ที่มา Thai E-News
โดย คุณ pegasus
ที่มา เวบบอร์ด ประชาไท
18 มิถุนายน 2552
ศัตรูของประชาธิปไตย คือ ระบบเส้นสาย เจ้าขุนมูลนาย ตุลาการบางคน ทหารบางคน ธนาคารบางแห่ง และบริษัทในเครือ
บทความนี้ ขออุทิศให้กับพี่น้องเสื้อแดงที่เรียกร้องประชาธิปไตย ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
เหตุผลที่จั่วหัวไว้ว่า เหตุใด แดงจึงไร้พ่าย ทั้งๆ ที่หลายคน หลายฝ่าย คิดไปเองว่า การใช้กำลังและอาวุธเข้าเข่นฆ่าและทำร้ายประชาชนนั้น น่าจะทำให้เสื้อแดงเกรงกลัว และกบดาน เหมือนเหตุการณ์หลัง 6 ตุลาคม 19
แต่ทว่า สิ่งที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากกรณี 6 ตุลาคม 19 ได้แก่ การที่ม๊อบเสื้อเหลืองออกมาอาละวาดด้วยวิธีการที่สกปรก และไล่ฆ่าผู้บริสทุธิอย่างไม่ต้องเกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งแน่ล่ะ มีทหารบางพวก บางกลุ่มเข้าไปเป็นกำลังสำคัญในกลุ่มนี้ด้วย
และเมื่อเชื่อมโยงกับ อีแอบทั้งหลาย ที่ปรากฎตัวออกมาตามเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้ได้ประชาชนได้ข้อสรุปว่า ศัตรูของเขาคือใคร
เมื่อมาเชื่อมโยงกับการสั่งฆ่า เพื่อรักษาอำนาจของตนเองของเหล่าอนุรักษ์นิยมแล้ว ประชาชนก็เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นอีกว่า การประนีประนอม และอยู่ร่วมกันในสังคมนี้ เห็นทีจะเป็นไปได้ยาก
ประการสุดท้ายคือ ในกรณี 6 ตุลาคม 19 นั้น หลังเหตุการณ์วุ่นวาย จะตามมาด้วยการยึดอำนาจ และการใช้อำนาจเพื่อรักษาความสงบ ทำให้มีนักศึกษาและพวกหัวก้าวหน้า ต้องหลบหนีเข้าป่า
สำหรับคราวนี้ จะด้วยความประมาทหรือไร้เดียงสาก็ตาม กลับไม่ปรากฎการยึดอำนาจ ทำให้กลุ่มเสื้อแดงกลับมาตั้งตัวใหม่ ด้วยจำนวนและพลังใจที่เข้มแข็งกว่าเดิมมาก และมากจนน่าตกใจ ในขณะที่รัฐบาลหุ่นของเหล่าอีแอบ กลับทำงานล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ และตะกละตะกลาม หาเงินใส่กระเป๋ากันชัดเจนเกินไป จนทำให้บางพรรคการเมืองที่ได้ชื่อว่า เป็นความหวัง กลับเป็นตัวต้นเหตุ และเป็นผู้กระทำในสิ่งที่ทำร้ายประชาชนเสียเองในทางเศรษฐกิจ และมีข้อกังขาในเรื่องความสุจริตและคุณธรรม
ดังนั้น เมื่อประชาชนตั้งหลักได้ และไม่ยอมรับ รวมถึงรังเกียจ ระบอบการปกครองเดิม ที่อาจเรียกว่า ระบอบอนุรักษ์นิยม เน้นการอยู่ภายใต้การปกครองของข้าราชการ หรืออำมาตย์ ประชาชนมีหน้าที่ทำตัวสงบเรียบร้อย ถึงเวลาก็ส่งส่วยภาษีให้กับรัฐบาลที่ฝ่ายอนุรักษ์ส่งมาเป็นตัวแทนปกครอง ด้วยว่า เกรงประเทศอื่นจะหาว่าป่าเถื่อนล้าหลัง แต่แท้จริง คือระบอบเผด็จการซ่อนรูปที่เ*****้ยมโหด ไม่ต่างจากสมัยโรมันหรือฟาสซิสต์ นาซีเลยแม้แต่น้อย
ความรู้สึกนี้ ได้ก่อกำเนิดขึ้นในหมู่ประชาชนแล้ว และไม่มีเปลี่ยนหันหลังกลับ มีแต่จะเพิ่มขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
คำถามจึงอยู่ที่ว่า ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง ข้าราชการ หรืออีแอบทั้งหลาย จะบังคับประชาชนไปได้อีกสักกี่น้ำ จะกดขี่ ขูดรีดได้สักแค่ไหน ในเมื่อความจริงต่างๆ ชัดเจนอยู่ตรงหน้า
สิ่งบอกเหตุถึงอาการร้อนรน จึงเห็นได้ชัดถึง ความพยายามระดมเงินเข้าสู่กลุ่มอนุรักษ์อย่างรุนแรง และรวดเร็ว เช่นการต้องรีบให้มีการกู้เงินจากต่างประเทศ เพื่ออะไรก็คงพอเดากันได้ การขึ้นราคาน้ำมันเพื่อให้การค้าขายสิ่งของผิดกฎหมายที่กลุ่มนี้ครอบครองอยู่ เดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว การให้มาเฟียต่างๆ ออกอาละวาดเก็บเงิน ไล่ที่ การล๊อคเลขของสลากกินแบ่งรัฐบาล ฯลฯ ทั้งๆ ที่ แต่ไหนแต่ไรมา เป็นการกินน้ำบ่อทราย ไม่ร้อนรน ไม่เร่งร้อน เป็นเพียงรักษาสภาพ และมีการส่งส่วยกันเท่านั้น
ดังนั้นจึงชัดเจนว่า สัตว์ใหญ่กำลังดิ้นเพื่อเอาตัวรอด แต่ทำไมต้องดิ้น สิ่งนี้ยังเป็นประเด็นที่น่าสงสัย เพราะมีตั้งมากมายกันแล้วในแต่ละคน หรือว่า จะมีการเตรียมตัว เพื่อไปมีชิวิตใหม่ในต่างแดน ทำไมถึงคิดอย่างนั้น คงต้องติดตามกันไป
สำหรับในครั้งนี้ ขอเสนอวิธีการต่อสู้ของชาวเสื้อแดงต่อไปว่า “เอ็งจะรบอย่างไรก็ช่าง ข้าจะรบของข้าอย่างนี้”
เราจึงต้องมุ่งหน้าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยไม่ต้องไปกังวลว่า ฝ่ายอนุรักษ์จะคิดอย่างไร เพราะเขาใกล้ตายแล้ว ย่อมดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายอยู่แล้ว เราจึงควรเดินงานของเราไปตามทิศทางที่ควร ทิศทางที่ว่า คือการสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ ขยายแกนนำ ขยายมวลชน จับกลุ่มคุยกันให้มีความคิด ความเข้าใจตรงกันให้มากที่สุด แล้วขบปัญหาว่า ศัตรูของประชาธิปไตยที่ได้เสนอไว้ข้างบนนั้น จะทำลายลงได้อย่างไร
ในเบื้องต้น ขอเสนอวิธีการ ทำลายความสามารถในการทำงาน ของฝ่ายทหารที่จับอาวุธเป็นชั้นต้นเลยว่า เมื่อเมษาเลือดที่ผ่านมา มีเหตุการณ์อยู่สองอย่าง ที่ฝ่ายเสื้อแดงจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ กล่าวคือ
การที่ทหารไปยึดสถานีวิทยุชุมชุน และ การยึดดีสเตชั่น ประการหนึ่ง กับการฆ่าหรืออย่างน้อย พยายามฆ่าประชาชนที่ดินแดงอีกประการหนึ่ง
โดยจะขอขยายความดังนี้
การยึดสถานีวิทยุชุมชนนั้น เกิดในต่างจังหวัดที่ไม่มี พรก.ฉุกเฉินรองรับ ดังนั้น จึงเท่ากับเป็นการลักทรัพย์ ถ้าการไปลักทรัพย์ มีอาวุธ (ซึ่งเชื่อว่ามี ถ้าถ่ายรูปไว้ได้) ก็จะเรียกว่า เป็นการปล้นทรัพย์ และถ้าไปกลางคืนเรียกว่าการปล้นทรัพย์ในยามวิกาล และถ้าทำร้ายคนในสถานีด้วย ทั้งๆ มีอาวุธ ก็จะเป็นพยายามฆ่าได้อีก
ที่สำคัญเป็นข้าราชการหรือเปล่า ถ้าเป็น แสดงว่า เป็นข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 มีโทษจำคุก และปลดออกจากตำแหน่ง ซึ่งแน่ละ พวกทหารกลัวหมดอำนาจกันมาก
ดังนั้น ทุกสถานีวิทยุชุมชน จึงควรฟ้อง ทั้งแพ่ง เรียกค่าเสียหาย จากบุคคลที่เข้าไปยึด ถ้าคิดไม่ออก ก็ระบุหน่วย ถ้าเขาปิดบังชื่อหน่วยตอนเข้าไป ซึ่งเขาเอาสีมาลบทับอยู่แล้ว เราเรียกได้ว่า โจรปล้นทรัพย์ แต่เราตามไปรู้มาว่า เป็นหน่วยไหน ก็ฟ้องว่า กระทำการเป็นโจร (เพราะไม่สวมเครื่องแบบระบุสังกัด เลขหมายหน่วย ตามธรรมเนียมทหาร) มาจากหน่วยนั้นๆ โดย ผู้พัน คนนั้นสั่งมา ถ้าผู้พันไม่รับ คนมายกของ น่าจะเป็นนายสิบ ถ้ามีรูป ก็เอาให้ตำรวจไปค้นที่กองพัน เจอเมื่อไร ก็เป็นโจรปล้นทรัพย์ในยามวิกาลทันที ต้องโทษแพ่งด้านละเมิดให้เสียทรัพย์ อาญาในการร่วมกันปล้นทรัพย์ และ อาญาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะเป็นข้าราชการ แต่ถ้าผู้พันสั่งมา ก็ผู้พันร่วมด้วย ทั้งสามประการ ถ้าผู้พันไม่รู้เรื่อง ก็กองร้อยนั้น แต่ถ้ากลับกัน ผู้พันบอกว่า นายสั่ง ก็ให้ระบุว่าใครเรื่อยๆ ขึ้นไป แล้วกันผู้พันเป็นพยาน จบที่ใคร คนนั้นโดนออกจากราชการด้วยข้อหาปล้นทรัพย์ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำไมมิชอบ ก็เพราะไม่มีกฎหมายอนุญาตให้ไปปล้นทรัพย์ใคร เนื่องจากไม่มีการยึดอำนาจด้วยการปฏิวัติ และมีการอภัยโทษตามมา หลังเหตุการณ์ ทุกอย่าง จึงเข้าทางคนเสื้อแดง ดังนี้แล
สำหรับ กรณีดีสเตชั่น ก็เข้ากรณีเดียวกัน ได้ข่าวว่า เสียหาย 30 ล้าน ถามว่า ถ้าทหารทำแล้ว ผบ.ทบ.จะมาจ่ายแทนหรือไม่ เพราะถ้าจ่ายแทน ก็เท่ากับสั่งเอง ผิดมาตรา 157 อีก แล้ว พรก.ฉุกเฉินล่ะ ใช้ได้หรือไม่ ตอบว่าไม่ได้เลย มีกรณีเดียวที่ทหารจะไปทำอะไร อย่างการยึดข้าวของประชาชนได้ คือ ประกาศกฎอัยการศึก หรือมีการรัฐประหารเท่านั้น แม้กระนั้นก็ยังต้องมี การออกกฎหมายอภัยโทษย้อนหลัง ส่วนกรณีนี้ ไม่มีแน่นอน และจะมาออกกฎหมายอภัยโทษอีก ขอโทษช้าไปต๋อย เหตุการณ์ผ่านแล้ว ใครจะเอามือมาซุก*****บ ทหารคนที่ไปทำนั่นแหละ เตรียมตัวเป็นหนี้ และถูกปลดจากราชการ ไปนอนในคุกได้เลย
สิ่งนี้ควรรีบกระทำเสียตั้งแต่บัดนี้ ไม่ต้องรออายุความสิบปี จะฟ้องทีหลัง ไม่มีประโยชน์ เพราะเราต้องการให้ทหารหมดสมรรถภาพในการใช้กำลังอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่หรือ
มิฉะนั้น ถ้ามีการยึดอำนาจอีกในเร็วๆ นี้ ด้วยว่า ฝ่ายอนุรักษ์นึกออกว่า ลืมอะไรไป ก็จะมีการนิรโทษกรรมออกมา ทำให้การเตรียมการเหล่านี้เสียเปล่า
ถ้าฟ้องเสียเดี๋ยวนี้ ใครที่จะทำอย่างเดียวกันคราวหน้า จะได้ไม่กล้า ต่างคนต่างก็จะพูดว่า “นายอยากไปยึด ก็ไปยึดเอง ผมจะเอาใจช่วย”
จึงขอกระตุ้นชาวเสื้อแดง ให้รีบดำเนินการโดยด่วน ถ้าไม่ทำ เพราะมีแผนอะไรที่ดีกว่านี้ ได้โปรดชี้แจงให้ทราบ แต่ถ้าไม่ทำเพราะกลัวอำนาจมืด ถ้าอย่างนั้น อย่ามานำพวกเสื้อแดงเลย เพราะเท่ากับว่าแกนนำล้าหลังมวลชน เมื่อมวลชนพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมแล้ว แต่แกนนำยังกลัวอำนาจมืดอยู่ ก็มีแต่แพ้กับแพ้เท่านั้น ซึ่งเสื้อแดงต้องไม่ยอม เพราะเสื้อแดงนั้นไร้พ่าย ไม่แพ้แน่นอนอยู่แล้ว
ประการสุดท้าย เช่นเดียวกันกับข้างต้น เราทราบและมีภาพว่า ใครบัญชาการที่ดินแดง เมื่อลูกน้อง ยิงปืนขนานพื้น ไม่มีอแด๊บเตอร์ติดที่ปลายกระบอกปืน แสดงว่าไม่ใช่ลูกซ้อมยิง แถมสถานีข่าว BBC ถ่ายทหารกำลังบรรจุกระสุนจริงเข้าซองกระสุน องค์ประกอบความผิดครบแล้ว ขอเพียงให้มีคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุดินแดง ฟ้องว่า ทหารหน่วยนี้ โดยผู้บังคับบัญชาคนนี้ สั่งให้ฆ่า ก็จบแล้ว เพราะความผิดครบองค์ประกอบที่ว่า มีอาวุธพร้อมยิงและเล็งมาแล้ว อันนี้ยิงมาด้วยหลักฐานครบหมด หากฟ้องแล้ว มาพบทีหลังว่า มีผู้เสียชีวิต ค่อยว่ากัน
แต่อยากจะบอกแกนนำว่า แค่พยายามฆ่าก็ผิดแล้ว ผู้ที่นำกำลังมาคือใคร ถ้าเป็นผู้บัญชาการกองพล ตามที่ปรากฎในรูป ก็สามารถระบุเช่นกันว่า เป็นข้าราชการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 157 เพราะ พรก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ให้อำนาจในการฆ่าคนไว้
ทุกคนต้องขึ้นศาล โดยต้องหาภาพไปที่คนยิงให้ชัดๆ ก่อน จากนั้น จากคนนี้ โยงไปให้ได้ว่า มีการสั่งเพราะมีการสั่งจริง ให้ใช้กระสุนจริง และยิง เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว แต่อำนาจมีหรือไม่
เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า เหมือนกับตำรวจ ที่เวลายิงคนร้าย ก็ต้องไปขึ้นศาลว่า เป็นคดีวิสามัญฆาตกรรม ถ้าทำไปโดยไม่จำเป็น ก็ติดคุกเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเสื้อแดงต้องมีกล้องบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่ชัดเจนประกอบด้วย และต้องรีบฟ้องทันที เพราะจะทำให้รัฐบาลไม่กล้าใช้ พรก.ฉุกเฉิน เนื่องจากหน่วยทหาร ก็กลัวติดคุกเหมือนกัน ใครจะรู้ อีกแค่ปีหน้า ใครจะมาเป็นรัฐบาล กลุ่มอนุรักษ์ยังจะอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ หรือเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นแล้ว ใครจะเอาตัวเองมาเสี่ยง ให้เจ้านายเสวยสุข
สิ่งเหล่านี้ แกนนำต้องคิดให้มากๆ เพราะการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนสังคมนั้น ลำพังการขึ้นเวทีปราศรัยนั้น เป็นเพียง เปลือกเท่านั้น ไม่ใช่แก่น
บทความแรกครั้งนี้ สำหรับการอธิบายว่า แดงไม่แพ้ได้อย่างไรนั้น เป็นเพียงการสรุปว่า กลุ่มอนุรักษ์ใกล้ถึงจุดจบแล้ว ศัตรูของเราคือใคร และการจะจำกัดการเคลื่อนไหวของศัตรูอันดับต้นๆ ของเรา ได้แก่ ทหารนั้น ควรทำอย่างไร
หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการต่อสู้ของคนเสื้อแดงต่อไป พบกันคราวหน้า ตามโอกาสที่จะมีมา