WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, November 12, 2009

ล่มซ้ำซาก! ส่อแววยุบสภา

ที่มา บางกอกทูเดย์

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีหมาดๆในขณะนั้น ได้มีความพยายามโชว์ฟอร์มความเป็นผู้นำ ว่าจะสามารถคุมเกมได้ จึงได้ประกาศยืนยันในวันที่ 23 มกราคม 52 เลยว่าจะไม่มีเหตุการณ์สภาล่มอีกโดยยอมรับว่าเป็นสิทธิของฝ่ายค้านในกรณีที่เสนอนับองค์ประชุมสภาจนทำให้สภาล่ม แต่คาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์สภาล่มเกิดขึ้นอีกเหตุการณ์ที่ประชุมร่วมรัฐสภาล่มเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่มีการเสนอประชุมลับ เพื่อพิจารณาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี และกรอบการเจรจาเรื่องเขตพื้นที่ทางทะเลที่ไทย-มาเลเซีย และเวียดนาม อ้างสิทธิทับซ้อนกัน ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ควบคู่ไปด้วยนั้น

ถือเป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่รัฐสภาในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องล่มลง หลังจากที่มีการล่มอย่างซ้ำซากมาตั้งแต่เริ่มเป็นรัฐบาลแล้ว
เกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นมาด้วยความต้องการของกลุ่มอำมาตยาธิปไตย และกลุ่มที่เกี่ยวพันกับทหาร คมช.ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ใช้การพลิกเกม จากเหตุการณ์ที่การประชุมสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2551 ล่มลง เพราะพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องบุคคลที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีนอกจากฉวยจังหวะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วยังมีกลไกพิเศษที่เข้ามาช่วย ที่ทำให้ก๊วนเพื่อนเนวิน และพรรคภูมิใจไทย พลิกขั้วทางการเมือง จนสุดท้ายพรรคประชาธิปัตย์สามารถที่จะมีเสียงมากพอที่จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและทำให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สมดังที่ใฝ่ฝัน

แต่เพราะจุดกำเนิดในการเป็นรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะเหตุการณ์สภาล่มหรือไม่??? ที่กลายเป็นอาถรรพ์ให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ประสบกับเหตุการณ์สภาล่มอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเพราะนับตั้งแต่ก้าวแรกของการเป็นรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2552 การประชุมสภาของรัฐบาลชุดนี้ก็ประเดิมการล่มลงแล้ว เมื่อถูกพรรคฝ่ายค้านขอให้นับองค์ประชุม แล้วปรากฏว่าเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลหายไป 9 เสียง ไม่ครบองค์ประชุม ทำให้สภาล่มลงเป็นครั้งแรกซ้ำยังเป็นการล่มเพราะนายอภิสิทธิ์ เองก็เป็นคนหนึ่งที่ออกจากการประชุมสภา คล้อยหลังไปประมาณ 5 นาทีเท่านั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในวันนั้นมีฐานะเป็นผู้จัดการตั้งรัฐบาลให้กับนายอภิสิทธิ์ได้เป็นผลสำเร็จ

อ้างว่าคงเป็นเพราะช่วงใกล้วันตรุษจีน หลายคนคงอยู่ต่างจังหวัด และเป็นช่วง 6 โมงเย็นแล้ว จึงทำให้มีการขาดไป 9 เสียงถือเป็นบทเรียนว่าส.ส.ทุกคนต้องตระหนัก และต้องมีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกที ว่าแต่ละเสียงมีความหมาย ขาดไป 1 เสียงหรือไม่ระวัง การทำงานในสภาต่อไปจะลำบาก ในวันนั้นมีกระแสคำถามที่ว่า คิดว่ามีการหักหลังจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เล่นเอานายสุเทพไม่พอใจ และกล่าวว่า “คำถามของคุณ มองในแง่ร้ายอยู่เรื่อย มองแง่ดีบ้าง หากมองในแง่ดีก็ได้กลับบ้านเร็วขึ้น”ในขณะที่ผู้อาวุโสอย่างนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในวันนั้นว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องทำให้ส.ส.มาประชุมให้ครบ

ซึ่งเชื่อว่า ฝ่ายค้านจะเสนอนับองค์ประชุมแบบนี้เรื่อยๆ รัฐบาลจึงต้องระวังมากขึ้น ต้องทำให้องค์ประชุมครบ การทำงานจะได้ไม่สะดุด และส.ส.รัฐบาลที่ขาดประชุม ก็ควรรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ “ไม่ใช่กงกรรมกงเกวียน แต่รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อม และระมัดระวังให้มากขึ้น ส่วนจะเป็นเกมส์การเมืองหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้แต่เราต้องระวัง ทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเพราะเป็นภารกิจของตัวเอง ไม่มีใครเตือนใครได้” ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนในขณะนั้นในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีหมาดๆ ในขณะนั้น ได้มีความพยายามโชว์ฟอร์มความเป็นผู้นำ ว่าจะสามารถคุมเกมได้ จึงได้ประกาศยืนยันใน

วันที่ 23 มกราคม 52 เลยว่าจะไม่มีเหตุการณ์สภาล่มอีกโดยยอมรับว่าเป็นสิทธิของฝ่ายค้านในกรณีที่เสนอนับองค์ประชุมสภาจนทำให้สภาล่ม แต่คาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์สภาล่มเกิดขึ้นอีกเพราะจะมีการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือและทำความเข้าใจกับบรรดาสมาชิก รวมถึงในช่วงเย็นจะมีการพบปะกันของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งจะนำเรื่องนี้มาหารือกัน จึงเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์สภาล่มเกิดขึ้นอีกเชื่อว่านายอภิสิทธิ์คงจะไม่ลืมสิ่งที่ได้เคยพูดเอาไว้เมื่อตอนต้นปีอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่เพียงต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้นการประชุมสภาจึงล่มซ้ำซากมากขึ้น และคงต้องถามด้วยว่า คำมั่นที่ว่าจะไม่มีเหตุการณ์สภาล่มอีกนั้นยังเป็นสัญญาของนายกรัฐมนตรีอยู่หรือไม่

หรือว่า ณ วันนี้เป็นเพียงสัญญาปากเปล่า เป็นแค่ลมปากเป่า ไปเสียแล้ว!!!เพราะหลังจากครั้งนั้นสภาก็ล่มซ้ำซากมาตลอด เช่นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ก็มีการประชุมร่วมรัฐสภาล่มลงอีก เพราะนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พยายามผลักดันสารพัดวาระเกี่ยวกับการกู้เงิน 800,000 ล้านบาท ทั้งกรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ วงเงินในการใช้เงินกับโครงการต่างๆ อาทิ โครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง ซึ่งจะขอกู้ เงินจากธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชีย โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี 1 ของกรมทางหลวงชนบท

จะขอกู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA)โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 8 ของการประปานครหลวง ที่จะขอกู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยสารพัดจะยัดเข้ามา จนส.ส.เพื่อไทยได้อภิปรายคัดค้านว่า ประธานในที่ประชุมในวันนั้น คือ นายชัย ชิดชอบ ไม่สามารถนำทั้งหมดมาพิจารณารวมกันได้ เนื่องจากมีสาระสำคัญคนละอย่าง ไม่เช่นนั้นจะถือว่าขัดต่อข้อบังคับการประชุม สุดท้ายสภาก็ล่มอีกในที่สุด

ทำให้แม้แต่นายชัย เองยังต้องทำใจ ระคนเหนื่อยหน่าย ถึงกับออกปากว่า“การตีรวนเป็นเรื่องธรรมดาระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล ถ้ารัฐบาลเพลี่ยงพล้ำฝ่ายค้านก็บดขยี้ ซึ่งรัฐบาลต้องเตรียมพร้อม ส่วนเรื่องการยุบสภาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ถ้าเห็นว่ามีเหตุการณ์วุ่นวายก็อาจจะยุบสภาก็ได้ ที่ผมเคยบอกไปว่าหากมีประชุมล่มถึง 4 ครั้งรัฐบาลควรยุบสภานั้น ตอนนี้ยังไม่ครบ 4 ครั้ง” ปู่ชัยเตือนสติ ส.ส.ซีกที่เป็นรัฐบาลกันตรงๆ แต่พอวันที่ 21 และ 22 ตุลาคม สภาก็ล่มติดกัน 2 ครั้งซ้อนโดยในวันที่ 21 ตุลาคม ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่รัฐสภาในช่วงค่ำ บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างตึงเครียด หลังอภิปรายมาตรา 4 ว่าด้วยการออกข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญ หลังอภิปรายกว่า 2 ชั่วโมง นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เสนอปิดการอภิปราย แต่ฝ่ายเพื่อไทยไม่ยอม

นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เสนอนับองค์ประชุม ปรากฏว่า มีสมาชิกแสดงตน 243 เสียง เกินกึ่งหนึ่ง 4 เสียง ส.ส.ฝ่ายค้านจึงเสนอนับด้วยวิธีการขานชื่อ เพราะเชื่อว่ามีการกดบัตรแทนกัน แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอม ทำให้ทั้งสองฝ่ายประท้วงกันวุ่นวาย แม้นายชัยสั่งพักประชุม 5 นาที เมื่อเปิดประชุมทั้งสองฝ่ายยังคงประท้วงกันเรื่องการนับองค์ประชุมนาน 2 ชั่วโมง จนในที่สุดสภาก็ล่มลงอีกครั้งเมื่อ 20.30 น. รุ่งขึ้นวันที่ 22 ตุลาคม สภาก็ล่มอีกเมื่อมีการตั้งกระทู้สดของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่ถามเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ มีการประท้วงวุ่นวายไปหมด จึงทำให้สภาล่มในที่สุด

ซ้ำยังทำให้นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภา ซึ่งเป็นประธานที่ประชุมในวันนั้น ถูกโจมตีจากรัฐบาลไปด้วยและล่าสุดก็มาสู่เหตุการณ์สภาล่มในวันที่ 9 พฤศจิกายนอย่างที่เกิดขึ้นเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลทั้งๆ ฝที่เคยเชื่อมั่น เคยประกาศก้องว่าสภาจะไม่ล่มอีก ถึงขั้นบีบและบี้ให้ ช่อง 11 ถ่ายทอดสด เพราะมั่นใจในเสียง แต่กลับกลายเป็นการประจานการทำงานของ ส.ส. ที่เพียงแค่อยากเป็นรัฐบาล แต่ไม่ใส่ใจการประชุมสภา... นับทีไรก็ล่มเมื่อนั้น“กฎเหล็ก” ที่เคยคุยโวว่าให้ ส.ส. วิปรัฐบาล 1 คนคุมเสียง ส.ส. 5 คนนั้น ถึงวันนี้กลายเป็นเพียงกฎเหล็กที่สนิมเกรอะกรังไปแล้วหรือนี่จะเป็นจุดตายของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ซึ่งก่อนหน้ามีกระแสข่าวออกมาว่า ได้มีการส่งสัญญาณมายังพรรคการเมืองพรรคหนึ่งว่า จะต้องทำให้รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์พ้นเก้าอี้ภายในก่อนปีใหม่ ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงต้นเดือนตุลาคม

เท่ากับว่าหากเป็นจริงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์มีเวลาเหลือเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้ผ่านมา 1 เดือนแล้ว จึงเท่ากับว่าจากนี้ไปกลายเป็น 60 วันอันตรายของรัฐบาลมาร์คจริงๆเพราะหลังจากเกิดกระแสข่าวดังกล่าว สภาก็ล่มถี่ยิบ 3-4 ครั้งภายในระยะเวลาเดือนเดียวแถมยังเป็นการล่มที่เกิดขึ้นจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองเป็นหลักส่วนใหญ่เสียด้วยแบบนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะรอดได้หรือไม่???.. จะต้องยุบสภาหรือไม่???เพราะแม้แต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา โดยเร็ว หากประชาธิปัตย์เชื่อว่าคะแนนนิยมของรัฐบาลสูงแล้วจริงๆ ก็ไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์บ้านเมืองยืดเยื้ออีกต่อไปงานนี้นายอภิสิทธิ์ สาหัสแล้วจริงๆ

60 วันอันตรายรัฐบาลมาร์ค
ชัย ชิดชอบ เคยพูดไว้ชัดว่า หากสภาล่มเกิน 4 ครั้ง รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้แล้ว ในขณะที่นายอภิสิทธิ์เคยยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์สภาล่มอีก แต่วันนี้สภาล่มถี่ยิบ... ฤารัฐบาลจะไม่รอดแล้ว