ที่มา Thai E-News
โดย จั่นเจา เอ็มไทย
4 ตุลาคม 2552
อันที่จริงแล้วแนวพระราชดำริแบบเศรษฐกิจพอเพียงที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯได้ทรงพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยนั้น มันเป็นแนวคิดที่ง่าย ๆ ตรงไปตรงมา
ที่แปลความหมายได้ว่าอย่าทำอะไรเกินตัว จงรู้จักประเมินและประมาณตัวเอง เช่นมีเงินร้อยบาทก็อย่าใช้ให้หมดร้อย หรืออย่างมากที่สุดก็อย่าให้เกินร้อยบาทที่ตัวเองมีแล้วต้องไปเป็นหนี้เป็นสินคนอื่นเขา เท่านั้นเอง
ง่าย ๆ เท่านี้จริง ๆ ง่ายทั้งการทำความเข้าใจและง่ายทั้งการปฏิบัติ ใครที่ปฏิบัติตามได้รับรองชีวิตไม่ขัดสนและอับจนอย่างแน่นอน
ไม่เห็นจำเป็นต้องพากันไปตีความให้ยุ่งยากวุ่นวาย ที่ยกเอาแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงกันมาอ้างทุกวันนี้ ก็เพียงเพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันตัวเองและใช้ในการทำลายล้างคนอื่นก็เท่านั้นเอง ( อันนี้หมายเหตุไปเลยว่าฝ่ายอ้างก็คือคมช. รัฐบาล และแนวร่วมล่มชาติทั้งหลาย ส่วนฝ่ายที่ถูกทำลายล้างก็คือทักษิณ ชินวัตร )
อันที่จริงแล้ว ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปที่มีสำนึกไม่ใช่พวกฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมจนเกินพอดีนั้น ต่างก็ไม่มีใครอยากจะใช้จ่ายเกินตัว หรืออยากมีหนี้มีสินให้ต้องปวดหัวกัน ทุกคนอยากจะมีชีวิตพอเพียงกันทั้งนั้น
แต่ปัญหาก็คืออยู่ว่าจะพอเพียงกันได้ยังไง ในเมื่อทุกวันมันยังไม่พอกินเอาซะเลย ลูกเมียยังต้องหน้าหมองอดอยากปากแห้งเพราะรายได้ในครอบครัวมันชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็เป็นประชาชนคนชั้นรากหญ้าที่ไม่เคยลืมตาอ้าปากได้ในยุคใดสมัยไหน
(นอกจากในยุคนายกฯติดดินอย่างนายกทักษิณเท่านั้น แต่ก็ถูกอ้ายพวกกบฏแผ่นดินมันทำลายความฝันสิ้นลงไปแล้ว )
ว่าก็ว่าเถอะ ไอ้พวกที่ยกเอาคำว่าพอเพียงมาหากินอยู่ทุกวัน วันละสามเวลาหลังอาหารและก่อนนอนนั้น ก็ไม่เห็นจะมีหน้าไหนที่จะเคยสัมผัสกับว่า" ไม่พอกิน " กันเลยสักราย แต่ละคนถ้าไม่เป็นนายกรัฐมนตรี ( โจร ) ที่เป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ เป็นลูกคุณหนูที่จับไม้กวาดไม่เป็นสะกดคำว่า"อด"ไม่ถูกอย่างไอ้มาร์ค ก็เป็นข้าราชการตุลาการชั้นผู้ใหญ่ที่เพียบพร้อมไปด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ และทรัพย์สินเงินทอง ( แต่หลังบ้านไหงยังอยากจะไปโกงคนอื่นอยู่อีก ) อย่างนายจรัญ รัญไร ที่เป็นแม่งมันเกือบจะทุกตำแหน่งในประเทศนี้อยู่แล้ว และแต่ละตำแหน่งก็กินเงินเดือนเป็นแสนเป็นล้าน
เออ..พวกเอ็งก็พร่ำพล่ามได้สิวะว่าพอเพียง ๆ ก็แต่ละตัวมีเงินทองเป็นถุงเป็นถังเป็นสิบ ๆ ล้านกันทั้งนั้น แล้วชาวบ้านอย่างพวกกูที่จะกินให้ครบสามมื้อยังลำบากยากเย็น แม้อยากจะพอเพียงแค่ไหนมันก็ทำไม่ได้ตราบใดที่มันยังไม่พอกินอยู่อย่างนี้
ในฐานะที่พวกเอ็งเป็นผู้บริหารประเทศช่วยลงมาดูแลชาวบ้านให้เขาลืมตาอ้าปากกันได้เสียก่อนดีไหม พวกเขามีพอกินเมื่อไหร่เขาก็พอเพียงได้เมื่อนั้นแหละ อย่ามามัวแต่พร่ำเพ้อละเมอพกให้เหม็นขี้ปากอยู่อย่างนี้เลย อุดมคตินั้นมันไม่ทำให้ท้องหายหิวได้หรอกวะ
อันที่จริงแล้วรัฐบาลที่อ้างว่าพอเพียงอย่างพวกเอ็งนั้นมันก็ไม่เห็นจะพอเพียงอะไรอย่างปากว่าหรอก ก็ดูงบประมาณทางทหารที่เพิ่มขึ้นมหาศาลบานตะไททั้ง ๆ ที่ประเทศไม่ได้อยู่ในภาวะสงครามแต่ประการใด ชาวบ้านจะพากันอดตายเสือกไม่สน
เห็นมีอย่างเดียวเท่านั้นแหละที่พวกเอ็งพอเพียงกัน คือการใช้สมองและสติปัญญาในการบริหารประเทศกันอย่างประหยัดเหลือกัน
เช่นการไปยุบไอทีวีที่มีรายได้นับเข้ารัฐนับพันล้านต่อปีทิ้ง เพื่อจะเอาไปทำทีวีสาธารณะตะบักตะบวยอะไรนั่น ( ที่เป็นจริงได้แต่ในความฝัน ) โดยรัฐบาลต้องเอาเงินเกือบสองพันล้านไปจ่ายเพื่อการบริหารสถานีแทน ( เวร ! โง่แล้วเสือกอวดฉลาด )
หรือการที่จะทำระบบรางรถไฟฟ้าที่สุดแสนจะก้าวหน้าเพียงเพื่อจะเอารถไฟดีเซลรางมาวิ่ง ( !!! )
เออหนอ..จำกัดจำเขี่ยและพอเพียงจริง ๆ เลยมันสมองของพวกมึง !
หมายเหตุ**บทความชิ้นนี้ได้รับการปรับปรุง แก้ไข ให้เข้ากับยุคสมัยจากต้นฉบับที่ผมเขียนไว้ในยุคคมช.เรืองอำนาจ และความจริงต่าง ๆ หลังม่านยังไม่เปิดเผยออกมาแจ่มแจ้งแดงแจ๋ขนาดนี้ เพราะฉะนั้นข้อเขียนบางคำจึงอาจจะยังมีลักษณะเชิดชูบูชาสำหรับบางสิ่งบางอย่างเหมือนกับคนไทยที่ถูกปลูกฝังและล้างสมองมานาน
แต่ปัจจุบันหัวใจมันได้ตายด้านจากบางสิ่งบางอย่างที่ว่านั้นจนไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว !