ที่มา ไทยรัฐ
มาตามนัด
ล่าสุดช่วงสายวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว เหินฟ้าถึงท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาแล้ว ท่ามกลางการต้อนรับของสมเด็จฯฮุน เซน ที่ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปรอรับถึงบันไดเครื่อง พร้อมกับส่งทีมการ์ดส่วนตัวไปคุ้มกัน มีรถนำขบวนตลอดเส้นทาง
ทีวีเขมรถ่ายทำข่าวแบบเกาะติดช็อตต่อช็อต
ท่ามกลางการเกาะติดสถานการณ์ของสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ ทั้งเอเอฟพี สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น สำนักข่าวซินหัวของจีน ฯลฯ ประโคมข่าวไปทั่วโลก
"ทักษิณ" อยู่ห่างเมืองไทยแค่ชายแดนกั้น
โดยเกม "Catch me if you can" ท้าทายรัฐบาลประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และฝ่ายถืออำนาจจะโชว์ทีเด็ดอะไร
ที่มากกว่าใช้ปากขู่คำรามออกอากาศ จะเผด็จศึกกันท่านั้นท่านี้
หรือว่าทำได้แค่ "เทกแอ็กชั่น" โหนกระแสชาตินิยม ปั่นแต้มโพลได้แค่นั้น
แต่ทั้งหมดทั้งปวง ภายใต้ฉากเตรียมบู๊ใหญ่ โดยเกมเร้าสงครามขั้นแตกหักของอดีตนายกฯทักษิณที่บินมาจ่ออยู่แค่ปลายจมูกของฝ่ายถืออำนาจในเมืองไทย
ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็เดินหน้าแท็กทีม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดทำเนียบรัฐบาลรับลูกจากแกนนำม็อบพันธมิตรฯ
ส่งสัญญาณจะดำเนินมาตรการขั้นรุนแรงตอบโต้หนักขึ้นเป็นลำดับ
โดยสงครามรบกับ "นายใหญ่" รัฐบาลประชาธิปัตย์ยังมี "ตัวช่วย" ในประเทศอีกเยอะ "อภิสิทธิ์" ยังถือแต้มต่ออยู่หลายช่วงตัว
แต่ในสถานการณ์มั่วๆ "รัฐบาลอภิสิทธิ์ชน" จะคว่ำหรือหงาย
คำตอบมันอยู่ที่เสียงในสภาผู้แทนราษฎรต่างหาก
กับสัญญาณใกล้ถึงฉากอวสาน ล่าสุดการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) มีอันต้องแท้งกลางคัน
องค์ประชุมสภาล่มซ้ำซากติดๆกันเป็นครั้งที่ 7 ในรอบ 8 เดือน
ต้องบันทึกเป็นสถิติใหม่
ท่ามกลางเสียงโห่ไล่ของ ส.ส.ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ให้ยุบสภาไปเลย
แน่นอนฝ่ายค้านก็ต้องเล่นตามเกมอยู่แล้ว แต่งานนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายรัฐบาลเต็มๆที่ต้องคุมเสียงในสภาฯให้แน่นตลอดเวลา
และก่อนหน้านี้ก็เห็นอาการเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังของ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ผู้จัดการใหญ่รัฐบาล เทกแอ็กชั่น สั่งกำชับเรื่องการประชุมของผู้แทนฯในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเอง รวมไปถึงการกำชับวิปรัฐบาล
รู้อยู่เต็มอกว่า การคุมเสียงกำลังมีปัญหา
แต่ก็ยังเกิดคิวสภาล่มซ้ำซาก ประจานรัฐบาลคุมเสียงไม่อยู่
ที่แน่ๆถ้าเบื้องหลังเป็นอย่างที่นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ตั้งแง่สงสัยเป็นทำนอง "ตอกลิ่ม" ก่อนถึงคิวการพิจารณาบันทึกการประชุมเจบีซี มีคนอยู่ในที่ประชุม 400 กว่าคน
แต่เมื่อฝ่ายรัฐบาลเสนอประชุมลับขณะที่ ส.ว.กับ ส.ส.ฝ่ายค้าน และ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลบางพรรคคัดค้าน โดยขอให้ประชุมเปิดเผย จึงมีการต่อรองกันจนต้องถอนเรื่องออกจากวาระก่อนองค์ประชุมสภาล่ม
แสดงถึงการบริหารเสียงไม่มีประสิทธิภาพ อยู่ต่อไปก็ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
โดยจังหวะ "ตัวแปร" อยู่ที่เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่ไปร่วมวงกับ ส.ส.ฝ่ายค้าน และ ส.ว.ในซีกที่ไม่เอาด้วยกับรัฐบาลประชาธิปัตย์
เปิดช่องให้ฝ่ายค้านตอกลิ่มขยายผล
ลึกๆพรรคร่วมรัฐบาลกับแกนนำอย่างประชาธิปัตย์ก็มี "อาการทางใจ" กันอยู่
ไม่ต้องเจาะลึกอะไร เอาแค่ตามร่องรอยที่ปรากฏให้เห็นรายวัน
ล่าสุดกับปรากฏการณ์ "ปล่อยของ" ออกมาจากฝ่ายประชาธิปัตย์ อ้างว่าเป็นคนสาย "เทพเทือก" ออกตัว ปัดคิววุ่นๆในการประชุม ก.ตร.จัดโผโยกย้ายบิ๊กตำรวจที่คาราคาซัง จบไม่ลงเสียที ไม่ใช่เพราะติดเด็กเส้นในโพยของ "เทพเทือก" ที่ไปทับสัมปทานกับโพยบน "วอลเปเปอร์" ของนายกฯอภิสิทธิ์
ประชาธิปัตย์ไม่ได้แย่งชามน้ำข้าวกันเอง
แต่คิวที่วุ่นวาย เป็นเด็กฝากจากค่ายภูมิใจไทยต่างหาก
เอะอะก็โบ้ยขี้ใส่เพื่อน มันจะอยู่กันได้ยังไง.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน