WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 10, 2009

จดหมายเปิดผนึกถึงทักษิณ:ยุทธวิธีทะลวงแผนลอบสังหาร หักด่านล้อมปราบผู้ชุมนุมเสื้อแดง

ที่มา Thai E-News


โดย Pegasus
10 ธันวาคม 2552

หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามแฝงPegasus ซึ่งเป็นนักสังเกตการณ์ทางการเมือง ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ถึงดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเตือนว่าฝ่ายอำมาตยาธิปไตยอาจกำลังสมคบคิดปราบปรามประชาชนฝ่ายเสื้อแดง หรือลอบสังหารอดีตนายกฯทักษิณ พร้อมเสนอแนะแนวทางการผ่าทางตันวิกฤตการณ์ทางการเมือง



เรียน ฯพณฯ ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

สืบเนื่องจากการที่ผู้แทนของรัฐบาลและผู้นำเหล่าทัพได้ออกมาแสดงความเห็นว่า การจะทำให้บ้านเมืองสงบได้นั่นคือการห้ามประชาชนออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมและประชาธิปไตย มิฉะนั้น สิ่งที่จะตามมาโดยนัยที่แสดงให้รู้โดยไม่กล่าวถึง คือการกวาดล้างขนานใหญ่

และเมื่อนำท่าทีนี้มาประกอบกับข่าวต่างๆในเรื่องการเตรียมคนต่างด้าว การที่มีกลุ่มบุคคลที่ไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปไตยจัดหาอาวุธ กระสุน ระเบิดเข้ามาเป็นจำนวนมากเพื่อหาโอกาสใส่ร้ายคนเสื้อแดงว่า เป็นคนทรยศชาติ ชักศึกเข้าบ้าน มีอาวุธสงคราม เหตุช่างละม้ายคล้ายคลึงกับ กรณี 6 ตุลาคม 2519 ที่มีการกล่าวหานักศึกษาว่าสมคบกับเวียดนาม มีอาวุธสงคราม มีอุโมงค์ใต้ดิน และเป็นคอมมิวนิสต์

ความแตกต่างในครั้งนี้ก็คงมีเพียงข้อกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี มุ่งล้มล้างราชบัลลังก์ มาแทนข้อหาคอมมิวนิสต์เท่านั้นเอง เนื่องจากไม่มีเงื่อนไขให้ทำได้

การนี้ แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ออกมาให้สัมภาษณ์และผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังต้องการแตกหักกับประชาชน โดยหาทางให้คนเสื้อแดงเดินงานผิดพลาด ยัดเยียดข้อหามีอาวุธ หรือพยายามชักชวนให้เสื้อแดงหลงผิดมาร่วมการฝึกอาวุธที่ฝ่ายรัฐบาลหรืออาจเป็นฝ่ายเสื้อแดงที่ถูกซื้อตัวไปจัดสร้างภาพขึ้น จากนั้นจะกวาดจับแกนนำ ปิดสถานีวิทยุชุมชน โทรทัศน์ เว๊บไซต์ต่างๆ ดังที่เคยทำมา จากนั้นล้อมปราบให้ตื่นกลัวตกใจหนีพ่ายไปคนละทิศละทางเหมือนหลัง 6 ตุลาคม 2519 แล้วมีรัฐบาลที่สร้างภาพให้เหมือนกับเป็นกลางมาคอยถ่วงเวลา และทำให้คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ที่มีความรู้ทางการเมืองน้อยกว่าคนต่างจังหวัดหลงเชื่อและให้การสนับสนุน เพื่อเป็นการซื้อเวลา ส่วนเป้าหมายสุดท้ายของฝ่ายเผด็จการก็ยังคงมีอยู่ประการเดียวคือการลอบสังหาร ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีให้ได้ โดยคนเหล่านี้เชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะยอมจำนนไปเอง

ฯพณฯ โดนลอบสังหารมาหลายครั้ง รวมถึงการใช้เครื่องบินรบเตรียมยิงเครื่องบินพลเรือนของ ฯพณฯ รวมถึงการสั่งสังหารคนเสื้อแดงในกรณีสงกรานต์เลือดแล้วใส่ร้ายป้ายสี เหตุการณ์ต่างๆเช่นนี้ สามารถโยงกลับไปได้ถึงการกระทำของพรรคการเมืองเก่าแก่บางพรรค ร่วมกับสื่อมวลชนและกองทัพ ทำการขับไล่ กวาดล้าง และสังหาร กลุ่มของ ดร.ปรีดี พนมยงค์อย่างโหดเหี้ยมและอำมหิตผิดมนุษย์ยิ่งนักมาแล้ว

บัดนี้เวลาแห่งการฆ่าฟันประชาชนได้กลับมาอีกครั้งหนึ่งฯพณฯ ได้โปรดพิจารณาเลือกที่จะยืนเคียงข้างประชาชน เดินไปพร้อมกับประชาชนอย่างถูกต้อง ตรงความต้องการและความเป็นจริง ด้วยการสอบถามเรื่องต่างๆตรงมายังแกนนำของคนเสื้อแดงทั่วประเทศซึ่งแกนนำส่วนกลางความจริงวันนี้น่าจะมีวิธีการติดต่ออยู่เพื่อให้ ฯพณฯ ทราบว่าจุดยืนของประชาชนส่วนใหญ่อยู่ที่ใดกันแน่

การพิจารณาตัดสินใจของ ฯพณฯในการเดินงานการเมืองต่างๆจะได้ถูกต้องตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อทุกฝ่ายเปิดหน้าเข้าปะทะกันแล้ว ขอความลังเลต่างๆของฯพณฯ ในการรุกใหญ่เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์จงหมดไป จังหวะก้าวต่างๆจึงจะชัดเจนและไม่ทำให้เกิดความผิดพลาดจนพ่ายแพ้เพราะความไม่รู้จิตใจของมวลชน ซึ่งจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง การพ่ายแพ้ครั้งนี้หากเกิดขึ้น ก็จะเป็นการยืดชัยชนะของประชาชนออกไปอีกหลายสิบปี เนื่องจากคนรุ่นที่ซาบซึ้งในระบอบประชาธิปไตยนั้นอายุมากกันเป็นส่วนใหญ่ เด็กรุ่นหลังๆถูกล้างสมองให้ยอมสยบ งดเว้นการคิดและวิพากษ์ วิจารณ์มานานจนหมดสมรรถภาพไปแล้ว สาเหตุคงเกิดจากการควบคุมกระทรวงศึกษาธิการอย่างเข้มงวดเด็ดขาดของพรรคการเมืองเก่าแก่ในสมัยที่มีการเลือกตั้งและคนของอำมาตย์ในสมัยเผด็จการจนประสบผลสำเร็จ

สำหรับเหตุการณ์ในปัจจุบัน เนื่องจากการมาร่วมงานเฉลิมฉลองของผู้ที่ใส่เสื้อสีชมพูจำนวนมาก เท่ากับว่าเป็นคำพิพากษาให้ตัดสินประหารชีวิตกลุ่มคนเสื้อแดง แม้ว่าในกลุ่มคนสีชมพูนั้นจะมีคนเสื้อแดงเกินกว่าครึ่งหรือคนอื่นๆที่มาเพราะการระดม เกณฑ์คนมาก็ตาม แต่ความเข้าใจผิดของฝ่ายเผด็จการย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ เนื่องจากถูกข้อมูลหลอกลวงมาโดยตลอด การตัดสินใจให้มีการปราบปรามครั้งนี้จึงเกิดขึ้น

หากต้องการน้อมนำเอาความสงบให้เกิดกับสังคมไทยแล้วไซร้ ต้องมีข้อพิจารณาต่างๆดังต่อไปนี้

ถ้ามีการปราบปรามประชาชนเหมือนกรณี 6 ตุลาคม 2519 ปริมาณประชาชนที่ให้การสนับสนุนประชาธิปไตยในยุคนั้น กับชาวเสื้อแดงในสมัยนี้แตกต่างกันอย่างมาก ด้วยความก้าวหน้าทางข่าวสารข้อมูลที่ก้าวหน้ากว่า ประชาชนรับรู้ความจริงและเกิดการหู ตา สว่างกันอย่างมากมาย และทราบเป็นอย่างดีว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการปราบปรามในครั้งนี้ ถ้าหากเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นจากการที่ประชาชนทราบว่ามีการสังหารพี่น้องไปแล้วในช่วงสงกรานต์เลือด แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัว กลับขยายตัวขึ้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นทวีคูณเพียงแต่รอเวลาเท่านั้นที่จะประสบชัยชนะ

ถ้ามีการปราบปรามประชาชนจริง ทหารที่ออกมาจะถูกโดดเดี่ยวจากหน่วยงานอื่นๆ เนื่องจากทุกคนจะมองเห็นแนวโน้มดีว่าประชาชนจะสู้อย่างถวายชีวิตแม้ว่าจะมือเปล่าปราศจากอาวุธ แต่ด้วยจำนวนคนที่มากมายมหาศาล หากมีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็หมายถึงการจลาจลใหญ่ และไม่มีใครสามารถห้ามปรามอารมณ์ของประชาชนได้อย่างแน่นอน สิ่งที่คาดไม่ถึงอาจจะเกิดขึ้นและอาจเกิดขึ้นร้ายแรงกว่าที่ฝ่ายสร้างสถานการณ์ให้เกิดการปราบจะคาดหรือจินตนาการได้ถึงเสียอีก

ดังนั้นการสูญเสียอย่างคาดไม่ถึงและการนองเลือดคงจะเกิดขึ้น แม้ว่าอาจเป็นความจำเป็นและจะเหมือนหรือใกล้เคียงกับประเทศในยุโรปที่ผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากจำนวนของประชาชนมีมากมายเกินกว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นของประเทศต่างๆในอดีต การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินย่อมมากมายขึ้นเป็นเงาตามตัว และแน่นอนว่าทหารที่ออกมาปราบนั้นคงไม่เหลือรอดกลับไปได้ไม่ต่างกับกรณีปฏิวัติฝรั่งเศสเช่นกัน

ถ้าหากทหารเห็นว่าการปราบปรามคนเสื้อแดงเกินกว่ากำลังที่มี ก็อาจหันไปยึดอำนาจรัฐบาล สร้างสถานการณ์ว่าให้กลับคืนสู่สภาพปกติ อาจมีการผ่อนปรนบางประการเพื่อให้ฝ่ายเสื้อแดงหยุดการเคลื่อนไหว เป็นต้น หรือไม่อย่างนั้นก็สร้างสถานการณ์ความวุ่นวายก่อนแล้วให้มีการออกมายึดอำนาจเหมือนกรณี 6 ตุลาคม 19 แล้วขอนายกพระราชทานเพื่อปิดปากประชาชน ซึ่งก็อาจมีทั้งปราบอีกครั้งหรือผ่อนปรนให้พอเป็นการซื้อเวลาจนกว่าจะลอบสังหาร ฯพณฯ ได้สำเร็จก็เป็นได้

แนวทางการใช้กำลังทั้งสองแนวทางถ้ามีการสังหารเกิดขึ้นไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ก็อาจนำมาซึ่งการจลาจลที่ไม่รู้จุดจบหรืออาจบานปลายกลายเป็นการยกสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาไว้ในภาคกลางก็อาจเป็นได้

ดังนั้น เพื่อให้ชาติบ้านเมืองกลับสู่ความสงบอย่างแท้จริง วิถีทางที่ควรกระทำคือแนวทางรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลสามารถทำได้โดยง่ายด้วยการคืนอำนาจให้กับประชาชนเจ้าของอธิปไตยเป็นผู้ตัดสิน และด้วยการออกกฎหมายกรณีเร่งด่วนเป็นบทเฉพาะกาลให้องค์กรอิสระที่ล้วนมาจากการยึดอำนาจของคมช.ยุติการทำงาน ให้มีเฉพาะการสรรหากกต.ใหม่ทุกระดับ โดยพรรคการเมืองทุกพรรคมาเป็นกรรมการร่วมคัดเอาบุคคลที่คิดว่าจะให้คุณให้โทษกับพรรคการเมืองออกไปเหลือแต่ผู้ที่เป็นกลางจริงๆและรู้จักวิธีจัดการเลือกตั้งมาเป็น กกต. จากนั้นยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสิน ฝ่ายพรรคเพื่อไทยยอมเสียเปรียบที่ไม่ได้เป็นผู้คุมอำนาจรัฐ พรรคร่วมรัฐบาลน่าจะได้เปรียบอยู่แล้ว จึงไม่ควรมีข้อบิดพลิ้วเป็นประการใด

วิถีทางประชาธิปไตยโดยประชาชนเท่านั้นจึงจะคืนความสงบ สันติให้กับประเทศไทยได้ เพราะถ้าเป็นประชาธิปไตยแล้ว ที่มาขององค์กรอิสระและกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ก็จะกลับเข้ารูปเข้ารอย ความยุติธรรมก็จะกลับคืนมา เมื่อมีความยุติธรรมสามารถคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนได้ ความสงบก็เกิดขึ้นเป็นธรรมดา

จึงขอเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้โปรดนำข้อเสนอนี้ยื่นเป็นทางเลือกต่อรัฐบาลเพื่อยุติความขัดแย้งโดยเร็วด้วยการคืนอำนาจอธิปไตยกลับคืนไปสู่ประชาชน เพื่อป้องกันมิให้เกิดการเสียเลือดเนื้ออันจะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างนึกไม่ถึงได้อีกมากมายตามมา

ด้วยความเคารพอย่างสูง

Pegasus