ที่มา ประชาไท
ที่มา: www.cbnpress.com
17 ต.ค.52 บริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาล มีการจัดเวทีของกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อทวงถามความคืบหน้าการถวายฎีกาที่ได้ยื่นไปแล้ว โดยมีผู้ร่วมชุมนุมทยอยเดินทางมาตั้งแต่บ่ายจนแน่นขนัดบริเวณดังกล่าว ส่วนด้านหลังเวทีปราศรัยเขียนว่า “ทวงฎีกา ถามหาประชาธิปไตย”
จรัล ดิษฐาอภิชัย หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า นอกจากประเด็นการทวงถามถึงฎีกาที่ยื่นไปแล้วนั้น ในวันนี้ทางกลุ่มคนเสื้อแดงยังได้ยื่นหนังสือต่อเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกอาเซียน 8 ประเทศ ยกเว้นประเทศกัมพูชาซึ่งต้องขอประเมินสถานการณ์อีกครั้งเพราะเพิ่งมีความตึงเครียดระหว่างกัน การยื่นหนังสือครั้งนี้เพื่อแสดงการต้อนรับผู้นำของประเทศต่างๆ และชี้แจงเหตุการณ์ที่พัทยาเมื่อครั้งประชุมอาเซียนครั้งที่แล้วด้วยว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้ตั้งใจจะล้มการประชุม หากแต่ถูกก่อกวน ยั่วยุด้วยความรุนแรงจากฝ่ายรัฐบาล พร้อมทั้งยืนยันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องประชาธิปไตยโดยสันติวิธี นอกจากนี้ในจดหมายยังระบุถึงความไม่ชอบธรรมในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนไทย
จรัลกล่าวด้วยว่า จะมีการหารือเพื่อขอเข้าพบผู้นำประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการเช่นเดียวกับที่กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนจะได้เข้าพบในวันที่ 23 ต.ค.นี้ เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนถึงสถานการณ์ประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพร่วมกัน เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงถือว่าเป็นขบวนการประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียก็ว่าได้
“บรรดาเอ็นจีโอ นักสิทธิมนุษยชนจะมีการฉลองผู้ได้รับการสรรหาเป็นกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนอาเซียน ผมอยากถามแค่ว่าคุณทำได้ยังไงที่นั่งฉลองกันบนกฎหมายความมั่นคงที่ประกาศใช้นี้ แล้วก็ไม่มีใครพูดถึงมันเลย” จรัลกล่าว
ด้านเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงคนหนึ่งว่า ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ แกนนำจะมีการหารือประเมินสถานการณ์กันเป็นครั้งสุดท้าย และกำหนดรูปแบบการเคลื่อนไหวในเวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่หัวหิน โดยอาจจะไปรวมตัวกันที่นั่นแต่จะไม่บุกที่ประชุม เพียงต้องการยื่นหนังสือรวมทั้งหลักฐานการใช้ความรุนแรงกับประชาชนของรัฐบาลไทย และคลิปเสียงนายกฯที่สั่งฆ่าประชาชนให้ผู้นำประเทศต่างๆเพื่อให้โลกได้รับรู้ จากนั้นจะเปิดปราศรัยเรียกร้องให้รัฐบาลทำประชามติถามประชาชนว่าจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับ 40 หรือ 50 แล้วจะเดินทางกลับไม่มีการชุมนุมยืดเยื้อเว้นแต่รัฐบาลจะใช้ความรุนแรงก่อนเหมือนเหตุการณ์ที่พัทยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลาประมาณ 21.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินเข้าเวทีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยระบุถึงสาเหตุที่โฟนอินล่าช้า เพราะกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางโดยเครื่องบิน ทำให้เกิดความขัดข้องในการสื่อสารเล็กน้อย
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขอบคุณที่คนเสื้อแดงมาร่วมกันชุมนุมเพื่อแสดงพลังทวงถามรัฐบาลถึงความคืบหน้า การยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับตนเอง อย่างไรก็ดี พ.ต.ท.ทักษิณ ร้องขออย่าได้ไปตั้งความหวังกับเรื่องดังกล่าวมากจนเกินไป เพราะตนเองไม่ให้ความเชื่อถือรัฐบาลชุดปัจจุบันว่าจะยินยอมทำอะไรที่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ และยังได้กล่าวโจมตีสื่อมวลชนว่าไม่มีความเป็นกลางไม่ยินยอมนำเสนอข่าวเรื่องความเลวร้ายของรัฐบาล โดยได้ยกตัวอย่างเรื่องการที่ อดีตข้าราชการ ซี 11 ลาออก จาก ตำแหน่งเลขาธิการอาชีวศึกษา เพราะทนไม่ได้กับการที่ถูกนักการเมืองบีบบังคับให้กระทำการทุจริต
พร้อมทั้งได้ย้ำถึงประเด็นระบบสองมาตรฐานที่มุ่งจัดการตนเองเพียงคนเดียว โดยไม่สนใจว่าได้ทำให้ระบบโดยรวมของประเทศเสียหาย ซ้ำยังมาบอกให้ตนเองหยุดการเคลื่อนไหว ทั้ง ๆ ที่ ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับตนเองเพราะฉะนั้น จึงอยากจะย้อนถามว่า เมื่อไหร่จึงจะยอมคืนความยุติธรรมให้ตนเอง และ คืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน โดยตนเอง ขอเรียกร้องให้คนเสื้อแดงต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมจนถึงที่สุด และตนองก็จะไม่ขอยอมแพ้ต่อความไม่ยุติธรรม และระบอบเผด็จการต่อไป รวมทั้งจะร่วมกับคนเสื้อแดงต่อสู้เพื่อเรียกร้องให้รัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้อีกครั้งให้จงได้
ในตอนท้าย พ.ต.ท.ทักษิณได้ถวายพระพรและขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหายจากอาการพระประชวรและร่วมกันร้องเพลงถวายพระพรกับผู้ชุมนุม