ที่มา ประชาไท
วานนี้ (11 พ.ย.52) เครือข่ายคนไทยเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงออกแถลงการณ์ ระบุข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลนำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้หยุดแทรกแซงกิจการภายในของรัฐบาลประเทศกัมพูชา และหยุดกล่าวอ้างว่าการแต่งตั้งอดีตนายกของไทยเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชากระทบความรู้สึกของคนไทย เพราะในความเป็นจริงเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจและเคารพอำนาจอธิปไตยของรัฐบาลกัมพูชา และไม่ต้องการมีความขัดแย้งใดๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้ง แทนที่จะตามล่าคนคนเดียว โดยการแทรกแซกอำนาจอธิปไตยของประเทศอื่น สิ่งที่ควรต้องทำคือ การดำเนินการทางกฏหมายกับกลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ ที่กระทำผิดกฏหมาย อย่างจริงจัง และใช้มาตรฐานเดียวกันในการปฏิบัติต่อประชาชนจากทุกภาคส่วนในสังคมไทย
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ หยุดการรณรงค์และโฆษณาชวนเกี่ยวกับลัทธิชาตินิยมผ่านสื่อต่างๆ เพราะยิ่งทำมากเท่าใด ยิ่งสร้างความแตกแยกระหว่างคนไทยในสังคมเพิ่มมากขึ้น และให้คืนอำนาจให้คนไทยโดยการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด
“พวกเราเครือข่ายคนไทยเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทย ไม่ยอมรับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์และการกระทำใดๆ ในรัฐบาลของเขา นอกจากนี้ การก้าวขึ้นสู่อำนาจด้วยอำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ใช้เสียงส่วนน้อยเหนือเสียงส่วนใหญ่ รัฐบาลนี้จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศอีกต่อไป” แถลงการณ์ระบุ
คำแถลงการณ์ของ “เครือข่ายคนไทยเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง”
หลังจาก 3 ปี ของการทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ใช้กลวิธีที่สกปรกและน่ารังเกียจในการก้าวขึ้นสู่อำนาจ ภายใต้การสนับสนุนของเครือข่ายอำมาตย์ กองทัพ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
กว่า 10 เดือนที่ทำหน้าที่ รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ไม่เพียงทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬารเท่านั้น แต่ยังบิดเบือนหลักการทางประชาธิปไตย ละเมิดสิทธิมนุษยชน ริดรอนเสรีภาพในการพูดและแสดงออกของประชาชน ตลอดจนทำลายระบอบกฎหมายของบ้านเมือง สถานีวิทยุชุมชนหลายแห่งทุกแทรกแซง เวบไซต์ทางการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาลนี้ หลายเวบไซต์ถูกปิด และผู้บริสุทธิ์ส่วนหนึ่งที่เป็นปรปักษ์กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ถูกกล่าวหาและขังคุกโดยไม่รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม ในทางตรงกันข้าม กลุ่มพันธมิตรฯ และผู้สนับสนุนเสื้อเหลือง “ทำอะไรก็ได้ ไม่ผิด” หลังจากเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลากว่า 3 เดือนในปี 2551 และยึดสนามบินนานาชาติของไทยเป็นเวลา 1 สัปดาห์ในปลายเดือนพฤศจิกายนของปีเดียวกัน แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ต้องรับผิดชอบต่อความผิดและความรุนแรงใดๆ ที่ได้กระทำขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนหนึ่งยังได้รับรางวัลเป็นการตอบแทนหรือได้รับตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ตัวอย่างเช่น นายกษิต ภิรมย์ หนึ่งในผู้สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สำคัญ และมีส่วนในการยึดสนามบินนานาชาติของไทย ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
ล่าสุด รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้เรียกทูตไทย ประจำประเทศกัมพูชากลับประเทศไทย หลังจากรัฐบาลกัมพูชาได้แต่งตั้ง ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ผู้ถูกทำรัฐประหารของเผด็จการทหารเมื่อปี 2549 ให้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา และเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา การกระทำแบบเด็กๆ และเกินกว่าเหตุของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่เพียงเพิ่มความเกลียดชังต่อรัฐบาลนี้ของคนไทยหลายล้านคนที่ยังคงสนับสนุนอดีตนายกอันเป็นที่รักของพวกเขา แต่ยังอาจนำไปสู่การสูญเสียผลประโยชน์ทางการค้าตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศขาดสะบั้นลง ยิ่งไปกว่านั้น อาจสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อความเป็นปึกแผ่นของประเทศในชุมชนอาเซียน ในขณะเดียวกัน ไม่มีประโยชน์ที่รัฐบาลนี้จะร้องขอให้รัฐบาลต่างประเทศกดดันประเทศกัมพูชาให้ส่งตัวอดีตนายกของไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน มาให้ประเทศไทย ถ้าอดีตนายกปรากฎตัวในประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ หลายประเทศไม่คิดว่า อดีตนายกของไทยควรถูกขับออกจากตำแหน่งด้วยการทำรัฐประหารโดยใช้กำลังทางทหาร ดังนั้น จึงไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะได้รับการสนุบสนุน (จากอานารยะประเทศ) ในการกระทำที่เกินกว่าเหตุนี้
พวกเรา “เครือข่ายคนไทยเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทย ไม่ยอมรับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์และการกระทำใดๆ ในรัฐบาลของเขา นอกจากนี้ การก้าวขึ้นสู่อำนาจด้วยอำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ใช้เสียงส่วนน้อยเหนือเสียงส่วนใหญ่ รัฐบาลนี้จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศอีกต่อไป พวกเราเรียกร้อง รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ให้
1. หยุดแทรกแซงกิจการภายในของรัฐบาลประเทศกัมพูชา และหยุดกล่าวอ้างว่า การแต่งตั้งอดีตนายกของไทยเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชา กระทบความรู้สึกของคนไทย เพราะในความเป็นจริง พวกเรามีความเชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจและเคารพอำนาจอธิปไตยของรัฐบาลกัมพูชา และเราไม่ต้องการมีความขัดแย้งใดๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน
2. แทนที่จะตามล่าคนคนเดียว โดยการแทรกแซกอำนาจอธิปไตยของประเทศอื่น สิ่งที่ควรและต้องทำคือ ดำเนินการทางกฏหมายกับกลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ ที่กระทำผิดกฏหมาย อย่างจริงจัง และใช้มาตรฐานเดียวกันในการปฏิบัติต่อประชาชนจากทุกภาคส่วนในสังคมไทย
3. ยุติการรณรงค์อย่างบ้าคลั่งและโฆษณาชวนเชื่อทั้งหมดเกี่ยวกับลัทธิชาตินิยมผ่านสื่อต่างๆ ยิ่งทำมากเท่าใด ยิ่งสร้างความแตกแยกระหว่างคนไทยในสังคมเพิ่มมากขึ้น จนไม่มีทางที่ความสมานฉ้นท์ภายในชาติจะเกิดขึ้นได้
4. Return power to the Thai people by dissolving parliament and holding new elections as soon as possible.