ขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาการชุมนุมที่ละเมิดกฎหมายโดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเหมาะสม และใช้กระบวนทางกฎหมายที่ให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายอย่างแท้จริง การดำเนินคดีกับ นปช. ก็ต้องดำเนินคดีกับประชาชนกลุ่มอื่นที่ใช้เสรีภาพเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญด้วยอย่างเสมอกัน
4. ขอให้รัฐบาลใช้แนวทางสันติวิธีและการเจรจาในการแก้ปัญหา ซึ่งจะเป็นหนทางในการนำความสงบกลับคืนมาสู่ประเทศไทยได้อย่างแท้จริง รัฐบาลควรต้องเปิดการเจรจากับแกนนำ นปช. และพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง และขอให้ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยที่ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. กลับมาใช้เวทีรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาของประเทศ
5. สื่อมวลชนทุกแขนง ต้องรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วนรอบด้าน รวมทั้งต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารที่จะรายงานออกไป เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนและเกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะตัวแทนเครือข่ายนักวิชาการไม่เอาความรุนแรง กล่าวว่า ขอเชิญชวนประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงให้ประดับธงชาติไว้ที่หน้าบ้าน หรือบริษัทห้างร้านของตน เพื่อแสดงออกให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน และอยู่ในประเทศชาติเดียวกัน
ด้านนายนิมิตร เทียนอุดม ตัวแทนกลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงครามกลางเมือง กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้กำลังตำรวจทหารที่เข้าควบคุมสถานการณ์อยู่ในขณะนี้ ไม่ใช้อาวุธปืนในการปฏิบัติการ เพราะที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าจะไม่ทำร้ายประชาชน
ส่วนนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายญาติวีรชนพฤษภา ๓๕ กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงในเรื่องการปิดกั้นสื่อของรัฐบาลในขณะนี้ เพราะหากประชาชนไม่ได้รับความจริงอย่างครบถ้วนรอบด้าน อาจนำไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้นได้
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สำนักสันติวิธี สถาบันพระปกเกล้า
กลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงครามกลางเมือง
เครือข่ายประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้แต่อย่าใช้ความรุนแรง
คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา ๓๕
เครือข่ายนักวิชาการไม่เอาความรุนแรง