ที่มา บางกอกทูเดย์
ฉะนั้นเสียงเรียกร้องในทางประชาธิปไตยในรูปแบบปกติในวันนี้ ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้เลยสำหรับสถานการณ์การเมืองภายใต้รัฐบาลประชาธิปัตย์ และนายกฯ อภิสิทธิ์คนนี้ดังนั้นแม้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะถือฤกษ์วันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม เป็นวันนัดชุมนุมใหญ่ แต่ก็เชื่อว่าคงไม่ได้ผลอะไร
บนกระแสสังคมที่โหมย้ำเตือนในเรื่องของการสนองรับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าควรจะต้องสมานฉันท์อย่างแท้จริงเสียทีสะท้อนชัดเจนว่า ประชาชนเอือมระอาการซื้อเวลาการประวิงเวลาทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้เป็นอย่างมากแล้วเพราะไม่รู้ว่าจะจบจะสิ้นลงเมื่อใดประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งที่แท้จริงโชคร้ายที่บังเอิญพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่มีความเชื่อมั่น
ในชัยชนะที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งเพราะแม้ว่าจะมีแผนบันใดอุบาทว์ 4 ขั้นของคมช. มาช่วยหนุนส่ง แต่การซื้อใจประชาชนแบบฉาบฉวย ยังไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถการันตีได้ว่า จะชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทางการเมืองได้จริงๆ แม้แต่อดีตประธาน คมช. พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ก็ยังไม่ได้เข้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไปเข้าพรรคมาตุภูมิ และมุ่งเจาะฐานเสียงในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลักเช่นกันกับ พรรคการเมืองใหม่ ของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเมื่อครั้งร่วมปฏิบัติการขับไล่ พ.
ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงจากเก้าอี้เมื่อปี 2549 และหนุนส่งให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจและทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องตอบแทนบุญคุณด้วยการแต่งตั้งให้นายกษิต ภิรมย์ แกนนำพันธมิตรฯ ที่นำคนบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ท่ามกลางเสียงท้วงติงดังขรมไปทั้งประเทศแล้วก็จริงๆ เพราะนายกษิตเข้ามาแล้วก็สร้างปัญหาสารพัด จนวันนี้ขนาดคนไทยถูกจับกุมตัว แต่ทั้งนายกษิต รวมไปจน
ถึงผู้ช่วยรัฐมนตรี และเลขานุการรัฐมนตรี ยังสอบตกวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพราะยังยืนกรานดันทุรังโยงเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณไม่หยุดหย่อนเนื่องจากรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรนายอภิสิทธิ์ ก็ไม่มีทางเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีต่างประเทศแน่ๆถึงแม้ว่าเวลานี้นายอภิสิทธิ์ยังกระเตงอุ้มนายกษิตอยู่ก็จริง แต่เมื่อเวลานี้กลุ่มพันธมิตรฯ หาจุดยืนในอนาคตด้วยการตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา ก็กลายเป็นต้องลงชนในพื้นที่ภาคใต้และพื้นที่กรุงเทพฯ กับพรรคประชาธิปัตย์เต็มๆ ไปอีก
เช่นกันเช่นเดียวกันกับที่นายกษิต ก็ต้องการใช้พรรคประชาธิปัตย์ฟอกตัว จึงไม่คิดกลับไปอยู่พรรคการเมืองใหม่เหมือนกันการเมืองไม่เคยมีมิตรแท้ฉันใด... เฉพาะแค่ในแวดวงเกลอเก่า พรรคประชาธิปัตย์ยังเจอปราการรอบด้านฉันนั้นโดยที่ยังไม่นับพรรคคู่แข่งโดยตรงอย่างพรรคเพื่อไทยรวมกระทั่งถึงพรรคหอกข้างแคร่อย่างพรรคภูมิใจไทยของนายเนวิน ชิดชอบ ที่คนประชาธิปัตย์โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่น
คง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ตอนที่ทำหน้าที่ผู้จัดการรัฐบาลนั้นรู้ดีว่าคนอย่างนายเนวิน พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงขั้วทางการเมือง หรือจุดยืนทางการเมืองได้ง่ายดายไม่ต่างกับการพลิกลิ้นกลับไปกลับมาเล่นภายในปากขอแค่มองเห็นผลประโยชน์ทางการเมืองที่จะได้รับในอนาคตเป็นตัวตั้งที่สำคัญเท่านั้นสถานการณ์รุมรอบด้านแบบนี้ ต่อให้เรียกร้องอย่างไรก็ตาม ต่อให้ประชาชนเอ่ยอ้างวันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม ว่าจะมาถึงในวันพรุ่งนี้แล้ว ควรคืนอำนาจให้
ประชาชนเลือกตั้งใหม่ได้แล้วลืมไปเถอะ ต่อให้เรียกร้องจนน้ำท่วมหลังเป็ด หรือเปียกปอนนายอภิสิทธิ์สักเพียงใด ถ้ายังมองไม่เห็นโอกาสชนะการเลือกตั้งนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีทางให้มีการเลือกตั้งแน่ๆ... ยื้อเวลาไปเรื่อยๆ นั่นแหละก็แม้แต่การปรับ คณะรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่า ระยะอันใกล้น่าที่จะมีโอกาสปรับ ครม.ได้แล้ว เพราะนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขานุการนายกรัฐมนตรีมานานแล้ว รวมทั้งน.พ.พฤฒิชัย ดำรง
รัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็อาจจะต้องเด้งจากเก้าอี้ เพราะพิษถือหุ้น ซึ่งเป็นข้อต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ม. 269 พรรคร่วมรัฐบาลจึงเรียกร้องให้มีการปรับ ครม.แต่นายอภิสิทธิ์ ก็ยังคงเห็นความจำเป็นในการที่ต้องซื้อเวลาต่อไปอีกระยะ จึงไม่ขานรับพรรคร่วมรัฐบาล โดยออกลูกไปในทำนองที่ว่า...ถ้าพรรคร่วมอยากปรับก็ปรับแต่พรรคร่วมไปก่อนพรรคชาติไทยพัฒนาอยากจะปรับ... ก็ตามใจ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ จะวางมือทางการเมือง... ก็เชิญตาม
สบายแต่พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ปรับแน่... ขืนปรับพรรคก็แตกเท่านั้นเองฉะนั้นเสียงเรียกร้องในทางประชาธิปไตยในรูปแบบปกติในวันนี้ ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้เลยสำหรับสถานการณ์การเมืองภายใต้รัฐบาลประชาธิปัตย์ และนายกฯ อภิสิทธิ์คนนี้ดังนั้นแม้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะถือฤกษ์วันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม เป็นวันนัดชุมนุมใหญ่ แต่ก็เชื่อว่าคงไม่ได้ผลอะไรแถมยังเจอปฏิบัติการโจมตีว่า ชุมนุมทำลายบรรยากาศบ้าง ชุมนุมกระทบการจัดงานเฉลิมพระเกียรติบ้างใส่ไข่ไปถึง
ขั้นว่าจะเอาคนต่างด้าวมาร่วมชุมนุมด้วยไปโน่นเลยทั้งๆ ที่กลุ่มคนเสื้อแดง ยืนยันหนักแน่นแล้วว่าการชุมนุมจะไม่ส่งผลต่อการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เพราะตรวจสอบแล้วพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไม่มีการจัดงานใดๆ ที่สำคัญการชุมนุมจะเริ่มในเวลา 12.00-24.00 น. โดยการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ และไม่มีการเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่เพราะเป็นการชุมนุมที่ถือว่าเป็นการจัดกิจกรรมวันรัฐธรรมนูญของปีนี้ ฉะนั้นจึงจะไม่เลื่อนหรือไม่เลิกแน่เจอแบบนี้ไม่รู้เหมือนกัน
ว่า ระหว่างนายกฯ เด็กดื้อ กับกลุ่มเสื้อแดง สีทนได้ ใครจะทนดื้อได้นานกว่ากันในสถานการณ์การเมืองเขม็งเกลียวเช่นนี้เพราะในเมื่อนายอภิสิทธิ์ ไม่ยอมรับในทุกเรื่อง ซึ่งถือเป็นความสามารถพิเศษ และความกล้าหาญทางการเมืองอย่างมาก ก็ขนาดตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติคนใหม่ นายอภิสิทธิ์ ยังกล้าดื้อลากยาว โดยไม่สนสัญญาณใดๆ ทั้งสิ้นแบบนี้หากใครยังไม่ชมว่าดื้อทะลุขีดจำกัด... ก็ต้องถือว่าลำเอียงเกินไปแล้วเมื่อบุคลิกของนายอภิสิทธิ์ ใน
วันนี้เป็นแบบนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงที่จะใช้วันรัฐธรรมนูญทวงการเมือง ทวงการเลือกตั้ง ทวงประชาธิปไตยที่แท้จริงเหนื่อยเปล่าแน่นอนดูแล้วรัฐบาลประชาธิปัตย์ สามารถที่จะแฮปปี้นิวเยียร์ ซื้อเวลาจนอยู่ได้ข้ามไปปี 2553 หรือ 2010 ได้แน่... อย่างน้อยก็เดือนมกราคมที่เห็นอยู่ลางๆ แล้วเพราะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงก็บอกแล้วว่า คงต้องรอให้เดือนมหามงคล ในเดือนนี้ผ่านพ้นไปก่อน เพราะคนไทยทุกคนรักสถาบันด้วยกันทั้งนั้นแต่หลังจากนั้นแล้วการเมืองจะกลับสู่ภาวะ
ปกติ การต่อสู้ทางความคิดการเมืองระหว่างชนชั้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนอาจจะหลีกเลี่ยงไม่พ้นแล้ว เพราะคงปล่อยให้นายอภิสิทธิ์ ใช้เกม “ทน ดื้อ ซื้อเวลา” ต่อไปไม่ไหวแล้วงานนี้ทำให้อุณหภูมิการเมืองในปีหน้าร้อนฉ่าล่วงหน้าข้ามปีกันเลยทีเดียวปัญหาก็คือแล้วการขัดแย้งทางการเมืองในลักษณะนี้จะจบสิ้นลงเมื่อใดมีนักรัฐศาสตร์และนักนิติศาสตร์หลายคนที่เห็นว่า ความขัดแย้งจะยุติได้ก็ต่อเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายแต่ก็ไม่มีใครกล้าแหลมออกมา
พูดดังๆ ในเวลาที่สังคมแบ่งเป็น 2 ขั้วเช่นนี้ยิ่งเรื่อง 2 มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับด้านกฎหมายด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีใครกล้าที่จะการันตีว่า ถ้าการเมืองยังเป็นเช่นนี้ จะไม่มีการดำเนินการ 2 มาตรฐานได้อย่างไรฉะนั้น การเมืองไม่ว่าอย่างไรก็คงต้องยกยอดการต่อสู้ข้ามไปปีหน้าแน่ๆและ 3 เดือนแรกในปีหน้า จะเป็นช่วงเวลาที่กดดันนายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลประชาธิปัตย์อย่างหนักหน่วงที่สุด!