ที่มา Thai E-News
โดย คุณ หมัดเหล็ก
ที่มา เวบไซต์ ไทยรัฐ
14 พฤศจิกายน 2553
การชุมนุมของพันธมิตรฯในวันพรุ่งนี้ มีสองนัยสำคัญ ประท้วงกัมพูชา แสดงความรักชาติ และต่อต้านทักษิณ ก็เผอิญสอดคล้อง เป็นแนวทางเดียวกับรัฐบาล ที่มีจุดยืนเรื่องนี้ร่วมกันมาตั้งนานแล้ว
ใครว่าพรรคการเมืองใหม่กับพรรคประชาธิปัตย์ขัดคอกัน น่าจะเป็นภาพลวงตามากกว่า
ก็เลยมีการจับตาว่า รัฐบาลจะกระเหี้ยนกระหือรือรับมือคนเสื้อเหลืองอย่างไร รัฐบาลตำรวจก็เนือยๆ รอให้มีเหตุการณ์ร้ายแรงก่อนค่อยประกาศกฎหมายฉุกเฉิน ต่างจากตอนเสื้อแดงชุมนุมเป็นหน้ามือกับหลังมือ
ตรงนี้กระมัง ที่ทำให้เกิดความข้องใจว่า รัฐบาลนี้เป็นนิติรัฐหรือไม่ มีมาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมายอย่างไร เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน
ก็อย่างที่บอก ลองไปอ่านบทสัมภาษณ์ของฮุน เซนดู ยิ่งกว่าฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯและรัฐบาลซะอีก รู้ลึกรู้จริงรู้ว่า คนไทยใส่เสื้อกี่สี รู้ถึงที่มาที่ไปของรัฐบาลชุดนี้ด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้น การแสดงออกของนายกฯกัมพูชา จึงค่อนข้างที่จะเสียดสี นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลชุดนี้โดยเฉพาะ ไม่แตะต้องคนไทย ไม่แตะต้องสถาบัน
อะไรที่ไม่โปร่งใสก็ไม่โปร่งใส วันยังค่ำ นักโทษการเมืองที่หนีคดีไปอยู่กัมพูชาก็หลายคน รัฐบาลไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะขอตัวคนเหล่านี้มาลงโทษ แต่ถ้าเป็นทักษิณ ต้องทุบ เลยเป็นที่คาใจ
ปิดสนามบิน ยึดทำเนียบ ไม่มีประเทศไหนในโลกเขาทำกัน มีแต่บ้านเรา ที่สำคัญก็คือ ทำแล้วยังลอยนวลอยู่ได้ ลอยนวลก็ไม่เท่าไหร่ ยังได้รับการสมนาบุญคุณอีกเพียบ ยังได้ปูนบำเหน็จเป็นรัฐมนตรี สุดจะบรรยาย
หลายประเทศจับตาอยู่กับการเมืองในบ้านเรา เพียงแต่ไม่แสดงออก เนื่องจากรักษามรรยาทสากลเอาไว้
ที่เขาสงสัยก็คือ เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยจริงหรือ
ผู้นำต่างประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ผ่านมา รัฐบาลน่าจะรู้ อยู่เต็มอกว่า เป็นเพราะอะไร ไม่อยากเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน เพียงเขาต้องการรักษาหน้าประเทศเจ้าภาพ และไม่อยากให้มองว่า กลุ่มประเทศอาเซียนแตกแยก
การตัดสินใจบางอย่างของรัฐบาลดูจะเด็กเกินไป ใช้อารมณ์ เกินไป อ่านบทสัมภาษณ์ คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ แล้วจะเห็นว่า มุมมองระหว่างมืออาชีพกับมือใหม่ต่างกันอย่างไร
การทบทวน MOU ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะหมายถึงผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ มีมาตรการอื่นตั้งเยอะ แค่พื้นที่ทับซ้อนตามไหล่ทวีป แบ่งเป็น 3 โซน ฝั่งไทยตรงกลาง และฝั่งกัมพูชา
ฝั่งไทยมีน้ำมันน้อยที่สุด ตรงกลางมีน้ำมันพอสมควร ฝั่งกัมพูชามีน้ำมันมากที่สุด โดยรวมก็คือ ฝั่งเราประเทศเราได้ร้อยละ 60 ตรงกลางคนละครึ่ง ฝั่งกัมพูชา ประเทศกัมพูชาได้ร้อยละ 60 เราได้ 40
ถ้ายกเลิก กัมพูชาก็คงไม่เดือดร้อน คนที่เดือดร้อนน่าจะเป็นเราต่างหาก
เกมการเมืองที่เล่นกันเกินจริง เอะอะก็รักชาติ ยังมามั่วดึงสถาบัน ดึงประเทศ ดึงประชาชนไปร่วมขบวนการรักชาติอยู่คนเดียวด้วย.