ที่มา ไทยรัฐ
เฮ้อ เทศกาลสงกรานต์ ปีนี้ กลายเป็น สงกรานต์เลือด จนได้.....วิกฤติการเมืองมาถึงจุดอับ.....การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง เพื่อยุติการชุมนุมของ คนเสื้อแดง.....ถือเป็นการ ประกาศสงครามแตกหัก ระหว่างสองขั้วอำนาจ....ปิดประตูทางออก โดยสันติวิธี ตามวิถีของประชาธิปไตย....ไปสู่ คราบน้ำตาและรอยเลือด ของคนไทยอีกครั้ง............
การกระทำชนิดล่อเป้าของรัฐบาล ไม่ว่าจะจัด ม็อบเสื้อน้ำเงิน มาชนม็อบเสื้อแดง หรือตัว นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เฉียดไปเฉียดมา จนกลายเป็น เชื้อปะทุ ของคนเสื้อแดง.....ทั้งที่ พัทยาและกระทรวงมหาดไทย......จริงอยู่ภาพออกมาอาจจะทำให้ มวลชนของคนเสื้อแดง เกิดความลังเล......แต่ผลโดยตรงกับคนเสื้อแดงไม่มีประโยชน์ใดๆทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ รถถัง ที่ออกมาวิ่งเพ่นพ่าน.....ตรงกันข้าม ภาพพจน์ของประเทศ ย่อยยับไปในพริบตา...........
บทวิจารณ์จาก บีบีซี ระบุว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในประเทศไทย เกิดขึ้นหลายครั้ง .....ก่อนหน้านี้มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการสลายการชุมนุม ของพันธมิตร ที่เข้า ยึดสนามบิน .....และวิกฤติการเมืองครั้งนั้นได้ทำให้ นายกฯอภิสิทธิ์ จับมือกับพันธมิตรของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ............
บีบีซี ยังระบุว่า ปัญหาของ นายกฯอภิสิทธิ์ คือขึ้นมามีอำนาจจากการสนับสนุนของ ผู้ที่ประท้วงผิดกฎหมาย.....เพราะฉะนั้นถ้าจะจัดการกับ ฝ่ายเสื้อแดง.....ก็จะถูกวิจารณ์ว่า มือถือสากปากถือศีล....จึงต้องจับตาการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย............
ทั้งนี้บีบีซี ยังระบุว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คาดว่าจะทำให้เกิดการสูญเสียรายได้ ประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์.....ในขณะที่ เศรษฐกิจประเทศไทย กำลังตกต่ำ ที่เกิดจากการส่งออกลดลงอย่างหนัก............
ขณะเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก รวมทั้งสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ได้ออกมาเตือน ชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยให้ระมัดระวัง ความปลอดภัย.....โดยเฉพาะอาจจะเกิดการ ปิดสนามบิน ขึ้นมาอีกครั้ง.....คนกลุ่มหนึ่งไป สร้างมาตรฐานการชุมนุม กันไว้ถึงขนาดนั้นจะไม่ให้ระแวงอย่างไรไหว งามหน้าไปทั้งประเทศ............
ก็ตอกย้ำถึง มาตรฐานของประเทศ อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการตัดสัญญาณ ดีสเตชั่น หรือการจัดการกับคนเสื้อแดง การเข้าจับกุมตัว อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หนึ่งในแกนนำเสื้อแดง หลังมีหมายจับข้อหาตั้งกองกำลังไล่ล่านายกฯอภิสิทธิ์.....ข้อหาแปลกๆก็เป็นอีกเรื่อง.....แต่มาตรฐานใน การบังคับใช้กฎหมาย จะถูกจับตามากที่สุด............
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะสายเกินไป รัฐบาลจะใช้วิธีจัดการกับม็อบเสื้อแดงอย่างไรก็อยู่ที่ ดุลพินิจของรัฐบาลเอง......ระหว่าง วิธีที่รุนแรง โดยใช้กำลังทหาร หรือตัดสินใจเลือกแนวทางใน วิถีของประชาธิปไตย ไม่ใช่เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลมาจากระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงจะตัดสินใจ............
เพราะภาพที่ทั่วโลกจับตาไม่ใช่เพราะ พฤติกรรมของคนเสื้อแดง เท่านั้น แต่จับตาไปที่ การตัดสินใจของรัฐบาล ด้วย ว่าจะเลือกใช้วิธีแก้ปัญหาบนแนวทางประชาธิปไตยมากน้อยแค่ไหน ยิ่งถูกครหาว่าเป็นรัฐบาลที่มาด้วยวิธีที่ไม่สง่างามอยู่ด้วย จริงมะ............
“อินทรีเหล็ก” เป็นห่วงว่าประเทศไทยจะ ก้าวสู่ความหายนะครั้งใหญ่.......ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย พฤษภาทมิฬ อีกครั้ง......ไม่มีข้อขัดแย้งทางการเมืองครั้งใดที่ยุติลง ด้วยความรุนแรง นอกจากการเจรจาปัญหาด้วยสันติวิธีตามกฎกติกาของระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น............
สถานการณ์การบังคับใช้กฎหมายในขณะนี้ก็ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ...... เมื่อไม่มีผู้รับผิดชอบในการสลายการชุมนุมและไม่มี คำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร จากผู้บังคับบัญชา.....ดังนั้น การที่ รองนายกฯสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินจึงไม่บรรลุผล......แต่กลับจะทำให้ สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้น............
จากถ้อยแถลงของ พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจ นครบาล การจับกุม อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ตามหมายจับของศาลอาญา.....ระบุความผิดต้อง ระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี.....ปัญหาอยู่ที่ว่าในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้......จะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟการเมืองหรือไม่............
ต้องยอมรับว่าบรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ กร่อยสนิท.....ในสภาวะเหตุการณ์ บ้านเมืองอึมครึม เช่นนี้ ชาวบ้านหมดอารมณ์รื่นเริง.......ความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจก็เป็นอีกเรื่อง ภาพพจน์การท่องเที่ยว จะเสียหายอย่างไรก็เป็นอีกประเด็น......แต่วิกฤติการเมืองจะทำให้ประเทศไทยสูญเสีย ความเชื่อมั่นต่อระบอบประชาธิปไตย ในสายตาชาวโลกเป็นเรื่องใหญ่กว่า............
“อินทรีเหล็ก”