ที่มา เดลินิวส์
“....ความสุขความสวัสดีของข้าพเจ้าเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญมั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคงเท่านั้นที่จะสำเร็จผลเป็นจริงได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติมุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้คิด และด้วยความสุจริตจริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ยิ่งกว่าส่วนอื่น”
กระแสพระราชดำรัสตอนหนึ่ง ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯในวันออกมหาสมาคม 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นกระแสพระราชดำรัสที่นั่งอยู่กลางหัวใจ
พสกนิกรทั้งชาติ
เกือบ 4-5 ปีแล้ว ที่คนไทยต้องจมจ่ออยู่กับกองทุกข์ที่มองไม่เห็นทางออก บ้านเมือง ไม่ปกติสุข มีแต่ความแตกแยกทุกองคาพยพ แบ่งสี แบ่งฝ่าย พร้อมเดินหน้าห้ำหั่นให้แหลกคามือไปข้าง
หนักหนาสาหัสมากขึ้น หลังกองทัพลากรถถังออกมายึดอำนาจ 19 กันยาฯ 49 ล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ได้รัฐบาล ขิงแก่ ซึ่งไร้ประสิทธิภาพ เลือกตั้งใหม่ รัฐบาลก็อยู่ไม่นาน เพราะไม่ใช่รัฐบาลที่ต้องการ
แม้ต่อมาจะซิกแซ็ก “พลิกขั้ว” จัดตั้งรัฐบาล ได้ ประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำสำเร็จ แต่ความสมานฉันท์ ก็ไม่เกิดขึ้นเลย กลับแตกแยกมากขึ้นไปอีก เพราะใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานชัดเจน
ก็ใช่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ยอมหยุด แทนที่ จะยอมมาติดคุก เพื่อพิสูจน์ความรักประชาธิปไตยดั่งปากพูด แต่ที่ต้องรับผิดชอบเต็ม ๆ ก็คือ ประชาธิปัตย์ ที่เป็นแกนนำรัฐบาลนี่ล่ะ
ไม่ใช่หมูแมวที่ไหนเลย ???
ถามว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพยายาม ทำให้เกิดความสมานฉันท์หรือ ไม่มีเลย เล่นการเมืองทุกเม็ด วัน ๆ เอาแต่ไล่ล่าทักษิณ สารพัดโฆษกออกมาราดน้ำมันลงกองเพลิง ตอบโต้ทุกประเด็น
เล็กน้อยแค่ไหน ไม่เคยละเว้นจะกล่าวหาอีกฝ่ายว่า ทำลายชาติ ไม่จงรักภักดี แล้วสมานฉันท์หรือ
นี่ยังไม่นับความไม่จริงใจที่จะแก้ รัฐธรรมนูญ หรือ เสื้อแดงชุมนุมเมื่อไหร่ ต้องงัด พ.ร.บ.ความมั่นคง จัดการทุกครั้ง แต่คดี ยึดทำเนียบฯ ยึดสนามบิน รัฐบาลไม่ทำอะไร จนป่านนี้ ผู้ก่อการร้ายสากลยังลอยนวล
แล้วจะสันติสุขหรือ
ที่นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาน้อมรับกระแสพระราชดำรัสใส่เกล้าฯในทันที จึงถูกต้องที่สุด ก็ขอให้กำลังใจนายกฯ ขอให้ลงมือทำจริง ๆ เถอะ อย่ารับใส่เกล้าฯ แต่ปากพูดอย่างเดียว
เริ่มแรก ที่จะพิสูจน์ความจริงใจ ก็นี่เลย สั่ง สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ที่คุมสื่อเบ็ดเสร็จ ช่องหอยม่วง ให้ถอดรายการช่วง 3-4 ทุ่ม (แทบทุกรายการ ทุกวัน) ออกให้หมด
แต่ละรายการ ทั้ง ผู้หญิง ผู้ชาย ตั้งหน้าตั้งตาโฆษณาชวนเชื่อคนดู ให้เกลียดชังอีกฝ่าย (โดยเฉพาะเสื้อแดง) เหมือนไม่ใช่คนไทย ถึงขนาดไล่ให้ไปอยู่แผ่นดินอื่น กล่าวหาเป็น ส่วนเกินของชาติ ชั่วร้ายขนาดนั้น
เหมือนพวกหลงยุค
ทั้งที่เป็นทีวีของรัฐ อยู่ได้ด้วยภาษีคนทั้งชาติ ไม่ใช่ทีวี เหลือง หรือ แดง แต่สร้างความแตกแยกทุกลมหายใจ ถ้าหากรายการพวกนี้ยังอยู่ แสดงว่านายกฯ ไม่มีความจริงใจ แม้แต่น้อย
แต่ ปากว่า ตาขยิบ แบบเดิม
สำหรับคดี ศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ในที่สุดศาลกัมพูชาตัดสินว่าผิด โทษจำคุก 7 ปี อยู่ที่จะอุทธรณ์สู้ต่อ หรือขอพระราชทาน อภัยโทษ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นประการหลัง
เรื่องนี้แล้วค่อยมาว่ากันต่อ...
ดาวประกายพรึก