ที่มา ประชาไท
จตุพร พรหมพันธ์ยืนยันชุมนุม 10 ธ.ค. ทักษิณเตรียมโฟนอินเพื่อนำเสื้อแดงจุดเทียนถวายพระพรพระเจ้าอยู่หัว เนื้อหาปราศรัยเน้นรำลึกรัฐธรรมนูญไม่ขับไล่อภิสิทธิ์ ใครขวางเสื้อแดงชุมนุมแสดงว่าไม่ควรเกิดมาเป็นคนไทย และไม่รู้จักรัฐธรรมนูญ ด้านพร้อมพงศ์แจงเหตุถอนประกันตัวศิวรักษ์ ทำตามคำแนะนำทนายใหม่ ช่วยลดขั้นตอนการไต่สวนจะได้ใช้เวลาตัดสินคดี 8 ธ.ค. ครั้งเดียว
‘ตู่’ อ้างชุมนุม 10 ธ.ค. เพื่อถวายพระพรในหลวงและรำลึกวันรัฐธรรมนูญ
วานนี้ (5 ธ.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงการชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค. นี้ว่า จะเริ่มชุมนุมโดยตั้งเวทีตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืนของวันที่ 10 ธ.ค. โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะวีดีโอลิงค์จากต่างประเทศมายังเวทีชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในช่วงค่ำ เพื่อเป็นผู้นำคนเสื้อแดงร่วมจุดเทียนถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จากนั้นจะนำคนเสื้อแดงร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีมหาราชา สำหรับหัวข้อในการปราศรัยจะยังไม่ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะวาระในวันดังกล่าวจะเน้นรำลึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรก ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการอภิปรายเรื่องรัฐธรรมนูญตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 รวมถึงประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญทั้ง 18 ฉบับ โดยเฉพาะ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และ 2550
เมื่อถามถึงความเหมาะสมในการชุมนุมระหว่างเดือนที่มีการเฉลิมฉลองวันพ่อแห่งชาติ นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าใครคิดว่าการที่คนเสื้อแดงจัดงานถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วเป็นเรื่องไม่เหมาะสม คนนั้นก็ไม่ควรเกิดเป็นคนไทย เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินของคนไทยทั้ง 63 ล้านคน ไม่ใช่เฉพาะของรัฐบาลเท่านั้น หากใครจะขัดขวางการชุมนุมของคนเสื้อแดง ก็แสดงว่าไม่รู้จักรัฐธรรมนูญเพราะคนเสื้อแดงใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการชุมนุม
พร้อมพงศ์แจงเหตุถอนประกันตัวศิวรักษ์ ช่วยลดขั้นตอนในการไต่สวน
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายเสงี่ยม บุญจันทร์ เลขาธิการสภาทนายความแห่งประเทศไทย ระบุว่าการยกเลิกขอประกันตัวนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรที่ถูกกัมพูชาควบคุมตัว ไม่ได้ทำให้กระบวนการพิจารณาของศาลเร็วขึ้นแต่อย่างใด โดยนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การถอนประกันตัวนายศิวรักษ์ เพื่อรอฟังการพิจารณาของศาลกัมพูชาในวันที่ 8 ธ.ค.นั้น เป็นการตัดสินใจของนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์ โดยเป็นไปตามคำแนะนำของนายเขียว สัมโบ ทนายความคนใหม่ ที่ตั้งขึ้นแทนนายเกา โสภา ทนายความที่กระทรวงการต่างประเทศจัดหาให้
ทั้งนี้ ตนทราบจากนางสิมารักษ์ ว่า นายเขียว ได้ให้คำแนะนำระบุว่าหากถอนประกันจะเป็นการช่วยลดความยุ่งยากในขั้นตอนการไต่สวนของศาลกัมพูชาลง เพราะไม่ต้องใช้เวลาไต่สวนเพื่อจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่และจะได้ใช้เวลาสำหรับการพิจารณาในวันที่ 8 ธ.ค.ครั้งเดียว ซึ่งตนเห็นว่า ข้อแนะนำดังกล่าวเป็นการแนะนำโดยทนายความผู้เชี่ยวชาญกฎหมายกัมพูชา ซึ่งก็น่าจะรู้กฎหมายกัมพูชาดีกว่านักกฎหมายของไทยที่รู้เพียงกฎหมายไทย ไม่สามารถระบุได้ว่ารายละเอียดกฎหมายกัมพูชาเป็นอย่างไร อีกทั้งคดีนี้ เป็นคดีที่อยู่ภายใต้กระบวนการยุติธรรมของกัมพูชานักกฎหมายกัมพูชา ย่อมรู้มากกว่านักกฎหมายไทย ซึ่งข้อแนะนำดังกล่าวมารดาและหัวหน้าของนายศิวรักษ์ในบริษัทที่ทำงานในกัมพูชาก็ยอมรับได้