ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
นายศิวรักษ์ ให้การสารภาพกับศาลกัมพูชาว่า ส่งข้อมูลการบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาสมเด็จฮุนเซน ให้กับนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ตามคำร้องขอ
เพียงแต่ไม่คิดว่าเป็นข้อมูลลับผิดกฎหมายอะไร
ซึ่งก็พ้องกับข้อมูลก่อนหน้านี้ว่ามีการเตรียมเครื่องบินเอฟ 16 ไว้รอท่าล่าทักษิณกลางฟ้า
ที่ผ่านมารัฐบาลไทยไม่เคยออกมายอมรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ เพียงเลี่ยงบาลีว่าข้อมูลการบินไม่ใช่ความลับ
แต่ก็พูดไม่หมดว่าถึงไม่ได้ลับมากมายอะไร แต่ก็ไม่ใช่ข้อมูลที่จะนำมาเปิดเผย
ไม่เช่นนั้นอนาคตหากมีผู้นำประเทศอื่นๆ มาเยือนเมืองไทย เราก็สามารถเปิดเผยตารางบินให้สาธารณชนรับรู้ได้เช่นนั้นหรือ!??
หากวันหนึ่ง นายบารัก โอบามา มีกำหนดบินมาเยือนเมืองไทย แล้วเกิดมีประเทศอาหรับ หรือกลุ่มอัล ไคด้า อยากได้ข้อมูลตารางการบินของผู้นำสหรัฐ รัฐบาลไทยก็พร้อมน้อมส่งให้ใช่หรือไม่ เพราะไม่ถือว่าเป็นความลับ!??
แม้ไทยจะอ้างว่าตารางการบินไม่ใช่ความลับทางราชการ แต่กฎหมายความมั่นคงกัมพูชาจัดเป็นชั้นความลับ เพราะถือว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องอารักขาดูแลความปลอดภัย
คำถามจึงมีตามมาว่า นายคำรบ รู้หรือไม่ว่าการขอให้ส่งตารางการบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้นายศิวรักษ์ ละเมิดกฎหมายของกัมพูชา!??
ถ้าตอบว่ารู้ ก็ไม่ต้องมีคำถามอื่นตามมา เพราะเป็นการขอให้คนไทยทำผิดกฎหมายของประเทศเพื่อนบ้านชัดเจน
แต่ถ้าตอบว่าไม่รู้...คำถามต่อมาก็คือไม่รู้จริงๆ หรือ ทำเป็นไม่รู้กันแน่!??
หากไม่รู้จริงๆ ก็แสดงว่าบกพร่องต่อการทำหน้าที่อย่างแรง เพราะการดำรงตำแหน่งถึงเลขาฯทูต ย่อมต้องศึกษาขนบธรรมเนียม และตัวบทกฎหมายของประเทศที่ตนไปประจำอยู่
ยิ่งหากทำเป็นไม่รู้ ถือว่าร้ายแรงเข้าไปใหญ่
และจนทุกวันนี้ นายคำรบก็ยังเก็บตัวเงียบ จนแม่ของนายศิวรักษ์ ต้องเรียกร้องให้ออกมารับผิดชอบ กับคำสั่งที่ทำให้ลูกของเธอต้องตกเป็นนักโทษ
คงไม่ใช่เพียงนายคำรบเท่านั้น หากแต่รวมไปถึงคนที่อยู่เหนือขึ้นไปที่สั่งการลงมาเป็นทอดๆ ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบบ้าง
อย่างน้อยขอโทษครอบครัวเขา หรือหาทางชดเชยกับสิ่งที่นายศิวรักษ์ ต้องเผชิญ
ไม่ใช่ทำเป็นหน้ามึน ไม่รู้ไม่เห็นเหมือนที่ผ่านๆ มา