WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, December 8, 2009

ยิ่งนานยิ่งล่มจม

ที่มา ไทยรัฐ

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจับมือกับผู้ประกอบการลงทุนใน นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และพื้นที่ใกล้เคียงถูกคำสั่งศาลปกครองให้ระงับโครงการ จำนวน 65 โครงการ ซึ่ง อยู่ในระหว่างหาทางแก้ไข ปรากฏว่าสร้างความหวั่นไหวให้กับนักลงทุนทั้งไทยและเทศอย่างมหาศาล

จากถ้อยแถลงของ คุณพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมต้องการให้รัฐบาลระบุถึงความชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรจะตั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติให้ชัดเจน

ทั้งนี้ การทำรายงานผลกระทบต่อสุขภาพที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติร่างขึ้นมา จะส่งผลกระทบกับการลงทุนที่เห็นได้ชัด อาทิ เรื่องของเวลา หากต้องใช้เวลาในการประเมินมากกว่า 14 เดือน ส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งหลายสูญเสียรายได้ประมาณ 2.6 แสนล้านบาท และพนักงานที่มีอยู่ในปัจจุบันจำนวน 3 หมื่น 7 พันคนก็จะได้รับความเดือดร้อนไปด้วย

ปัญหาที่จะตามมาก็คือ ผู้ชำนาญการในการประเมินนั้นมีจำนวนจำกัด ถ้าจะต้องดำเนินการพร้อมกันทั้ง 65 โครงการ จะต้องเกิดความวุ่นวายแน่นอน

เท่าที่ทราบตอนนี้ในจำนวน 65 โครงการ มีหลายรายที่ตัดสินใจถอนการลงทุนไปแล้ว เนื่องจากมีความเสี่ยงในการลงทุนสูง คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท
นี่คือผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ส่งผลทันที

รัฐบาลมะงุมมะงาหรา ตั้งกรรมการ ตั้งคณะทำงานค่อยๆเจรจาปล่อยไปตามดวง ความเชื่อมั่นของนักลงทุนตกวูบ เข้าใจว่าถ้าบางโครงการไม่ติดว่ามีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานไปบานตะไทแล้ว ก็คงพากันถอนตัวทั้งยวง

ไล่ดูกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมบ้านเรา มีกันละเอียดยิบ ไม่รู้กี่ฉบับกี่ชุด หลบเรื่องนั้นมาเจอเรื่องนี้ ถือว่ากฎหมายเป็นอุปสรรคกับการลงทุนในบ้านเราอย่างมาก

กลไกภาครัฐก็ไม่ค่อยทำงาน รอน้ำยาหล่อลื่น อย่างเดียว ไม่อย่างนั้นงานก็ไม่ค่อยเดิน และเปิดช่องให้เอกชนที่ชอบเดินทางลัดทำผิดขั้นตอน สุดท้ายก็มามีปัญหาภายหลัง

ยิ่ง รมต.ที่เกี่ยวข้องไม่ค่อยจะเป็นงาน จ้องแต่จะชี้ช่องรวย เลยไปกันใหญ่ นักลงทุนที่มีมาตรฐานพากันเอือมระอาไปหมด

ผลกระทบที่เกิดขึ้นนอกจากเม็ดเงินที่ลดสภาพคล่องลงไป ปัญหาแรงงาน ความเชื่อมั่นและย้ายฐานการลงทุนแล้ว ธุรกิจอุตสาหกรรมโรงแรมในภาคตะวันออกก็เริ่มจะได้รับผลกระทบ ถึงขนาดต้องขอยืดเวลาชำระหนี้กับทางธนาคาร เฉพาะธนาคารกรุงไทยแห่งเดียวคิดเป็นมูลค่าหนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

เฮ้อ ประเทศไทยยังไม่มีอนาคต.

หมัดเหล็ก