WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, November 13, 2009

สัจจะชนะความเท็จ:ทุกเม็ดทุกคำแม้วสัมภาษณ์TIMESไม่หมิ่น ความจริงเชิดชูสถาบันไม่ขาดปาก

ที่มา Thai E-News


ที่มา – แชพเตอร์ ๑๑ เวบลิเบอรัลไทย
แปลเรียบเรียงจาก – Times Online
13 พฤศจิกายน 2552

*ข่าวเกี่ยวเนื่อง:TIMESการันตีแม้วไม่หมิ่นซักคำ สื่อไทยเฉยหลังรุมตื้บหนำใจ แถมละเว้นมาร์คจ้อสื่อนอกหนักกว่า

หมายเหตุไทยอีนิวส์:พวกปฏิกริยาคลั่งราชาชาตินิยมขวาจัด อันประกอบไปด้วยรัฐบาลหุ่นเชิด,แก๊งอันธพาลการเมืองพันธมิตร สื่อทรราช และสมุนบริวารอำมาตย์ ได้สุมหัวป้ายสีด้วยความเท็จว่าทักษิณ ชินวัตรได้กล่าวสัมภาษณ์ให้ร้ายในหลวง และพระราชวงศ์ชั้นสูง ซึ่งต่อมาTIMESได้ตีพิมพ์บทความฉบับเต็มคือThaksin Shinawatra: the full transcript of his interview with The Timesเผยแพร่ และได้แถลงในเวลาต่อมาว่าอย่าใส่ความกันแบบเด็กๆ(ดูลิ้งค์Siamese spat) แต่พวกปฏิกริยาก็ยัง"ตีกินอย่างหน้าด้าน"ว่าห้ามใครแปลหรือเผยแพร่เพราะหมิ่นฯ เราจึงอยากให้อ่านรายละเอียดการสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ซึ่งไม่ได้โดนทางการไทยปิดกั้นแต่อย่างใด แล้วให้ชี้มาว่า"ตรงไหนที่บอกว่าหมิ่น?"

หากอ่านให้ครบถ้วนกระบวนความจะเห็นว่า นอกจากทักษิณไม่ได้หมิ่นฯแล้ว ก็ยังกล่าวเชิดชูเทิดพระเกียรติไม่ขาดปากเสียด้วยซ้ำ นี่คือสัจจะที่จะชำระล้างความเท็จให้พวกปฏิกริยาล้าหลัง ได้สำนึกถึงความไร้ยางอายที่พวกเขาป้ายร้ายบิดเบือนโดยความเท็จ



ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่ บรรณาธิการของไทม์ด้านเอเชีย สัมภาษณ์อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรที่กำลังลี้ภัยที่บ้านของเขาที่นครดูไบ


ทักษิณ ชินวัตร: (ชัยชนะจากการเลือกตั้งของผมในปี ๒๕๔๔) ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ชาติไทยที่พรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวชนะคะแนนครึ่งหนึ่งของที่นั่งในสภา เราชนะอย่างท่วมท้น – ครึ่งหนึ่งของที่นั่งในสภา – เราจัดตั้งรัฐบาลร่วมขึ้นมา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยอีกเช่นกันที่เราได้บริหารประเทศครบสี่ ปีโดยสภาไม่ถูกยุบ และเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ว่านายกรัฐมนตรีได้รับการเลือก ตั้งสมัยที่สอง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยซึ่งเราได้รับชัยชนะกวาดที่นั่งถึง ๓๗๗ ที่นั่ง และจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่ต้องมีพรรคร่วม – ร้อยละ ๗๖ ของที่นั่งในสภาในเวลานั้น

และนั่นก็เริ่มสร้างปัญหาให้กับผม – เพราะผมมีชื่อเสียงมากเกินไป ประชาชนรักผมมากเกินไป นั่นแหละที่มาของปัญหา

คนของผมบางคนได้เตือนว่า สื่อจะเริ่มโจมตีผมนะ – เพราะฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอมากดังนั้นสื่อต้องอยู่กับฝ่ายตรงข้าม ตอนนั้นผมไม่เชื่อ แต่สุดท้ายผมเห็นว่าสื่อโจมตีผมอย่างไม่มีเหตุผลใดๆ วันหนึ่งผมเผอิญพบกับลูกชายของเจ้าของหนังสือพิมพ์ ผมถามเขาว่า “ถามคุณพ่อคุณหน่อยซิว่า ทำไมหนังสือพิมพ์ของคุณพ่อคุณถึงได้โจมตีผมแบบไม่มีเหตุผลแบบนั้น” เขาตอบผมว่า “ลุงครับ (คำที่ใช้แสดงความเคารพ) ผมทำอะไรไม่ได้หรอกครับ เพราะคุณพ่อโดนองคมนตรีสองคนเกลี้ยกล่อมอยู่ พวกเขามาทานข้าวมื้อค่ำกับคุณพ่อ และพวกเขามาพูดว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงไม่ต้องประสงค์ลุงแล้ว” ผมพูดไปว่า ผมไม่เชื่อหรอก – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมือง อาจจะพวกองคมนตรีเองที่มีความลำเอียงกับผม

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: ทำไมพวกเขาจึงมีความลำเอียงกับคุณล่ะ


ทักษิณ ชินวัตร: พวกเขาประโคมข่าวลือว่าผมต้องการเปลี่ยนประเทศไทยเป็นระบบสาธารณรัฐ และตัวผมต้องการเป็นประธานาธิบดี ซึ่งผมไม่เคยมีความคิดเช่นนี้ ผมน่ะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์เป็นที่สุด คุณทราบไหมว่า เมื่อผมเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกน่ะ ผมได้เข้าเข้าเฝ้าต่อหน้าพระพักตร์องค์พระเจ้าอยู่หัว ผมกราบบังคมทูลฯ ว่า
“ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพเจ้ามีความจงรักภักดีต่อพระองค์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งถือกำเนิดในแผ่นดินของพระองค์ ข้าพเจ้าขอกราบบังคมทูลใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทว่า – ไม่เพียงแต่ข้าพเจ้าจะเสมือนลูกของพระองค์ – แต่เพราะอายุของข้าพเจ้าใกล้เคียงกับพระชนมายุของพระราชโอรสและพระราชธิดา ของพระองค์ ขอพระองค์ทรงมีพระเมตตาประทานสั่งสอน และตักเตือนข้าพเจ้าอย่างคนในวัยเดียวกันกับพระโอรสและพระธิดาของพระองค์ แม้ว่าข้าพเจ้าจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ตาม พระองค์ทรงครองราชย์มาสามชั่วอายุคน – รุ่นปู่ของข้าพเจ้า รุ่นบิดาของข้าพเจ้า และมาถึงรุ่นข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี สิ่งใดที่ข้าพเจ้าจะต้องปฏิบัติ ขอพระองค์ได้โปรดมีพระเมตตาสั่งสอนข้าพเจ้าด้วย”
นี่เป็นคำพูดที่ผมได้เข้าเฝ้า และผมได้กราบทูลฯต่ออีกว่า
“พระองค์ทรงงานหนักสำหรับพสกนิกรชาวไทยมาหลายปีแล้ว ขณะนี้พระองค์ทรงมีพระชนมายุมากแล้ว และพระองค์อาจทรงเหน็ดเหนื่อย โปรดให้ข้าพเจ้าได้สนองเบื้องพระยุคลบาท ข้าพเจ้าจะแบกภาระทุกอย่างของพระองค์ และข้าพเจ้าจะทุ่มเททำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของพสกนิกรของพระองค์”
นั่นเป็นการกราบทูลฯ ครั้งแรกของผม…ต่อองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

และผมทำงานหนักเรื่อยมาจนได้รับความนิยมมากขึ้นๆ และความนิยมเริ่มสร้างปัญหาให้ผม พรรคประชาธิปัตย์พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถเป็นพิเศษในการปรักปรำ ผู้คนต่างๆ พวกเขาเริ่มสร้างข่าวลือ และโจมตีผม แม้แต่ตอนที่พวกเขาครองอำนาจ ก็ยังไม่วายใส่ความว่าผมต้องการเป็นประธานาธิบดี เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับชาวไทยเพราะคนไทยรักพระเจ้าอยู่หัว และคนไทยไม่ยอมให้ใครก็ตามมาล้มล้างสถาบันกษัตริย์..

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: นั่นเป็นเพราะคนคิดว่าคุณได้รับความนิยมมากกว่ากษัตริย์หรือ

ทักษิณ ชินวัตร: เมื่อคุณมีลูกชาย ลูกชายรักภรรยา และรักแม่..เป็นความรักคนละแบบ คนรักผมเพราะเขาสัมผัสผมได้ เขาใช้ผมเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของเขาได้ แต่สำหรับพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ประชาชนให้ความเคารพต่อพระองค์ดั่งเทพ เป็นความรักคนละแบบ แต่คนพยายามที่จะทำให้เป็นความรักเช่นเดียวกัน นั่นคือปัญหาทั้งหมดอย่างแท้จริง

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: ในการเมืองไทย กษัตริย์ถือว่าเป็นบุคคลซึ่งทรงอิทธิพลมากที่สุด นั่นเป็นเรื่องดีหรือไม่

ทักษิณ ชินวัตร: พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นที่เคารพอย่างที่สุด ในความรู้สึกของคนไทยแล้วพระองค์ทรงเป็นดั่งเทพ คนไทยไม่เชื่อฟังด้วยกันเอง คนไทยต้องการใครสักคนหนึ่งที่พวกเขาให้ความเคารพอย่างจริงจัง – นั่นก็คือพระเจ้าอยู่หัว แต่บุคคลที่รายล้อมรอบพระองค์และสมเด็จพระราชินี ซึ่งผมเรียกว่าผู้ใกล้ชิดในวังที่พยายามสร้างอิทธิพล

องคมนตรีส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการที่เกษียณ..พวกเขามีผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และต้องการจะสร้างอิทธิพลบางอย่าง อย่างเช่นพล.อ.เปรม (ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี) – เขาต้องการให้ใครบางคนเป็น ผบ.ทบ. แต่ถ้าแต่งตั้งคนอื่นขึ้นมา เปรมอาจไม่ชอบใจ นั่นเป็นการแสดงอำนาจซึ่งพระมหากษัตริย์ไม่ทรงประสงค์ หรือเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด เป็นพวกคนใกล้ชิดในวังซึ่งกำลังเล่นเกมต่างๆ

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: อย่างนั้น พล.อ.เปรม และบุคคลอย่างเขากำลังชักใยอยู่เบื้องหลังกษัตริย์

ทักษิณ ชินวัตร: บรรดาองคมนตรีเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแต่พล.อ.เปรม มีบุคคลอื่นด้วย เช่น นางสนองพระโอษฐ์ และใครก็ตามของสมเด็จพระราชินี สังคมไทยดูใหญ่ก็จริง แต่สังคมศักดินาในกรุงเทพจะอยู่ในวงที่แคบมาก ทั้งอิทธิพล และเครือข่ายอยู่ตรงนั้น นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้การเมืองมีความยุ่งยาก ไม่เหมือนอังกฤษหรือญี่ปุ่น ซึ่งไม่ยอมให้บุคคลเหล่านั้นเข้ามามีอิทธิพลได้

นั่นคือปัญหาในประเทศไทย ปัญหาไม่ใช่ระบบกษัตริย์ ระบบกษัตริย์เป็นเรื่องดีสำหรับประเทศไทย ประเทศไทยต้องการมีระบบกษัตริย์ แต่ไม่ควรถูกคนใกล้ชิดในวังนำมาใช้ในทางที่ผิด หรือสร้างความแปดเปื้อน

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: นั่นคือระบบกษัตริย์เป็นสิ่งที่ดี แต่สถาบันกษัตริย์ต้องมีการปรับปรุง ใช่หรือไม่

ทักษิณ ชินวัตร: ใช่ครับ ใช่

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: ควรมีการปรับปรุงอย่างไร

ทักษิณ ชินวัตร: การปกครองระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญจะต้องยึดถือปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด ทุกสถาบันต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับหลักนิติธรรม และหลักทางการเมือง แต่บางครั้งสถาบันเหล่านี้ก็ทรงอิทธิพล ระบบยุติธรรมถูกก้าวก่ายจากผู้ใกล้ชิดในวัง

ประชาธิปไตยอย่างไทยยังพัฒนาไม่ถึงที่สุด ดูเหมือนจะเติบโตแต่ยังไม่เติบโต เพราะการก้าวก่ายของกองทัพซึ่งไม่ควรจะยอมให้เกิดขึ้น ทุกครั้งที่มีการทำรัฐประหาร อำนาจอธิปไตยจะโดนควบคุม – ซึ่งไม่ควรยอมให้เกิดขึ้น ประชาธิปไตยควรมาจากการเลือกตั้งเพียงทางเดียว – คุณต้องให้อำนาจต่อประชาชน แต่อำนาจไม่ได้อยู่กับประชาชน การเลือกตั้งเป็นเพียงการรับรองความเป็นประชาธิปไตย คุณต้องใส่ใจกับประชาชน คุณต้องสนองตอบต่อความต้องการของประชาชน

มันเป็นการวางแผนเพื่อดึงอำนาจ จริงๆแล้วมีแค่สองฝ่ายเท่านั้น ประชาธิปัตย์ (พรรคประชาธิปัตย์ของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) และฝ่ายสนับสนุนผม พวกเขาต้องการดึงอำนาจจากฝ่ายสนับสนุนผมไปให้ประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์ต้องการอำนาจสองทาง – ซึ่งอำนาจไม่ได้มาจากประชาชน เป็นอำนาจที่ได้มาจากการทรยศของ ส.ส.จากพรรคอื่น

ในประเทศไทยเราเรียกพวกนี้ว่างูเห่า – ประชาชนไม่ไว้ใจพวกงูเห่า งูเห่าสามารถแว้งกัดเจ้าของได้

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: เมื่อเดือนเมษายน คุณได้วิงวอนให้กษัตริย์ (ภูมิพลอดุลยเดช) ทรงลงมาแทรกแซงเพื่อคืนความปรองดองของสังคมไทย คุณยังมีความหวังว่ากษัตริย์จะทรงทำเช่นนั้นหรือไม่

ทักษิณ ชินวัตร: รัฐบาลสร้างความขัดแย้งกับฝ่ายสนับสนุนผม เราเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ดังนั้นรัฐบาลไม่อยู่ในฐานะที่จะมาแก้ปัญหาใดๆได้ รัฐบาลไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไว้ใจได้ เพราะพวกเขาทำการปล้นอำนาจ พวกเขาแย่งอำนาจไปจากประชาชน

หนทางเดียวที่รัฐบาลจะเข้ามาเกี่ยวข้องได้ก็คือ รัฐบาลต้องหัดคิดใหม่ในเรื่องการเป็นศัตรูกับคนอื่น แต่รัฐบาลนี้ใจไม่กว้างพอ เพราะรัฐบาลนี้กลัวว่าถ้ามีการเลือกตั้งอีกครั้ง พวกเขาจะแพ้ ผมขอรับรองเลยว่ารัฐบาลนี้จะแพ้การเลือกตั้ง เรา (พรรคเพื่อไทย ของฝ่ายสนับสนุนทักษิณ) กำลังจะชนะอย่างขาดลอยอีกครั้ง นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมรัฐบาลนี้ถึงได้เกาะเก้าอี้อย่างเหนียวแน่นไม่ว่า อะไรจะเกิดขึ้น – พวกเขาไม่ต้องการยุบสภา ผมไม่สนใจหรอก แต่ตอนนี้ประชาชนกำลังเป็นทุกข์ ประเทศกำลังลำบาก – คุณก็เห็นแล้วนี่ ประเทศไทยกำลังจะก้าวไปสู่ปัญหาเพิ่มขึ้นอีก

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: กษัตริย์จะทรงทำอะไรได้บ้างในสถานการณ์แบบนี้

ทักษิณ ชินวัตร: จะต้องนำสองฝ่ายมาร่วมกัน และเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง นั่นคือ อภัยโทษให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณจะกล่าวอะไรต่อกษัตริย์บ้าง

ทักษิณ ชินวัตร: ผมจะกราบทูลฯว่า
“ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ถึงเวลาแล้ว ที่พระองค์จะทรงประทานพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวไทย ขอพระองค์โปรดประทานความสันติสุขให้พวกเขา ให้ประชาชนได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบโดยวิธีนิรโทษกรรม และการพระราชทานอภัยโทษ เพื่อให้พสกนิกรทุกคนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ และร่างรัฐธรรมนูญใหม่”…


พวกเขา (ศัตรูของทักษิณ) พยายามฆ่าผม ได้มีการพบปะกันที่บ้านของคุณปีย์ (มาลากุล) .. พล.อ.สุรยุทธ์ (จุลานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด อดีตนายกรัฐมนตรีหลังจากทักษิณถูกปล้นอำนาจจากการทำรัฐประหาร) ได้ขอให้พล.อ.พัลลภ (ปิ่นมณี) สังหารผม

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: แล้วกษัตริย์ทรงทราบเรื่องนี้หรือไม่

ทักษิณ ชินวัตร: ผมไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ผมแน่ใจว่าพระองค์ทรงอยู่เหนือ (การเมืองทั้งปวง) แต่พวกคนใกล้ชิดในวังซึ่งมีเครือข่าย พวกเขาร่วมมือกัน พูดคุยด้วยกัน พวกเขาต้องการสร้างภาพว่าพวกเขานั้นมีความจงรักภักดีเป็นที่สุด และพวกเขาต้องทำการกำจัดใครก็ตามซึ่งไม่จงรักภักดี ใครก็ตามที่อาจจะเปลี่ยนประเทศไทยไปเป็นสาธารณรัฐ พวกเขาต้องการกำจัดผมเพราะพวกเขาพูดว่า ผมน่ะพยายามเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นสาธารณรัฐ และจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ นั่นไม่ใช่ความจริง ผมน่ะมีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์เป็นที่สุด

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: การที่สมเด็จพระราชินีทรงเสด็จไปงานพระราชทานเพลิงศพหนึ่งในผู้สนับสนุน เสื้อเหลือง (“เสื้อเหลือง” ฝ่ายตรงข้ามทักษิณ) คุณคงจะแปลกใจไม่น้อย

ทักษิณ ชินวัตร: ทุกๆคน ทั้งประเทศไทยต่างประหลาดใจ แต่ผมทราบในองค์สมเด็จพระราชินี พระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อใครบางคนกราบบังคมทูลฯ พระองค์ด้วยข้อมูลผิดๆ (เช่น) “สตรีผู้นี้ได้เสียชีวิตลงเนื่องจากพยายามปกป้องสถาบันกษัตริย์” ผมคิดว่าพระองค์ทรงถูกโกหก พวกคนใกล้ชิดวงในของวังพยายามกราบบังคมทูลฯให้ทรงคล้อยตาม โดยให้ข้อมูลผิดๆกับพระองค์”

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณได้อ้อนวอนให้กษัตริย์ทรงเข้ามาแทรกแซง และฝ่ายสนับสนุนของคุณได้ยื่นฎีกาขอถวายพระราชทานอภัยโทษให้กับคุณ ทำไมกษัตริย์จึงทรงเพิกเฉย

ทักษิณ ชินวัตร: ผมคิดว่าอาจจะเพราะขณะนี้ทรงพระประชวร พระองค์ทรงเข้าออกโรงพยาบาล ผมหวังว่าหลังจากที่พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงขี้นแล้ว พระองค์จะทรงหาหนทางให้ประเทศกลับคืนสู่ความสามัคคี เราไม่สามารถให้ประเทศเป็นอย่างนี้อีกต่อไปได้ เราเองจะยิ่งแย่ลง และแย่ลง และความแตกแยกจะยิ่งหนักขี้น และมากขี้น

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: กษัตริย์ทรงดูเหมือนจะทรงมีพระพลานามัยดีขี้นจากพระอาการประชวรเมื่อไม่นาน มานี้ และถ้ามีการเปลี่ยนแปลงรัชสมัย จะมีความหมายอย่างไรต่อการเมืองไทย และสังคมไทย

ทักษิณ ชินวัตร: ประเทศไทยได้รับการปกครองโดย..พระราชวงศ์จักรีมากกว่า ๒๐๐ ปี จะต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ราบรื่น แต่สิ่งแรกคนไทยต้องสมานฉันท์กันก่อน ก่อนที่จะเปลี่ยนรัชสมัย เพื่อการเปลี่ยนรัชสมัยจะได้เป็นไปอย่างราบรื่น

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: สักวันหนึ่งที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ จะทรงดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์ จะมีแบบอย่างอันแตกต่างจากพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันอย่างไร

ทักษิณ ชินวัตร: อาจจะมีความแตกต่าง แต่ผมคิดว่าเหตุการณ์จะเป็นไปด้วยความราบรื่น เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ข้าราชบริพารรอบพระองค์จะเป็นคนใหม่ และผู้ใกล้ชิดในวังจะไม่ใหญ่โตขนาดนี้ เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เนื่องจากพระองค์ทรงยังใหม่ อาจจะยังไม่ได้รับความชื่นชมมากเสมอเท่าองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างไรก็ดี พระองค์จะทรงประสบปัญหาน้อยลง เพราะคนใกล้ชิดราชวังจะมีขนาดเล็กลง เนื่องจากทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณจะอธิบายถึงพระราชอุปนิสัยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชว่าเป็นอย่างไร

ทักษิณ ชินวัตร: พระองค์ทรงเป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัย

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: แล้วพระราชบุคลิกภาพของพระองค์ล่ะ เป็นอย่างไร

ทักษิณ ชินวัตร: พระองค์ทรงมีพระประสงค์อย่างเด็ดเดี่ยวที่จะกระทำการสิ่งใดให้สำเร็จ พระองค์ท่านมีความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: พระองค์ทรงต้องการมุ่งมั่นจะทำอะไรให้สัมฤทธิ์ผลบ้าง

ทักษิณ ชินวัตร: แม้พระองค์จะยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์ และพระบารมีอาจจะยังไม่ปรากฏชัดเจนในขณะนี้ แต่หลังจากที่พระองค์เสด็จขี้นครองราชย์แล้ว ผมแน่ใจว่าพระบารมีของพระองค์จะโชติช่วงเป็นที่ประจักษ์ในฐานะตำแหน่งองค์ พระประมุข เนื่องจากพระองค์ทรงสังเกตจากองค์พระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชบิดามานานปี พระองค์ทรงเรียนรู้จากองค์พระเจ้าอยู่หัวมากมาย …ยังไม่ใช่เป็นเวลาของพระองค์ แต่เมื่อถึงเวลานั้นผมคิดว่า พระองค์จะทรงเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถเป็นแน่”

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: บางครั้งแม้แต่ในการปกครองระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ เมื่อกษัตริย์องค์ใหม่ขี้นครองราชย์ ย่อมต้องมีความรู้สึกใหม่ในประเทศ คุณคาดว่าจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยไหม

ทักษิณ ชินวัตร: ผมคิดว่าองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ – พระองค์ทรงเติบโตมาจากต่างประเทศ พระองค์ทรงได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ และพระองค์ทรงยังหนุ่ม ผมคิดว่าพระองค์ทรงเข้าใจถึงโลกสมัยใหม่ สำหรับพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญของโลกที่กำลังมีการเปลี่ยน กษัตริย์ทรงต้องหมุนเปลี่ยนไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยนี้เช่นกัน

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณคิดว่าสำหรับราชวงศ์ไทยจำเป็นต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัยหน้าอย่างไร

ทักษิณ ชินวัตร: โดยเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และทรงเข้าใจว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลง นั่นเพียงพอแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลง

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณได้รับเลือกตั้งถึงสามครั้งในประเทศไทย คุณไม่เคยแพ้ และคุณถูกปล้นอำนาจจากการทำรัฐประหาร ตำแหน่งขณะนี้ของคุณคืออะไร คุณยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่อยู่ในระหว่างลี้ภัยไหม

ทักษิณ ชินวัตร: ตอนนี้หรือ ผมคิดว่าตัวผมเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และกำลังอยู่ในระหว่างการลี้ภัย ผมได้เคยถูกขอร้องให้เป็นผู้นำรัฐบาลพลัดถิ่น ผมไม่ทำเช่นนั้นเพราะผมไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้กับพระราชวงศ์ ดังนั้นเมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยให้กับการทำรัฐประหาร ตอนนั้นผมพูดว่า “ทุกอย่างยุติแล้ว”

ขณะนี้ผมเพียงแต่พยายามที่จะต่อสู้เพื่อความชอบธรรม ไม่ใช่สำหรับตัวผมเอง แต่สำหรับประชาชนในประเทศไทย โดยเฉพาะคนยากจน พวกเขาได้เคยรับโอกาสต่างๆ และพวกเขาได้เริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ แต่เมื่อมีการทำรัฐประหาร ทำลายความหวังของพวกเขา และตอนนี้ประเทศตกอยู่กับความเลวร้ายลงตลอดสามปีมานี้ ผมจึงต้องสู้เพื่อความยุติธรรม พวกเขาสมควรที่จะได้รับโอกาสต่างๆ

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เปรียบเทียบคุณกับ ออง ซาน ซูจี ของพม่า เป็นการเปรียบเทียบที่ดีไหม

ทักษิณ ชินวัตร: มีบางอย่างที่คล้ายกันนะ แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง ที่คล้ายกันคือเราได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง เราได้เข้าบริหารประเทศ เราถูกปล้นอำนาจจากการทำรัฐประหาร และเรามาจากประชาชน เราเป็นผู้นำที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างประชาธิปไตย และเรามาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน – เสียงจำนวนมหาศาลจากประชาชน ไม่ใช่แค่จำนวนมากเท่านั้น

เธอถูกการกักบริเวณ ผมถูกเด้งออกจากประเทศ พวกเขารู้ว่าถ้าผมยังอยู่ในประเทศ จะส่งผลเลวร้าย (สำหรับพวกเขา) ยิ่งกว่า ออง ซาน ซูจี

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณจะเข้าพบสมเด็จฮุนเซนแห่งกัมพูชาอาทิตย์นี้ คุณจะย้ายที่ไปอยู่กัมพุชาหรือ

ทักษิณ ชินวัตร: ไม่ครับ ผมทำงานผ่านทางออนไลน์ได้ ผมทำงานผ่านทางอีเมล์ได้ แต่ผมต้องการพบตัวท่านฮุนเซนเอง

หลังจากที่ท่านประกาศพระราชกฤษฎีกาแล้ว ผมโทรศัพท์ไปขอบคุณท่าน และท่านได้เชิญผมให้ไปกัมพูชา

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: รัฐบาลไทยได้มีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างเต็มที่ โดยการเรียกเอกอัครราชทูตกลับ ทำไมพวกเขาจึงได้แสดงอาการมากเช่นนั้น

ทักษิณ ชินวัตร: รัฐบาลนี้กำลังพยายามที่จะรักษาอำนาจไว้โดยทุกวิถีทาง พวกเขากลัวว่าถ้าผมจะอยู่ที่นั่น อาจจะใกล้เกินไป เอาเถอะ ผมไม่อยู่หรอก แต่ผมต้องเดินทางไปมาที่นั่น

รัฐบาลทั้งหมดนั้นมัวเอาแต่หวาดวิตกเกี่ยวกับผม เลยไม่ต้องทำอะไรให้กับประเทศ พวกเขาหวงอำนาจจนเกินไป อำนาจที่พวกเขาได้มามันไม่ใช่ง่ายๆ เมื่อถึงเวลาได้อำนาจจากความช่วยเหลือของกองทัพ และประธานองคมนตรี พวกเขาเลยต้องกอดเก้าอี้ไว้อย่างเหนียวแน่น – เหมือนงูจงอางหวงไข่

พวกเขาเป็นเด็กมากเกินไป พวกเขาได้แต่กลัวว่าถ้าผมอยู่ที่นั่น ผู้สนับสนุนของผมจะมีความหวังมากเกินไป เพราะผมอยู่ใกล้เข้ามาแล้ว ผมจะไม่อยู่ที่นั่น ผมรู้ว่ามันใกล้เกินไป แต่ผมจะไปเยี่ยมเป็นครั้งเป็นคราว

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: เมื่อเดือนเมษายนคุณพูดว่า: “ถ้ามีเสียงปืนดังขี้น ทหารยิงประชาชนเมื่อไร ผมจะกลับไทยทันที และเป็นผู้นำเดินขบวนเข้ากรุงเทพ” กัมพูชาจะเป็นสถานที่เหมาะไหม ที่จะเริ่มเดินขบวนนั้น

ทักษิณ ชินวัตร: ถ้าผมจะเริ่มต้นเดินขบวน ผมจะเริ่มต้นจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย บนแผ่นดินไทย แต่ผมจะต้องผ่านด่านเข้าประเทศไทย ผมสามารถเข้าไทยจากทางลาว กัมพูชา พม่า ผมหาทางของผมได้

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: ในสถานการณ์เช่นไรที่คุณจะทำเช่นนั้น

ทักษิณ ชินวัตร: ผมไม่พยายามที่จะทำหรอก ผมมีวิธีการ (ก่อนที่จะทำแบบนั้น) การชนะการเลือกตั้ง – นั่นสำคัญมาก แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริงของประเทศไทยหรอก อาจจะแก้ปัญหาของผมได้ แต่ไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทย ปัญหาของประเทศไทยจะต้องแก้โดยการนำทั้งสองฝ่ายมานั่งกัน และให้ลืมทุกอย่าง เพื่อความสมานฉันท์ของชาติ

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: แล้วใครที่จะทำเช่นนั้นได้ล่ะ

ทักษิณ ชินวัตร: องค์พระเจ้าอยู่หัว ปกติแล้วประธานองคมนตรีควรเป็นบุคคลที่ทำเช่นนี้ได้ แต่ขณะนี้ประธานองคมนตรีเข้ามาก้าวก่ายแล้ว และจะถูกโจมตีอย่างหนักจากเสื้อแดง (ฝ่ายสนับสนุนทักษิณ) ตอนนี้ไม่มีใครเหลือ ไม่มีใครเหลือให้ทำการสมานรอยร้าวเช่นนี้ จะต้องเป็นองค์พระเจ้าอยู่หัว หรือไม่ก็สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ซึ่งจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป

รัฐบาลต้องการให้ผมพ้นไปจากประเทศไทย พวกเขาไม่ต้องการให้ผมกลับไปประเทศไทย พวกเขาต้องการให้ผมออกไปจากการเมือง มีแต่ความต้องการทางการเมืองแท้ๆ

ถ้าผมต้องกลับไปตอนนี้ จะยิ่งสร้างความยุ่งเหยิงให้มากยิ่งขี้น เพราะฝ่ายสนับสนุนของผม จำนวนล้านๆคน จะออกมา พวกเขาทราบว่าผมถูกกระทืบให้จมดินทางการเมือง ผมไม่ได้รับการพิจารณาคดี หรือได้รับการตัดสินอย่างยุติธรรม

ถ้าผมต้องกลับไปตอนนี้ อาจจะเกิดการนองเลือด เพราะรัฐบาลนี้จะต้องใช้กำลังกองทัพ และใช้อาวุธจริงอย่างแน่ๆ ดังนั้นผมกลับไปจะไม่ได้ประโยชน์กับฝ่ายใด

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณจะบรรยายสถานการณ์ประเทศไทยตอนนี้ได้อย่างไร

ทักษิณ ชินวัตร: กีฬาไหนๆก็ไม่มีเรื่องวุ่นวายหรอกถ้าผู้ตัดสินมีความยุติธรรม และถ้าทั้งสองฝ่ายต่างเล่นตามกติกา ในการเมืองไทยพวกเขาไม่เล่นตามกติกา

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: จนกระทั่งไม่กี่ปีมานี้ ภาพพจน์ของประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีความสามัคคีและมีเอกลักษณ์แห่งชาติที่โดดเด่น แล้วทำไมคนไทยจึงได้ขาดความสามัคคีกันได้ขนาดนี้

ทักษิณ ชินวัตร: ก็เพราะความหวาดระแวงเรื่องความมั่นคงของราชวงศ์ พวกเขาคิดว่าผมน่ะได้รับความนิยมมากเกินไป และอาจจะเกินราชวงศ์ และผมจะเปลี่ยนประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ ซึ่งผมไม่เคยแม้แต่จะคิด ผมเพียงพยายามที่จะรับใช้ประเทศชาติ ผมน่ะมีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ของผม ผมจะทำแต่สิ่งที่ดีๆเพื่อราชวงศ์

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: มีโอกาสจะประนีประนอมไหม
ทักษิณ ชินวัตร: ครับ ขี้นอยู่กับว่าใครจะนั่งหัวโต๊ะ

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณได้เคยติดต่อกับคนในรัฐบาลบ้างไหม

ทักษิณ ชินวัตร: ไม่เคยครับ พวกเขาไม่เคยติดต่อผม พวกเขาอ้างว่าได้ติดต่อผม แต่ไม่เคย พวกเขาไม่ต้องการขจัดปัญหา ไม่อย่างงั้นพวกเขาจะไม่สามารถกุมอำนาจเอาไว้ได้ พวกเขามัวเมาแต่อำนาจ ถ้าประเทศไม่เละเทะ และไม่มีใครช่วยพวกเขาให้เข้ามามีอำนาจ พวกเขาก็จะไม่มีทางที่จะกุมอำนาจไว้ได้อย่างนี้

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: เงินจำนวนมากของคุณยังคงอยู่ในประเทศไทย จำนวน ๗๖,๐๐๐ ล้านบาท (รัฐบาลทำการอายัดทรัพย์ในขณะที่ทักษิณถูกดำเนินคดี และถูกตัดสินว่ากระทำผิดข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง) คุณจะได้กลับคืนมาไหม

ทักษิณ ชินวัตร: ผมคิดว่าวันหนึ่ง ถ้ามีความยุติธรรมเกิดขึ้น ผมคงได้เงินกลับมา เพราะเป็นเงินของครอบครัว ซึ่งได้แจ้งในบัญชีสินทรัพย์ก่อนหน้านี้ เป็นหุ้นจำนวนเดิมซึ่งเราเป็นเจ้าของก่อนที่จะเข้าสู่การเมือง และครอบครัวทั้งหมดได้ขายหุ้นไป ดังนั้นจึงมีที่มาของเงินอย่างชัดเจน แต่พวกเขายังคงพยายามสร้างเรื่องว่าราคาหุ้นเพิ่มเพราะอิทธิพลของผม จริงๆแล้วหุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้นมีราคาเพิ่มขึ้นตามดัชนีมูลค่าหุ้น และบางบริษัทมีราคาเพิ่มกว่าปกติ แต่มันไม่ใช่บริษัทของครอบครัวเรา เป็นบริษัทของคนอื่น ครอบครัวของเราได้รับตามมูลค่าดัชนี

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: ถ้ารัฐบาลกล่าวกับคุณว่า “เอาล่ะ เราจะให้เงินคืน แต่คุณต้องอย่าเข้ามายุ่งกับการเมือง ให้เป็นแค่นักธุรกิจ” คุณจะเห็นด้วยไหม

ทักษิณ ชินวัตร: เอ่อ ผมเพียงต้องการความยุติธรรม ผมไม่สนใจว่าผมจะได้กลับไปเล่นการเมืองอีกหรือไม่ แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ยังต้องการผม ตอนนั้นผมจะต้องกลับไป ผมไม่สามารถเห็นแก่ตัวได้ แต่ถ้าจะต้องให้ผมเลือก ผมจะเลือกใช้ชีวิตอย่างสงบ ผมต้องการจะตั้งพรรคการเมืองใหม่เรียกว่า “พรรคความสุขของชีวิต” (หัวเราะ) คุณทราบไหมว่าผมน่ะไม่มีเวลาหาความสุขกับชีวิต ผมทำงานหนักตั้งแต่ผมโตขึ้นมา หลังจากผมประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจแล้ว แทนที่ผมจะได้อยู่อย่างมีความสุข ผมขออาสาทำงานให้กับประเทศ ปกติแล้วการเมืองไม่เหมาะสำหรับคนรวย ยากนักที่คนรวยจะต้องการเข้ามาเล่นการเมือง แต่ผมรักประชาชน ผมรักประเทศของผม ผมต้องการทำสิ่งที่ดีๆสำหรับเขาเหล่านั้น .. ผมอาจเดินหนีไปได้ ผมเอียนจริงๆกับการเมืองแบบไทยๆ แต่ถ้าประชาชนทำให้ผมได้กลับไป นั่นผมเป็นหนี้พวกเขา

ผมน่ะพวกนิยมการเปลี่ยนแปลง ผมต้องการให้มีการปฏิรูป ผมทำการปฏิรูปในหลายๆอย่าง ผมทำการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐบาลซึ่งเคยเป็นแบบนั้นมานับร้อยปี ผมกำลังปฏิรูประบบยุติธรรมทั้งหมดเพื่อให้ทันสมัยขึ้น

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: ตั้งแต่คุณออกจากประเทศไทยแล้ว การสนับสนุนในประเทศไทยเองมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างไหม

ทักษิณ ชินวัตร: ก็ลดลงเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะในเมืองซึ่งสื่อลำเอียงต่อต้านผม เอียงกะเท่เร่ด้านเดียวตลอดเวลา แต่หลังจากผมเคลียร์ตัวเองแล้ว การสนับสนุนจะกลับมาอย่างเร็ว การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายหลังการทำรัฐประหาร (เดือนธันวาคม ๒๕๕๐) แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าผมไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว เรายังคงได้รับที่นั่งเพิ่มขึ้น แล้วจะเป็นจริงขึ้นมาอีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าผมต้องอยู่ที่นั่น นั่นจะยิ่งได้คะแนนเสียงมากขึ้นไปใหญ่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามของผม พรรคประชาธิปัตย์ถึงได้กลัวผมนักหนา และพยายามป้ายสีผม พวกเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะกำจัดผม

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณให้การสนับสนุนทางการเงินกับเสื้อแดงเท่าไร

ทักษิณ ชินวัตร: ถ้าคุณลองไปถามเสื้อแดงคุณจะเข้าใจได้ดีเลยนะว่าพวกเขาออกเงินกันเอง และพวกเขายังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บริจาคเงินบ้างเล็กน้อยเมื่อพวกเขาเข้ากรุงเทพฯ พวกเขารวบรวมเงินกันนะ พวกเขาช่วยกันเองมากเลย น่าประหลาดใจมาก ไม่เหมือนพวกเหลือง (เสื้อเหลือง) พวกเหลืองนี่มาจากกองทัพที่ไปยึดสนามบิน (เสื้อเหลืองยึดสนามบินสุวรรณภูมิในปี ๒๕๕๑)

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณต้องให้เงินพวกเขาบ้าง คุณเป็นมหาเศรษฐีนี่

ทักษิณ ชินวัตร: ไม่ครับ ทรัพย์สินของผมถูกอายัดไว้

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: แต่ไม่ทั้งหมดนี่นะ – คุณต้องมีทรัพย์สินอยู่นอกประเทศไทยบ้างล่ะนะ

ทักษิณ ชินวัตร: ไม่มากครับ ไม่มาก

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณมีสินทรัพย์สุทธินอกประเทศไทยเท่าไร

ทักษิณ ชินวัตร: นอกประเทศไทยมีเพียงแค่สามพันกว่าล้านบาท หรือห้าหกพันล้านบาท จริงๆแล้วมีสามพันห้าร้อยล้านบาท

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: ห้าหกพันล้านบาท หรือสามพันห้าร้อยล้านบาท

ทักษิณ ชินวัตร: ผมเคยมีถึงห้าหกพันล้านบาท แต่จ่ายเป็นค่าบ้าน ค่าโน่นค่านี่ เหลือประมาณสามพันห้าร้อยล้านบาท

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: จะใช้ได้ไปอีกนานเท่าไร

ทักษิณ ชินวัตร: ผมไม่ทราบ แต่ตอนนี้ผมทำงาน ผมทำธุรกิจ ผมไม่สามารถนอนงอมืองอเท้าใช้แต่เงิน ผมทำธุรกิจ ขณะนี้ผมลงทุน ผมมีเหมืองทองสิบแห่งที่อูกันดา ผมมีใบอนุญาตดำเนินการล็อตเตอรี่ในอูกันดา ในฟิจิ ในแองโกลา เราจะเริ่มเดือนมกราคม แล้วเรื่องใบอนุญาตเหมืองทอง ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีมาก ผมยังได้ลงนามในสัญญาสัมปทานเหมืองทอง และที่ดินในปาปัวนิวกินี ผมทำเรื่องเพชรดิบด้วย เราเจียรนัยด้วย ผมตัดสินใจไม่ทำเหมืองแร่เนื่องจากว่าเสี่ยงเกินไป เราจะทำให้มีกำไรได้อย่างรวดเร็ว

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณใช้เวลาอย่างไรเมื่อคุณอยู่ที่ดูไบ

ทักษิณ ชินวัตร: ก็ทำธุรกิจ พบปะเพื่อนฝูง และผู้สนับสนุนผมจากประเทศไทย และเดินทาง ผมจะเดินทางประมาณสิบวันต่อเดือน อยู่ที่ดูไบยี่สิบวัน

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณใช้เวลาวันละกี่ชั่วโมงต่อวันในการพูดคุยกับผู้สนับสนุนในประเทศไทย

ทักษิณ ชินวัตร: ประมาณสามชั่วโมงนะ ประมาณนั้น

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณพูดกับใครบ้าง

ทักษิณ ชินวัตร: แม้กับคนขับรถแท็กซี่ พ่อค้าแม่ค้าเล็กๆ และนักการเมืองบ้าง

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: นักการเมืองคนไหน

ทักษิณ ชินวัตร: พรรคเพื่อไทย

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณให้ความช่วยเหลือพรรคเพื่อไทยอย่างไร คุณทำอะไรสำหรับพรรคบ้าง

ทักษิณ ชินวัตร: ตัวผมเองเป็นจุดขายของพรรค บางครั้งบางคราวผมก็ต้องไปพูดกับบรรดาผู้สนับสนุน ทุกวันอังคารผมต้องทำรายการวิทยุทางอินเตอร์เน็ต

ในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน จะมีคอนเสิร์ตเพื่อการระดมทุน ผมจะร้องเพลง (ชื่อเพลงไทย) “ขอบคุณที่ซ้ำเติม” เพราะพวกเขาเอาแต่โจมตีผม เนื้อร้องของเพลงนี้เป็นอย่างนี้ “ขอบคุณที่คอยเอาแต่ตีซ้ำๆ และตีตรงที่เดิม ซึ่งผมเจ็บช้ำไปหมดแล้ว” นี่เป็นเพลงเกี่ยวกับความรักนะครับ

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณมีแผนการทางการเมืองไหม

ทักษิณ ชินวัตร: มีครับ แต่ในทางสงบ ผมต้องการเห็นการสมานฉันท์ มากกว่าการประจันหน้ากัน ผมต้องการให้เสื้อแดงกดดันให้มีการสมานฉันท์ ไม่ใช่นองเลือด หรือประจันหน้ากัน

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: คุณกำหนดเวลาไว้ไหมว่าเมื่อไรจะกลับประเทศไทย

ทักษิณ ชินวัตร: ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของผม เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลไทย ผมยังอยู่ที่นี่ได้ปีหนึ่ง สองปี ผมสบายดี แต่สถานการณ์ของประเทศไทยควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: ทำไมหรือ ถ้าปัญหาไม่ถูกแก้ไข อะไรจะเกิดขึ้นหรือ

ทักษิณ ชินวัตร: เศรษฐกิจจะยิ่งเลวลง คนไทย ชีวิตของพวกเขา จะแย่ลงไปด้วย และประเทศไทยจะไม่อยู่ในสายตาของประเทศใหญ่ๆอีกต่อไป ศูนย์ทางการเมืองจะไม่อยู่ที่ประเทศไทยอีกต่อไป สำหรับอเมริกาแล้วจะย้ายไปอินโดนีเซียแทน

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: บางคนในประเทศไทยดูเหมือนจะตื่นกลัวมากกว่าแค่เรื่องเศรษฐกิจซบเซา และการเพิกเฉยทางการทูต คุณได้ยินคนพูดกันเรื่องประเภทเศรษฐกิจพังทลาย สงครามกลางเมือง เป็นไปได้ไหม

ทักษิณ ชินวัตร: ประเทศไทยใกล้ถึงขั้น “ล้มเหลว” ทุกสถาบันเกือบไม่สามารถทำงานอะไรได้ เพราะไม่ยอมทำตามกติกา ไม่ยอมใช้หลักนิติธรรม มีแต่ความอคติต่อผู้อื่น คุณไม่โชติช่วงต่อสายตาโลก คุณเอาแต่ต้องการกุมอำนาจโดยไม่คำนึงถึงเรื่องอื่น นั่นทำไมผมถึงพูดว่าประเทศไทยกำลังจะล้มเหลว เพราะไม่มีใครไว้ใจใคร ไม่มีสถาบันใดที่จะได้รับความน่าเชื่อถืออย่างเช่นแต่ก่อน

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: ความผิดพลาดของคุณคืออะไร

ทักษิณ ชินวัตร: ผมเล่นการเมืองโดยไม่ทำความเข้าใจให้ดีถึงโครงสร้างอำนาจของสังคม ผมพยายามที่จะจัดการให้เหมือนนักธุรกิจ พยายามที่จะทำการตลาด ทำการรณรงค์ และทำด้านการค้า ผมพยายามที่จะช่วยคนยากจน และรณรงค์เพื่อให้ได้รับความนิยม รณรงค์ในเรื่องที่ผมได้ทำสำหรับพวกเขา และทำงานหนักเพื่อพวกเขาโดยลืมนึกถึงความสลับซับซ้อนของโครงสร้างอำนาจของการเมืองไทย ผมไม่เดียงสาในเรื่องนั้น ผมจึงได้สะดุด

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: เรื่องการขายชินคอร์ปล่ะ (บริษัทโทรคมนาคมของครอบครัวทักษิณ ได้ขายให้กับรัฐบาลสิงคโปร์ในราคา ๗๗,๔๐๐ ล้านบาทโดยไม่ได้จ่ายภาษี ซึ่งเป็นสาเหตุให้ทักษิณได้รับการวิจารณ์อย่างหนักในระยะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) คุณไม่ได้จ่ายภาษี ถ้าเอาเรื่องความผิดถูกทางกฎหมายวางไว้ก่อน นี่เป็นการตัดสินใจผิดพลาดทางการเมืองหรือไม่

ทักษิณ ชินวัตร: แม้ว่าจะต้องการจ่ายภาษี แต่กรมสรรพากรก็ไม่ยอมรับชำระภาษีนั้น สำหรับประเทศไทยแล้วกำไรจากการขายหุ้นไม่ต้องเสียภาษี กฎหมายยกเว้น บางประเทศคิดภาษีจากกำไรนี้ แต่กฎหมายไทยได้บัญญัติไว้มาหลายปีแล้ว เพื่อเป็นสิ่งจูงใจสำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อจะได้รับการยกเว้นภาษีจากกำไรที่ขายหุ้นได้

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: อย่างนั้นคุณไม่เสียใจ หรือวิตกใดๆเกี่ยวกับวิธีที่คุณจัดการในเรื่องนั้น

ทักษิณ ชินวัตร: คุณครับ ผมตกอยู่ในที่นั่งลำบากที่จะพูดอะไรในขณะที่เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องของครอบครัว ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวผม ผมอยู่ในสภาวะอิหลักอิเหลื่อในฐานะนายกรัฐมนตรีที่จะพูดอะไรออกไปได้

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: แต่ถ้าคุณได้พูดในฐานะเป็นประชาชนธรรมดาในขณะนี้ ก็หมายถึงได้ทำผิด ใช่หรือไม่

ทักษิณ ชินวัตร: ไม่ใช่ครับ เพราะเป็นเรื่องความอิจฉา ผมเป็นเพียงไม่กี่คนที่มีเงินสดมาก พวกศักดินาอิจฉา ผมเป็นตัวแทนของชาวชนบทซึ่งเติบโตขึ้นมา และมีเงินมากขนาดนั้น ครอบครัว (ของผม) ต้องการให้ผมมีอิสระ และปราศจากการถูกวิจารณ์ในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ดังนั้นพวกเขาคิดว่าเป็นทางดีที่จะขาย (บริษัท) ออกไป

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: เกี่ยวกับการก่อความไม่สงบในภาคใต้ (ซึ่งมีประชาชนจำนวนนับพันได้เสียชีวิตจากการถูกโจมตีจากบรรดามุสลิมหัวรุนแรง)

ทักษิณ ชินวัตร: ผมมีอุดมการณ์อย่างอ่อนนอกแข็งใน หนังสือพิมพ์ และสื่อหลักได้วาดภาพให้ผมมีแต่การใช้ไม้แข็ง ผมช่วยในเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก ผมได้ช่วยเหลือในด้านที่อยู่อาศัย ด้านประกันสุขภาพ และด้านการศาสนา

แต่ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น – สภาพยังคงเลวร้ายลงทุกปี

คุณก็คงทราบว่าสถานการมันสุกงอมมาหลายปีแล้วเนื่องจากประวัติศาสตร์ในภาคนั้นของประเทศไทย แผนที่ได้ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ บางส่วนที่เคยเป็นของประเทศไทยได้กลายเป็นของมาเลเซีย บางส่วนที่เคยเป็นมาเลเซียกลับกลายมาเป็นของไทย ส่วนของไทยไปเป็นมาเลเซีย ไม่มีปัญหาใดๆแต่ในส่วนของมาเลเซียซึ่งเป็นของไทยนี่แหละที่มีปัญหา พวกเขามองไปที่มาเลเซีย ซึ่งมีความเจริญ แต่ในส่วนทางประเทศไทยไม่เจริญ มันควรจะเจริญ แต่เราไม่ได้จัดการให้ถูกวิธีเนื่องจากปัญหาเรื่องการศึกษา เรายอมให้พวกเขามีแต่การสอนศาสนาได้อย่างเดียว ซึ่งหมายถึงว่าพวกเขาจะออกไปทำมาหากินอะไรไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงยากจน – พวกเขาต้องการกลับไปอยู่ด้านมาเลเซียเพราะด้านนั้นเขาดีกว่า นี่เป็นปัญหาซึ่งเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว

และเมื่อพวกเขาปล้นคลังอาวุธ และยึดเอา เอ็ม ๑๖ ไปมากกว่าสี่ร้อยกระบอก – จากนั้นพวกเขาเริ่มรวบรวมกำลัง และแข็งแรงขึ้น

เราต้องบังคับใช้กฎหมาย แต่โชคไม่ดีที่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ตากใบ (เหตุการณ์โด่งดังที่ชาวมุสลิม ๘๕ คน ได้เสียชีวิต หลังจากถูกจับจากการประท้วงซึ่งสร้างความรุนแรง พวกเขาถูกจับให้นอนซ้อนกันหลังรถบรรทุกขนถ่ายของทหาร ซึ่งเกิดการเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจจำนวนมาก) เป็นความโชคร้าย เพราะการขนถ่ายของกองทัพ พวกเขาไม่มีความฉลาดเอาเสียเลย พวกเขาไม่มีรถบรรทุกลำเลียงเพียงพอเลยเอาผู้ประท้วงมาซ้อนกัน จึงขาดอากาศหายใจ เป็นเรื่องโชคร้าย ใน (การชุมนุม) เกิดอุบัติเหตุทำให้เกิดการเสียชีวิตประมาณสี่หรือห้าคน แต่กลายเป็น ๘๐ คนเนื่องจากถูกนำตัวมาซ้อนกัน และยิ่งเป็นช่วงเดือนถือศีลอดแล้วด้วย ยิ่งขาดอากาศได้ง่ายเข้าไปใหญ่ พวกเขาไม่ได้ดื่ม ไม่ได้ทาน แล้วมาถูกนายทหารชั้นผู้น้อยทำการขนย้ายแบบนั้นด้วย พวกทหารไปซ้อนพวกเขา เพราะพวกทหารกลัวตาย

ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่: ไม่กี่ปีก่อนคุณได้หย่ากับภรรยา บางคนพูดว่าเป็นเรื่องการเมือง เป็นเรื่องทางกฎหมายเพื่อปกป้องทรัพย์สินของคุณ

ทักษิณ ชินวัตร: ภรรยาผมเข้าใจว่าผมมีผู้สนับสนุนเยอะ ผมไม่สามารถเลี่ยงไม่กลับไปเล่นการเมืองได้ เนื่องจากผู้สนับสนุนได้ตั้งความหวังเอาไว้กับตัวผม และเธอไม่ได้สนับสนุนให้ผมเล่นการเมืองมาตั้งแต่แรก เพราะเธอมาจากครอบครัวที่ไม่ชอบทำตัวเด่นดัง เธอไม่ค่อยออกไปไหนกับผม โดยเฉพาะต่างประเทศ เธอไม่เคยติดตามผมไปไหน เธอต้องการอยู่อย่างเงียบๆ เธอไม่ชอบการเมืองเลยแม้แต่สักนิดเดียว แต่เธอเข้าใจดีว่าผมต้องกลับไปเล่นการเมือง เธอเลยบอกกับผมว่า: “น้องไม่สามารถห้ามพี่เข้าไปเล่นการเมืองได้อีกต่อไป เพราะพี่เห็นแก่ผู้ที่สนับสนุนทางพี่ แต่พี่ต้องเห็นใจน้องด้วย น้องรับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มันมากเกินไปสำหรับชีวิตของน้อง ทางที่ดีเราควรหย่ากัน” เราจึงหย่ากันด้วยความเข้าใจกัน เราช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการดูแลลูก แต่ถ้าเรื่องการเมืองแล้ว เธอพูดว่า “ขอร้องเถอะค่ะ – น้องไม่ต้องการเข้าไปยุ่งอีกต่อไปแล้ว” เธออยู่ที่ประเทศไทย และตั้งแต่หย่าแล้วเราไม่ได้เจอกันอีกเลย

(ในเรื่องการปรับปรุงสถาบันกษัตริย์) เมื่อโลกเปลี่ยนแปลง ทุกๆอย่างต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเหมือนกับร่างกายมนุษย์ เมื่อคุณแรกเกิดเป็นทารก หัวใจจะมีขนาดเล็กมาก แต่เมื่อโตขึ้น หัวใจก็จะต้องโตตามร่างกายที่เติบโตนั้น เราจะมีหัวใจทารกในร่างของผู้ใหญ่ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ทุกสถาบัน ไม่เพียงแต่สถาบันกษัตริย์ ทุกๆสถาบันก็เหมือนกันหมด – ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับอะไรที่กำลังเปลี่ยนแปลง

หมายเหตุไทยอีนิวส์:พวกปฏิกริยาล้าหลังยังมักกล่าวว่าหากทักษิณไม่ได้พูดหมิ่นฯแล้วทำไมต้องออกแถลงการณ์ประณามTIMES ...ซึ่งความจริงแล้วทักษิณประณามการพาดหัวข่าวของTIMESที่เป็นการตีความไปเองของTIMESทำให้คนเข้าใจผิดว่าเขามีจุดมุ่งหมายในทางร้ายต่อสถาบันกษัตริย์(ข่าวพาดหัวข่าวดังกล่าวโดนทางการไทยปิดกั้นไปแล้ว และพวกปฏิกริยาล้าหลังได้นำไปขยายผลให้ร้ายทักษิณ และอันธพาลการเมืองพันธมิตรได้หาเหตุจัดการชุมนุมทางการเมืองขึ้นในวันที่ 15 พ.ย.)