WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, December 8, 2009

บทเรียนสอนใจเหตุเพราะ"สิ้นหวัง"

ที่มา มติชน

คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12

โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ



คล้ายกับว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเปลี่ยนพรรคแกนนำรัฐบาลจากพรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นพรรคอื่น เพราะถ้าไม่ใช่ประชาธิปัตย์ก็ต้องเป็นพรรคเพื่อไทย ซึ่งการเมืองก็จะวุ่นวายอยู่ดี

แม้ว่าประชาชนส่วนหนึ่งจะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่ฝ่ายต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเมืองไทยไม่เห็นตาม การต่อต้านช่องทางที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมามีอำนาจยังดำเนินการอย่างจริงจัง และไม่ยอมถอย

อย่างไรเสียหากต้องการความสงบทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำยังอำนวยให้เกิดขึ้นได้มากกว่าพรรคเพื่อไทย

ทุกพรรคยังมีความสุขกับมีอำนาจบริหารประเทศ ไม่มีใครอยากพ้นจากอำนาจ

ดูเหมือนว่าความเปลี่ยนแปลงไม่ควรจะเกิดขึ้น

คำถามก็คือว่า ทั้งที่แทบมองไม่เห็นเหตุผลอะไรที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่ทำไมกระแสเสียงที่เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะๆ และนับวันจะแรงขึ้นทุกขณะ จนเชื่อกันไปแล้วว่าน่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในเร็ววันนี้

นั่นเป็นคำถามที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีวันเข้าใจเด็ดขาด หากมองในทางปกป้องตัวเอง

นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์เองยังทำเหมือนไม่เข้าใจ เพราะเชื่อว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทุ่มเทและมากด้วยผลงาน

เช่นเดียวกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ไม่มีทางเข้าใจ เมื่อมองเห็นแต่ด้านบวกของนายอภิสิทธิ์

จะเข้าใจได้อย่างไรในเสียงเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลง หากมองว่าทำงานกันดีอยู่แล้ว

จะเข้าใจได้ต้องมองอีกมุมหนึ่ง โดยตั้งคำถามว่า ที่มาของเสียงเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงนั้นเกิดจากอะไร

ตัดเสียงของฝ่ายตรงกันข้ามที่เชื่อว่าเสนอด้วยอคติออกไปเลยก็ได้ ดูกันเฉพาะเสียงที่เห็นว่าน่าจะเป็นเสียงสะท้อนที่บริสุทธิ์ อย่างเช่นเสียงของนักธุรกิจ หรือกลุ่มประชาชนที่เคยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ว่าทำไมถึงได้เปลี่ยนไปในวันนี้

มองให้ดีแล้วจะเห็นว่ามันมีคำตอบบางอย่างอยู่

ผลงานที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามความคาดหวังคือสาเหตุของเสียงที่เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลง

ต่างคนต่างรู้ว่าการเมืองเป็นต้นเหตุของความยุ่งยากทั้งหมด มีความคาดหวังว่าเมื่อพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นแกนนำรัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหานี้ให้หมดไป

แน่นอนทุกคนเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคลี่คลาย เพราะความแตกแยกของคนในชาตินั้นถูกกระทำให้ขยายทั้งในด้านกว้างและลึก

ที่ต้องการเห็นคือความพยายามของรัฐบาลที่จะทุ่มเทแก้ไข

ทว่าช่วงที่ผ่านมา นอกจากไม่เห็นความพยายามในเรื่องนี้แล้วกลับกลายเป็นพรรคประชาธิปัตย์เองกลับเข้าไปแสดงบทบาทขยายความขัดแย้งเสียเอง

จากผู้มีหน้าที่ต้องเชื่อมประสานให้ความแตกแยกเบาบางลง กลับทำตัวเป็นคู่กรณี คู่ขัดแย้งเสียเอง

ความเบื่อหน่ายของประชาชนต่อการเมืองที่เป็นปัญหาของทุกเรื่องราวสะท้อนออกมาในเสียงเรียกร้องให้มีการปลี่ยนแปลงในรัฐบาล

สะท้อนให้เห็นความผิดหวัง

หมดหวังที่รอพรรคประชาธิปัตย์ในการคลี่คลายความขัดแย้ง

ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปรับเปลี่ยนรัฐบาล เพราะไม่ว่าใครมาเป็นก็ไม่มีอะไรดีกว่านี้

แต่หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่พิจารณาตัวเอง ว่าทำไมจึงทำให้ประชาชนเลิกคาดหวัง

แม้ยังมองไม่เห็นทางเลือกอื่น ประชาชนก็อยากจะเปลี่ยน

เปลี่ยนเพราะหมดหวังกับพรรคประชาธิปัตย์