WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, November 14, 2009

ลัทธิคลั่งชาติของอำมาตย์ไทย

ที่มา Thai E-News



โดย จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา คอลัมน์ ผมเป็นข้าราษฎร จากนสพ.ไทยเรดนิวส์ ฉบับที่ 24

คำที่ขึ้นมาแทนที่ในตอนนั้นคือ ลัทธิคลั่งชาติ หรือ patriotism ในขณะที่ลัทธิชาตินิยมคือรักชาติของตนอย่างสงบ เคารพในกฎหมายของตนและของสากล ลัทธิคลั่งชาติกลับเป็นความรักชาติอย่างพลุ่งพล่าน กระหายเลือด ก้าวร้าว ดิบ และมักจะจบลงด้วยความรุนแรงในรูปใดรูปหนึ่งโดยเฉพาะสงคราม พูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า ชาตินิยม คือ นักเลง แต่ คลั่งชาติ คือ อันธพาล


พี่น้องชาวไทยผู้รักชาติบ้านเมืองครับ

ขอท่านได้โปรดทราบว่า ความรักชาติ กับ ความคลั่งชาติ เป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง ก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไปสำหรับฝ่ายประชาธิปไตย หากเราไม่ระวังจะเผลอตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายอำมาตย์ที่ใช้เรื่องนี้สร้างความชอบธรรมให้กับตนเองมาช้านานได้

กรณีความขัดแย้งล่าสุดกับกัมพูชา ซึ่งเริ่มจากเสียงคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้เป็นมรดกโลก มาสู่การเคลื่อนกำลังทหารประชิดชายแดนสองข้าง การปฏิบัติการวางกับระเบิดไว้ใกล้ชายแดนของนายพลตรีนายหนึ่งโดยหวังให้เป็นชนวนก่อเหตุ การฆ่าฟันชาวบ้านของแต่ละฝ่ายแบบตีวัวกระทบคราด การให้สัมภาษณ์ตอบโต้กันอย่างรุนแรง การฉีกหน้ารัฐบาลไทยในการประชุมอาเซียนที่หัวหิน การประกาศรับรองสถานภาพทางการเมืองของ ดร.ทักษิณ ชินวัตรและคำปฏิเสธเด็ดขาดที่จะไม่ส่งตัวกลับเมืองไทยเพื่อดำเนินคดี

จนกระทั่งถึงการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีไทยผู้ถูกรัฐประหารให้เป็นที่ปรึกษาแห่งราชอาณาจักรและเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ตามมาด้วยการเรียกเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายกลับประเทศอย่างคนโกรธกัน

ล้วนเป็นเรื่องที่ชวนให้เกิดอารมณ์อ่อนไหวในระดับประชาชนทั้งสิ้น

อันตรายอยู่ตรงนี้เอง ก็ขนาดมวลชนเสื้อแดงที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรในบ้านเมืองนี้ และรู้ถึงขนาดว่าใครหลอกใช้ประชาชนชาวไทยมาตลอด ก็ยังรู้สึกเลือดเดือดไปกับเขาด้วย เพราะพื้นฐานคนไทยไม่ว่าจะสีใดล้วนมีความรักชาติบ้านเมืองยิ่งนัก

ถือเป็นคุณธรรมอย่างไทยโดยแท้

ปัญหาคือฝ่ายอำมาตย์เขาก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีเช่นกัน และเขากำลังเข้ากอบโกยประโยชน์จากอารมณ์สาธารณะในเรื่องนี้มากกว่าที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะทันคิดถึง

นั่นคือการเร้ากระแสเลือดรักชาติของคนไทยให้ต่อต้านกัมพูชาโดยไม่ให้เวลาหยุดคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจากอะไรกันแน่

ฝ่ายประชาธิปไตยของเราบางส่วน ก็พร้อมใจจะถูกเร้าและอยากร่วมประณามกัมพูชาไปกับฝ่ายสีเหลืองเขาเหมือนกัน เพราะคุณธรรมประจำใจอย่างที่ว่ามานี้ ต้องไม่ลืมว่าเหตุมวลชนคนเสื้อแดงออกมาเหน็ดเหนื่อยต่อสู้ทางการเมืองมาจนบัดนี้ ก็เพราะจิตใจดี อยากเห็นบ้านเมืองก้าวหน้าและยุติธรรม

ฝ่ายอำมาตย์เขาก็เอานิสัยและจิตใจที่ดีนี่แหละ มายั่วเย้าให้คนเสื้อแดงสับสนกันในขณะนี้

ผมจะไม่ลงรายละเอียดตรงนี้ล่ะครับว่าใครถูกใครผิดระหว่างไทยกับกัมพูชา มาใช้เวลาอันมีค่าของฝ่ายประชาธิปไตยพูดถึงเล่ห์กระเท่ของฝ่ายอำมาตย์โดยตรงดีกว่า

เรื่องนี้วิชารัฐศาสตร์สอนต่อๆ กันมานาน เพราะโลกเรียนรู้จากประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดของตัวเองว่า ความเป็นชาติที่ทำให้เกิดลัทธิชาตินิยม และบางครั้งก็ล้นไปเป็นลัทธิคลั่งชาติ คือสาเหตุอันดับหนึ่งของสงครามระหว่างชาติ รวมทั้งสงครามโลกครั้งที่ ๑ และสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่ทำให้พลโลกล้มตายมากที่สุดด้วย

ชาตินิยม หรือ nationalism คือลัทธิที่มาพร้อมกับความเป็นชาติ ความเป็นชาติเกิดขึ้นเพราะมีสิ่งที่เรียกว่า รัฐสมัยใหม่ (modern states) เกิดขึ้นในโลก เป็นยุคต่อจากสมัยที่โลกรู้จักแต่รัฐโบราณ เช่น ไอยคุปต์ โรมัน กรีก ขอม เป็นต้น และนิยมใช้คำว่า จักรวรรดิ แทนคำว่า รัฐ ด้วยซ้ำ

ความรู้สึกที่มาพร้อมกับความเป็นรัฐคือการมองไปรอบตัวแล้วรู้สึกผูกพันกับคนในชาติเพราะมีวัฒนธรรมเดียวกันหรือคล้ายกัน จนในที่สุดก็กลายเป็นพวกเป็นพ้อง รักใคร่ใกล้ชิดอย่างที่พูดว่าสายเลือดเดียวกัน เมื่อรัฐของตนประสบภัยคุกคามจากรัฐภายนอก ก็จะรวมตัวกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและเข้าปกป้องสิ่งที่เรียกกันในภายหลังว่า เอกราช และ อำนาจอธิปไตย ของรัฐตน


ผู้นำก็ได้ประโยชน์ทางการเมืองจากลัทธินี้ เพราะเร้ากระแสขึ้นเมื่อใด ความนิยมจากประชาชนก็มักเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว จนผู้นำหลายคนใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจและรักษาอำนาจของตน

ตัวอย่างที่ชัดเจนของโลกคือเผด็จการนาซีภายใต้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่ใช้ความนิยมชาติเยอรมันตลอดจนเชื้อชาติอารยันจนก้าวขึ้นสู่อำนาจสูงสุดถึงขนาดประกาศสงครามกับโลกได้

เมื่อชาตินิยมกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองของผู้นำ ความรู้สึกดีๆ มักแปรเปลี่ยนไปเป็นความก้าวร้าวรุนแรงชนิดที่อยากจะฆ่าฟันและทำลายล้างทุกประเทศหรือทุกคนที่ถือว่าเป็น “ศัตรู”

คำที่ขึ้นมาแทนที่ในตอนนั้นคือ ลัทธิคลั่งชาติ หรือ patriotism

ในขณะที่ลัทธิชาตินิยมคือรักชาติของตนอย่างสงบ เคารพในกฎหมายของตนและของสากล

ลัทธิคลั่งชาติกลับเป็นความรักชาติอย่างพลุ่งพล่าน กระหายเลือด ก้าวร้าว ดิบ และมักจะจบลงด้วยความรุนแรงในรูปใดรูปหนึ่งโดยเฉพาะสงคราม

พูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า ชาตินิยม คือ นักเลง แต่ คลั่งชาติ คือ อันธพาล

แตกต่างกันขนาดฟ้ากับเหวครับ

ระบอบอำมาตยาธิปไตยไทยใช้เวลาหลายร้อยปีในการปลูกฝังความคิดเกลียดชังเพื่อนบ้านไว้ในระบบความคิดของเรา พม่าก็ศัตรู ลาวก็ต่ำกว่าน่าดูหมิ่น มาเลเซียก็คอยแข่งขันตีเสมอ และเขมรก็เป็นชาติที่ไว้ใจไม่ได้ จนในที่สุดในทัศนะของอำมาตย์ไทยแล้ว เพื่อนบ้านทั้งสี่ทิศของไทยไม่มีอะไรดีเลย

ประธานอาเซียนที่มีทัศนคติอย่างนี้จะทำหน้าที่ผู้นำของภูมิภาคได้อย่างไรกัน? โชคดีของไทยที่ต่างชาติเขาเริ่มแยกแยะได้ เขารู้แล้วครับว่าปัญหาทั้งหลายไม่ได้เกิดจากคนไทยก่อขึ้น แต่เป็นผู้มีอำนาจเดิมของไทยที่กระหายอำนาจและความเป็นใหญ่คอยจุดชนวนอยู่ เขาจึงถือว่าคนไทยคือมิตร และประเทศไทยกับบ้านเขายังจะร่วมมือพัฒนาประเทศกันในทุกด้านต่อไป

ส่วนศัตรูไม่กี่คนในชนชั้นปกครองของไทยนั้น ก็ว่ากันไปในอีกสารบบหนึ่ง

เพื่อนบ้านชนิดรั้วเดียวกันมีปัญหาได้ทั้งนั้นครับ ไม่เฉพาะในอุษาคเนย์ สหรัฐอเมริกามีปัญหากับเม็กซิโก รัสเซียมีปัญหากับจีน จีนมีปัญหากับอินเดีย เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยของปัญหาสากล แต่จะใช้วิธีการใดแก้ปัญหาต่างหากที่นับเป็นหัวใจของเรื่อง ทุกชาติที่เอ่ยนามมานี้ก็รักชาติ แต่เขาไม่จำเป็นต้องคลั่งชาติเพื่อระงับปัญหาที่ใครๆ เขาก็มีกันได้

ประธานาธิบดีเซเลย่าแห่งฮอนดูรัสผู้ถูกรัฐประหาร บัดนี้เข้ามาในประเทศของตนและขอลี้ภัยอยู่ในสถานเอกอัครราชทูตบราซิลกลางกรุงเตกูสิกัลปา นครหลวงของฮอนดูรัส ห่างจากเงื้อมมือของฝ่ายตรงข้ามเพียงไม่กี่เมตร แต่เข้ามาเอาตัวไม่ได้เพราะหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ก็ไม่ปรากฏว่าแต่ละฝ่ายต้องเร้ากระแสคลั่งชาติเพื่อบรรลุผลทางการเมืองแต่อย่างใด ต่างคนก็ต่างแสดงความรักชาติและต่างคนก็ต่างใช้วิธีการเรียกร้องที่สากลยอมรับ

ประเด็นปราสาทพระวิหารตลอดข้อพิพาทเรื่องดินแดนและอาณาเขตนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่ไทยจะยอมรับง่ายๆ มิได้ แต่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียนก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ไทยไม่ควรละทิ้ง โดยเฉพาะเป็นประธานเขาอยู่อย่างนี้ เราจึงควรรักษาสมดุลด้วยความรักชาติอย่างเหมาะสม ไม่เลยเถิดไปถึงขั้นคลั่งชาติที่ทำให้เรากลายเป็นเด็กในสายตาโลก

ปัญหามีก็แก้ไขไป โอกาสที่ดีก็คว้าไว้และพัฒนาให้ยิ่งขึ้นไป

ครับ คนที่กำลังทำลายชาติไทยในวันนี้คืออำมาตย์ ไม่ใช่ฝ่ายประชาชน.

------------------------------
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน)Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)