WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, November 12, 2009

2 ทศวรรษ ‘ปชป.’ เป็นรัฐบาลด้วยวิธีใด?

ที่มา บางกอกทูเดย์

ในช่วงที่บรรยากาศทางการเมืองกำลัง“ร้อนระอุ” ด้วยองศาร้อนแรงต่างๆที่ปรากฏขึ้น...ทำให้พรรครัฐบาลที่มาจาก“ประชาธิปัตย์” กำลังสับสนระแวดระวัง...มึนงง จนบางครั้งถึงกับ“โซซัดโซเซ” ยืนไม่ติดในฐานที่มั่นครั้นจะเอาหลังพิงเชือกเพียงอย่างเดียว

ก็ไม่ไหว...ครั้นจะตอบโต้อะไรออกไปแรงๆก็เกรงจะกระทบกับหลายสิ่งที่จะตามมาสัญญาณหลายๆ อย่างที่เริ่มเด่นชัดขึ้นกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยามนี้...เริ่มละม้ายคล้าย “เสือลำบาก” เข้าไปทุกขณะจิตเข้าใจว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บางครั้งก็คิดจะทำอะไรที่ให้ตรงกับเจตนาของตนอยู่บ้าง แต่ทำได้ไม่ถนัดเพราะหันซ้ายก็เพื่อน หันขวาก็พรรคพวก...ก้มหน้าก็โดนกลุ่มม็อบที่เชียร์ตนบีบเข้าที่กลางหว่างขา แหงนหน้าก็กลัวอะไรบางอย่างถ่มลงมารดหน้าตัวเอง

นี่แหละคือ “รสชาติ” ของการมีอำนาจแห่งการเป็นรัฐบาลที่ได้มาจาก วิธีพิเศษทุกอย่างจำเป็นต้องมีลูกอึดอัดเป็นธรรมดา...ซึ่งบางอย่างปฏิเสธไปบ้างก็หาว่าลืมตัว บางอย่างยอมทำตามก็ถูกครหาว่าเป็นแค่เพียง “กุมารทอง” ในคาถากำกับของใครบางคนคิดๆแล้วก็กลุ้ม ...หากความกลุ้มรุมเร้า้มากๆ เข้า “ยุบสภา” ไปว่ากันใหม่ก็หมดเรื่องแต่คงไม่ได้อีก...เพราะเมื่อดูจากสถิติในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองอันนามว่า“ประชาธิปัตย์” ไม่เคยมีประวัติอันสง่างาม

แม้แต่สักครั้งเดียวเกี่ยวโยงถึง “การเลือกตั้ง”“ประชาธิปัตย์” ไม่เคยวัดผลกันที่“ชนะขาด” แล้วได้เป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลอย่าว่าแต่การจัดตั้งรัฐบาลแบบพรรคเดียวเบ็ดเสร็จ แค่จัดตั้งรัฐบาลผสมก็ไม่เคยมีปรากฏในประวัติศาสตร์การเมืองไทยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาในยุค “พลเอกชายชาติ ชุณหะวัณ”ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วถูกปฏิวัติรัฐประหารเลือกตั้งใหม่“ป๋าเหนาะ” เสนาะ เทียนทองก็ใส่เกียร์จนทำให้ “บรรหาร ศิลปอาชา”

ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีกระทั่งสร้างรอยร้าวจากการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยการสาดสงครามนํ้าลายหลายรูปแบบ ชนิดงัดโคตรเหง้า มาเล่นกันท้ายที่สุดจึงเกิด “กลุ่มงูเห่า” แล้วยกมือให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลนั่นคือ ยุคชวน 1 และการได้มาซึ่งอำนาจของรัฐบาลประชาธิปัตย์ แต่สุดท้ายก็โดน ส.ป.ก. 4-01 กระหนํ่าจนต้องยุบสภาต่อมามีการเลือกตั้งครั้งใหม่เมื่อหมดสมัย“พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ” ในนาม พรรคความหวังใหม่ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

แต่โดนพิษ “ฟองสบู่แตก” ซึ่งต่อเนื่องมาจาก สัญญาบางฉบับ ที่บางพรรคการเมืองทำเอาไว้กับ ต่างชาติส่งผลให้ “บิ๊กจิ๋ว” ต้องประกาศลาออก...แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้กลับมาครองอำนาจ อีกเป็นครั้งที่สอง ที่เรียกว่ารัฐบาลชวน 2แม้ว่าคราวนี้ไม่มีพรรคฝ่ายค้าน...แต่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่จนครบเทอม จนมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ขึ้นด้วย “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ที่มาจากประชาชนแท้ๆเรียกว่า รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2540มาสู่ยุคพรรคการเมืองคลื่นลูกใหม่ที่มี

แนวคิดนโยบายเข้าถึงเข้าใจความต้องการของประชาชนอย่าง พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งอย่างมหาศาล และก็ได้จัดตั้งรัฐบาลต่อมาเกิดปัญหาการเมืองขึ้นต่างๆนานา...กระทั่งต้องยุบสภามาเลือกตั้งใหม่และแนวโน้มของ พรรคไทยรักไทยได้มาทั้งหมด 19 ล้านเสียงจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว!กระทั่งมาเกิดรัฐประหาร 19 กันยายน2549 และได้รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2550ซึ่งการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้หวยก็ยังออกที่“พรรคพลังประชาชน”ซึ่งเป็นชื่อใหม่ของพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบไป...แต่นายกรัฐมนตรีภายใต้ร่มเงา“พลังประชาชน” มิอาจรับไม้ต่อ เพราะโดนยึดทำเนียบ แล้วจากนั้นก็โดนให้ยุบ

พรรคฯ กลายมาเป็น พรรคเพื่อไทยในการเป็น พรรคเพื่อไทย มาถึงจุดไคลแม็กซ์ ซึ่งได้เกิดกลุ่มที่ตีใจออกห่างไปยกมือให้ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาลภายใต้การนำของ นายกฯ มาร์คที่กล่าวมาทั้งหมดได้ทำให้เห็นซึ่งการได้มาของอำนาจแห่ง “พรรคประชาธิปัตย์” และเป็นการได้อำนาจมาด้วย “วิธีพิเศษ” ทั้งสิ้นฝากไปยังท่าน นายกฯ รูปงามว่าอยากจะสง่างามจริงๆ กับการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่...เพราะจริยธรรมของบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นต้องดูตั้งแต่เริ่มแรก

ว่า...ประชาชนเขาเลือกคุณมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเขาเห็น“คุณค่า” และ “สิ่งดีๆ”อะไรในตัวคุณอย่าได้อาศัยภาวการณ์ต่างๆ ของบ้านเมือง เพื่อทำให้ตนมีอำนาจในด้านการบริหาร เพราะมันหย่อนซึ่งความสง่างามเลิกเล่นเสียทีการเมืองนํ้าเน่าแบบเดิมๆ...ยิ่งกระแสการเมืองยามนี้ “กำลังเร่ง” ทำให้พวกตบะไม่กล้าแข็งถึงกับ“ตบะแตก” เอาง่ายๆรีบทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ประชาชนยอมรับ...เพราะไม่แน่ว่า “หัวโขน”ที่ท่านสวม...วันหนึ่งวันใดมันอาจหลุดลอย!!