ที่มา thaifreenews
เขียนโดย ลูกรถไฟไทย | |
วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน 2009 เวลา 14:43 น. | |
ก่อนอื่นขอสวัสดีครับพี่น้องเสื้อแดงและทีมงาน Thaifreenews.org ที่เคารพทุกท่าน วันนี้ผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่กำลังเป็นที่ สนอกสนใจ ในหน้าสื่อสิ่งพิมพ์ เกี่ยวกับดินแดนที่ถูกสาบอีกหนึ่งแห่งกับคนในรัฐวิสาหกิจที่ “โง่ จน เจ็บ” ไม่ต่างจากประชาชนชาวรากหญ้าที่รักประชาธิปไตยถูกดูแคลนอยู่ทุกเมื่อเชื่อ วัน โดยอำมาตย์เผด็จการในคราบนักบุญที่ได้รับความนิยมยกย่องในสังคมสื่อสารมวล โจรในปัจจุบัน เมื่ออ่านถึงตรงนี้อาจจะมีคำถามโต้แย้งถึงสิ่งที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้น..... ว่ามันจะ “ โง่ จน และเจ็บ” เหมได้อย่างไร ในเมื่อก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า รัฐวิสาหกิจนั้น เปรียบเสมือนลูกหม้อของพวกอำมาตย์ไม่มีผิด เพราะแหล่งซ่องสุมผลประโยชน์ทับซ้อนต่างๆ ที่เอื้อเฟื้อเจือจุนแบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าที่น่ารักภักดีกันตลอดมา ก็น่าจะได้รับยกย่องเชิดชูให้ไปอยู่ในชนชั้นฐานันดร สูงกว่าทาสไพร่ |
ที่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ถูกยัดเหยียดเหยียบหยามเรื่อยมา ดังนั้นจะมาใช้คำว่า “โง่ จน เจ็บ” ซึ้งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของประชาชนชาวรากหญ้าได้อย่างไร ..........แต่มันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆครับในรัฐวิสาหกิจที่ชื่อว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย มีบางท่านด่วนสรุปแล้วร้อง ......อ้อ!....น่าจะเป็นเพราะมันมีคำเติมท้ายว่า “ประเทศไทย” ก็เลยมีสภาพ ... สะบักสะบอม ย่ำแย่ .....ไม่ต่างไปจาก สาระขันธ์แลนด์
ซึ่งเป็นคำถูกเลือกมาเหน็บแนม ประเทศไทย เหตุที่ผมยกสามคำนี้มาใช้ก็เพราะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวหยุดเดินรถไฟของพนักงานการรถไฟในระยะหลังที่ผมได้เข้าไปสัมผัสมาด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่มันเกิดขึ้นจากลักษณะ เฮโล กันไป จากความตื่นกลัวที่ได้รับข่าวสารที่ไม่ครบถ้วนถูกต้อง ... จนถึงหนักสุด!!.ก็มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยใช้สื่อสิ่งพิมพ์รวมถึงใบปลิว จากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟ
ที่ไปอิงแอบแนบชิดนักการเมืองฝ่ายอำมาตย์ โดยหวังจะได้รับส่วนแบ่ง หรือเศษเนื้อข้างเขียงที่มักจะตกหล่นระหว่างที่มีการเข้ามาทำสัญญาเช่าหรือจัดซื้อจัดจ้าง ต่างๆ จึงใช้วิธีปลุกระดมพนักงานระดับปฏิบัติการ ที่พร้อมลุกขึ้นมาปกป้องรักษาผลประโยชน์ของพวกเค้า และองค์กรที่เลี้ยงดูอุ้มชูเค้ามาหลายชั่วอายุคน ในรูปแบบของสวัสดิการค่าเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล และรายได้จากเบี้ยเลี้ยงต่างๆ....
ที่มัน “โง่ จน และเจ็บ” ก็เพราะว่าพนักงานระดับปฏิบัติการที่ออกไปเป็นหนังหน้าไฟนี้จะถูกตำหนิต่อว่าจนถึงด่าทอ ก่อนเสมอโดยเฉพาะผู้ที่ใช้บริการของการรถไฟในการสัญจรไปมาเป็นประจำ และพนักงานส่วนใหญ่เหล่านี้..... ถ้าไม่ได้เป็นกรรมการสหภาพ ฯ หรือมีความสนิทชิดเชื้อกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล ก็จะไม่ได้รับส่วนแบ่งใดๆเลย หนำซ้ำพวกเค้ากลับไม่ได้เอะใจเลยว่าการที่ลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวของพวกเค้านั้น
มันไม่เพียงแค่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นเท่านั้น แต่มันได้ทำลายสิ่งดีงามรวมถึงผลประโยชน์ที่ตนเองจะได้ มากกว่าเศษเนื้อข้างเขียงที่ พวกสหภาพผู้รับใช้อำมาตย์พยายามหาเหตุผล 108 มาประกอบคำอธิบายที่แถไปข้างๆคูๆ โดยยกตัวอย่างบางช่วงบางตอนของประเทศ อาเจนติน่า เม็กซิโก หรือญี่ปุ่น มาโน้มน้าวให้เห็นถึงความผิดพลาด ล้มเหลว ในการแปลรูปจากข้อมูลครึ่งๆกลางๆที่ถูกหยิบมาใส่สีแต่งกลิ่น จนนำไปสู่ความหวาดกลัว
ความกลัวเหล่าเป็นประโยชน์มาก ที่ลูกกระเป้งสหภาพฯที่มีนาย ส.เคราแพะชักใยอยู่ ใช้ในการเสี่ยมและปลุกระดมให้พนักงานออกมาเคลื่อนไหวเพราะเชื่อว่านี่คือการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและองค์กร โดยหารู้ไม่ว่าถูกปลุกขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องต่อรองในเรื่องของผลประโยชน์ใต้โต๊ะ จนสร้างความมั่งคลั่งให้กับนายเคราแพะจนได้ข่าวว่ามีเงินเป็น 100 ล้าน และมีบ้านอยู่ต่างประเทศ ถ้าทำงานรับเงินเดือนปกติไม่มีทางรวยได้ขนาดนี้
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารจัดการรถไฟ มันจะเพิ่มประสิทธิภาพทำให้องค์กรที่ท่านรักให้หลุดพ้นจากความ จน ต้องเป็นหนี้สะสมท่วมหัวถึง 70,000 ล้าน เป็นอย่างน้อยได้ เพราะการตั้งบริษัทลูกขึ้นมา เป็นบริษัทการเดินรถ เพื่ออุดรอยรั่วจากการจัดซื้อที่มีกันเรื่อยมา และบริษัทการบริหารทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อมาดูแลสัญญาเช่าที่ดินอีก 4000 กว่าสัญญา จากที่ดินทั้งหมดของการรถไฟ ประมาณ 230,000 ไร่
และเป็นที่ดินเชิงพาณิชย์ถึง 39,000 ไร่ อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลถึง 3,900 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ในแหล่งธุรกิจทำเงิน ที่ผมพูดถึงนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าถ้ามีการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีมากมายเหล่านี้ (ทรัพย์สินเหล่านี้อาจทำให้ใครหลายคนน้ำลายหก อิอิ) ให้ดีมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ย่อมส่งผลดีต่อองค์กรและประชาชนผู้ใช้บริการรวมถึงพนักงานการรถไฟที่ชาตินี้จะมีโอกาสได้รับโบนัสปลายปีกับเค้าบ้าง และสุดท้าย
รัฐบาลก็ไม่ต้องใช้ภาษีประชาชนมาอุ้มไว้ Happy กันทุกฝ่าย พูดมาถึงตรงนี้บ้างท่านก็อาจจะนึกภาพไม่ออกว่ามีการรั่วไหลของรายได้ที่รถไฟต้องสูญหายไปมากน้อยแค่ไหน ผมขอยกตัวอย่างที่ดินเช่าบริเวณ เซ็นทรัล ลาดพร้าวก่อนหน้าที่จะมีข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่ง การรถไฟเคยได้รับค่าเช่าที่แปลงนี้ถึง 3,000,000 บาท/ปี คนระดับผมพูดถึงเงินล้านก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วล่ะ แต่มันยังไม่มากพอ เพราะราคาประเมินค่าเช่าต่อปีจริงๆบริเวณนั้นตก 6,000 ล้านบาท / ปี นี่ก็พึ่งหมดสัญญาปี 51 ฯลฯ แล้วยังมีอีกหลายโครงการที่เข้าข่ายลักษณะนี้
“โง่ จน เจ็บ” มั้ยครับ แล้วเป็นไงครับในที่สุดสิ่งที่ทุกคนกลัวกันนักหนาก็กลับมาอีกครั้งในยุครัฐบาลทรราชฟันน้ำนม หลังจากที่พนักงานรถไฟหลายท่านชื่นชมยินดีกับชัยชนะที่ได้ไปร่วมกับพันธมิตรขับไล่รัฐบาลทักษิณ ตามด้วยรัฐบาลสมัครและรัฐบาลสมชาย ด้วยการโปรยยาหอมป้อนคำหวานในยามรักแรกพบว่าเราจะไม่ทิ้งกัน แต่หลังจากไม่นานในวันที่ 3 มิ.ย. 52 ที่ ครม. เห็นชอบแผนการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรการรถไฟฯ ตาม
ข้อเสนอกระทรวงคมนาคม ทำให้พี่น้องรถไฟหลายท่านถึงกับใบ้รับประทาน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมเองก็หัวเราะด้วยความสะใจ (นึกในใจเห็นมั้ยล่ะเป็นไงพวกมรึงเสือกไปไล่ทักษิณ)พร้อมกับต้องเอาผ้าซับน้ำตาเหตุก็เพราะว่าผมเองไม่ไว้ใจและยอมรับที่มาของรัฐบาลทรราชชุดนี้ตั้งแต่ต้นถ้าเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลที่มาจากความต้องการส่วนใหญ่ของประชาชนผมคงไม่รู้สึกกระอักกระอวลขนาดนี้ ตอนนี้บอกตามตรงผมสับสน
เพราะรัฐบาลมันถังแตกแล้วอ่าทำไงได้ ตอนนี้อะไรที่พอจะทำให้มันลดภาระหนี้สินได้มีรึมันจะเก็บไว้ แต่แล้วอาการ “โง่ จน และเจ็บ” กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อได้!!! ข่าววงใน!!! มาว่า มีใบปลิวปลุกระดมจากสหภาพมาอีกแล้วโดยมีข้อความตอนหนึ่งที่กระตุ้นสัญชาติญาณของการป้องกันตัวของพนักงานรถไฟทุกระดับชั้นว่าจะมีการลด เงินเดือนลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยได้รับเมื่อเปลี่ยนไปเป็นเอกชน โดยมี !!!ข่าววงใน!!!ตามมาอีกว่า เป็นแผนของคนหัวล้านเคราแพะ ที่ชื่อ ส. เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ต้องการแสดงอำนาจต่อรองกับรัฐบาล เพื่อขอแบ่งเค้ก หรือผลประโยชน์ที่สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย ไม่งั้นรัฐบาลอาจจะโดนตีขนาบทั้งเสื้อแดง และ เหลืองการเมืองใหม่ + พนักงานการรถไฟที่พยายามรักษา
ถ้าท่านผู้อ่านนึกภาพไม่ออกพวกพนักงานรถไฟบางส่วนกลัวการแปลงรูปมากขนาดไหน ผมอยากให้ท่านนึกถึง พนักงานรถไฟบางส่วนมีความรู้สึกเหมือน พวกสาวกพันธมิตรหรือคนไทยบางส่วน เวลานี้ที่รู้สึกหวาดกลัวการปกครองแบบประชาธิปไตยเต็มใบ เพราะถูกหลอกว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา หรือระบอบทักษิณ จนต้องลุกขึ้นมาทำลายอำนาจของตนเอง แล้วพยายามเรียกร้องหาการเมืองใหม่ 70/30 ที่ถูกอำมาตย์หน้าเทวดา
หลอกว่าประชาธิปไตยหรืออะไรที่ดีกว่า และมีนักวิชาการอำมาตย์บางคนออกมาเสริมอีกว่าประชาธิปไตยไม่เหมาะกับประเทศไทย ฮา ฮา ฮา แต่ดีนะที่พี่น้องเสื้อแดงได้เรียนรู้และเข้าใจว่าการที่เราจะได้มาซึ่งเสรีภาพ และความเป็นธรรมคืนกลับสู่สังคมได้นั้น อำนาจอธิปไตยต้องเป็นของปวงชน และปวงชนเป็นผู้ใช้อำนาจเท่านั้นจึงจะรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของประชาชนโดยแท้จริง