ที่มา ไทยรัฐ
สุเทพ เทือกสุบรรณ
“สุเทพ เทือกสุบรรณ”เช้าชี้แจงอนุฯสอบเหตุชุมนุมที่บริเวณกระทรวงมหาดไทย ปัดข้อหาใช้นายกฯเป็นตัวล่อเป้าเสื้อแดง ยันเลือกมหาดไทยแถลงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะมีความพร้อม...
วานนี้ (17 มิ.ย.)ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ชุมนุมที่บริเวณกระทรวงมหาดไทย มีนางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ เป็นประธาน ได้เชิญรัฐมนตรีที่อยู่ในเหตุการณ์การประกาศพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกอบด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และนายชวรัตน์ ชาญวีระกูล รมว. มหาดไทย เข้าชี้แจง โดยนายสุเทพได้เล่าเหตุการณ์ในวันที่ 12 เม.ย. ที่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า ไม่คาดคิดว่าจะเกิดความรุนแรงทั้งทุบรถและทำร้ายร่างกาย ที่ตัดสินใจเลือกกระทรวงมหาดไทย เพราะมีความพร้อมในอุปกรณ์และเอกสารที่เตรียมแถลง เรื่องการรักษาความปลอดภัยก็ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าทหารไม่เข้ามาช่วยขณะที่ถูกทุบรถนั้น คิดว่าเสื้อแดงเต็มไปหมดเป็นพันๆคน ใครก็คงเอาไม่อยู่ ทั้งนี้ยอมรับว่า เห็นทหารที่เป็นทีมรปภ.ยิงปืนพกสั้นขึ้นฟ้าทำให้กลุ่มเสื้อแดงชะงัก จึงเป็นโอกาสให้รถที่ตนนั่งอยู่ขยับออกมาได้ และได้พุ่งชนประตูออกไป โดยเป็นการตัดสินใจของคนขับรถ ไม่ได้มีการปรึกษาหารือตนและนายกฯแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุกรรมการได้สนใจซักถามถึงกรณีที่มีผู้ระบุว่า มีการโยนสิ่งของเข้าไปในรถเบนซ์สีดำประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ทางกลุ่มนปช. ตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าจะมีนายกฯและรองนายกฯนั่งอยู่ในนั้น ซึ่งนายสุเทพ ยืนยันว่า นั่งอยู่ในรถตลอด เมื่อขึ้นรถแล้วก็ไม่ได้เปิดประตูหรือกระจกรับของจากเจ้าหน้าที่รปภ.แต่ อย่างใด ซึ่งคำให้การของนายสุเทพ ดังกล่าวได้ขัดแย้งกับคำชี้แจงของรปภ.ของนาย สุเทพเอง ที่ก่อนหน้านี้เคยเข้าชี้แจงโดยระบุว่าได้ยื่นซองพลาสติกให้กับนายสุเทพ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ อีกทั้งมีหลักฐานเป็นเทปบันทึกภาพข่าวในสื่อยืนยัน
ทั้งนี้นายขจิต ชัยนิคม ส.ส.มหาสารคาม อนุกรรมการฯจากพรรคเพื่อไทย ได้ตั้งข้อสังเกตว่าจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการจับกุมผู้ที่ทุบรถ ทั้งที่มีภาพถ่ายเห็นหน้าชัดเจน แต่กลับไปประกาศจับคนที่ไม่อยู่ในกระทรวงฯ และเหตใดจึงไม่มีตำรวจมาคอยรักษาความปลอดภัย มีเพียงทีม ศรภ. ที่เป็นรปภ.นายกฯและรัฐมนตรี และทหาร 1 กองร้อย และทำไมไม่ใช้พื้นที่ของกองทัพ แทนที่จะเป็นกระทรวงมหาดไทยที่เป็นพื้นที่ล่อแหลม จนทางกลุ่มนปช.ระบุว่าเป็นการลวงเพื่อล่อเป้า แต่นายสุเทพได้ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาล่อเป้าอะไรทั้งนั้น
จากนั้นพล.อ.ประวิตร ชี้แจงว่า ก่อนการประกาศ พ.ร.ก.ฯ ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย แต่ได้รับการประสานจากนายสุเทพให้มาร่วมแถลงที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งยอมรับว่าการใช้พื้นที่กระทรวงมหาดไทยถือว่าล่อแหลมแต่ได้ถามนายสุเทพ ว่า คิดดีแล้วหรือ แต่ไม่ได้คัดค้านเพราะเป็นแค่รัฐมนตรีกลาโหม ท่านมีอำนาจเต็มและมากับนายกฯ ตนสั่งท่านไม่ได้ แต่ได้ประสานไปยังแม่ทัพภาคที่ 1 ให้ส่งทหารมาดูแลพื้นที่ด้วย ทั้งนี้เห็นเหตุการณ์ทุบรถนายกฯ ยังได้สั่งให้ลูกน้องไปช่วยนายกฯ และทราบว่าได้มีการยิงปืนขึ้นฟ้า ซึ่งก็ทำให้รถนายกฯขยับออกไปได้ ซึ่งวันนั้นถ้ารถนายกฯไม่ได้หุ้มเกราะคงเสร็จไปแล้ว อย่างไรก็ตามเชื่อว่านายสุเทพไม่ได้คิดวางแผนป้องกันความปลอดภัยเหตุการณ์ วันดังกล่าวว่าอุบัติเหตุ เหมือนกับเหตุการณ์ที่พัทยา เพราะคิดว่าอย่างไรก็เป็นคนไทยด้วยกันแต่ต่อไปถือเป็นบทเรียน
จาก นั้นชวรัตน์ ได้ชี้แจงว่า ได้รับการประสานมาว่าจะมาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่กระทรวงมหาดไทย แต่ตนไม่เคยเข้าประชุมในเรื่องนี้ ส่วนการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ไม่ได้มีการซักซ้อมว่าจะหนีออกจากกระทรวงมหาดไทยอย่าง แต่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ อส.จำนวน 70 คนที่คอยดูแลรักษาความสงบอยู่ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่เลือกพื้นที่ ทหารนั้น คิดว่าเป็นนิสัยของมนุษย์ หากเลือกไปที่ของทหารก็ต้องถูกถามอีกว่าทำไมไปพื้นที่ทหารอีก.