ที่มา บางกอกทูเดย์
“นักการเมือง” ใครก็ได้มีส่วนเป็นเจ้าของพรรคการเมืองที่ตัวเองสังกัด เมื่อพรรคเป็นของส่วนรวมและทำงานเพื่อส่วนรวมแต่เมื่อ “นักการเมือง” คนนั้นเติบโตจากสมาชิกพรรคธรรมดาขึ้นเป็นผู้บริหารพรรค ต้องคิดกว้างกว่าแค่เป็นส่วนร่วมและเจ้าของพรรคคนหนึ่งครั้นพอ “นักการเมือง” คนนั้นเติบใหญ่มากขึ้นจนได้รับการอุ้มชูจากคนในพรรคให้ขึ้นเป็น “หัวหน้าพรรค”ก็ไม่ได้หมายความว่า...คุณเป็นเจ้าของพรรคคนเดียวอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากนักการเมืองตัวเล็กๆ ใน
พรรคประชาธิปัตย์ได้ใช้เวลาบ่มเพาะ ประสบการณ์ การเรียนรู้ระบบพรรคในระบอบประชาธิปไตย ช่วงหนึ่งไม่นาน ก็ได้กลายเป็น บุคคลากรที่มีคุณค่าของพรรคควรได้รับการเชิดชูให้ขึ้นมาบริหารจัดการพรรคการได้เห็น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้หมายความว่า...อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรียนจบปริญญาตรีทางการเมืองไทยสมบูรณ์แบบแล้วแต่นั่นคือ การยอมรับ นั่นคือการรับรองว่าเป็นผู้ใหญ่พอที่จะมีสามัญสำนึกทางการเมืองออกไปต่อสู้และแข่งกับคู่แข่งคนอื่นใน
พรรคการเมืองอื่นนั่นไม่ได้หมายความว่า...คุณบรรลุนิติภาวะทางการเมืองของไทยอย่างสมบูรณ์แบบแล้วแม้หัวหน้าพรรคก่อนหน้านั้น อย่าง ชวน หลีกภัยหลายคนยอมรับว่า บรรลุนิติภาวะทางการเมืองแล้ว ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องศึกษาต่อไปไม่รู้จักจบอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ ชวน หลีกภัย เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนกัน แต่การได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยนั้นต่างกันชวน หลีกภัย ไม่เคยได้ตำแหน่งใหญ่ทางการเมืองจากการอุ้มชูอุปถัมภ์ของเผด็จ
การเลยแม้แต่ครั้งเดียวเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาสองหนแล้วแต่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาอย่างไร ได้ฐานะของผู้นำรัฐบาลได้อย่างไร คนทั่วไปก็รู้ คนในพรรคก็รู้ ตัวท่านเองก็รู้วันนี้ท่านต้องแยกให้ออกว่า...การที่ท่านเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จนได้กลายมาเป็นหัวหน้ารัฐบาลและได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีประเทศไทยไม่ใช่ของท่านคนเดียวที่จะทำอะไรก็ได้วันนี้กำลังจะมีคนทวงคืนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจากท่านและนี่คือ ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ครับ