WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, December 21, 2007

ผ่าน พรบ.ความมั่นคงฯ : ขอไว้อาลัย พร้อมคำสาปแช่ง ให้แก่สภาหน้าด้าน

แม้ผู้คนในสังคมไทยจำนวนมากจะออกมาเรียกร้องและคัดค้านการออก พ.ร.บ. ความมั่นคงภายใน ที่เสนอโดยรัฐบาลชุดนี้ รัฐบาลที่มาจากอำนาจเผด็จการ!!!

และต้องผ่านการพิจารณาจาก สนช.ที่ก็มาจากการแต่งตั้งของเผด็จการชุดเดียวกัน
ที่ทำไปทำมา ก็ถูกผู้คนเรียกขานว่า สภาหน้าด้านไปแล้ว

ซึ่งโดยนัยที่สำคัญที่เขาออกมาคัดค้านกันก็คือ พ.ร.บ.อัปยศฉบับนี้ จะสถาปนารัฐทหารขึ้นอย่างถาวร!!! โดยผ่านหน่วยงานที่ชื่อ กอ.รมน.

เป็นการมอบอำนาจอย่างถูกต้องตามกฎหมายให้ทหาร กระทำการใดก็ได้ในการกดขี่ข่มเหง จำกัดสิทธิและเสรีภาพของคนไทย

แต่ก็ดูชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งรัฐบาลและสภาหน้าด้านชุดนี้ ไม่แยแส ไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่อย่างใด และก็คงจะผ่านออกมาอย่างหน้าด้านตามเคยในวันนี้ (20 ธันวาคม) แม้จะมีการชุมนุมต่อต้านอยู่หน้าสภาฯเป็นจำนวนมากก็ตาม

คำถามคือว่า ทำไมต้องรวบอำนาจให้กองทัพบกและ กอ.รมน. ? การทำเช่นนี้จึงเหมือนกับการสร้างอำนาจซ้อนรัฐ

นั่นก็คือ เป็นการให้อำนาจทหารทับซ้อน ควบคุมรัฐบาล และฝ่ายที่ทหารเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามได้ตลอดกาล
และยังสามารถขยายอำนาจกองทัพ เข้าไปมีบทบาททางการเมืองได้อีกในหลาย ๆ เรื่อง ในทุกพื้นที่ ทั้งระดับภูมิภาคและระดับจังหวัด เพียงอ้างแค่คำว่า ภัยความมั่นคง เท่านั้น

หรือบอกได้เลยว่า การใช้อำนาจนี้ คนที่มีตำแหน่ง ผอ.รมน. ซึ่งก็คือผู้บัญชาการทหารบก จึงมีอำนาจเทียบเท่านายกรัฐมนตรี นั่นเอง และยังเป็นการให้อำนาจแก่ทหารบกแบบสุด ๆ ในทุกพื้นที่ ด้วยตำแหน่ง ผอ.รมน.ภาค ซึ่งก็เป็นของแม่ทัพภาคทั้งหมด

แค่เห็นว่ามีความไม่ปลอดภัยต่อความมั่นคง ก็สามารถบังคับบัญชาหน่วยงานรัฐทุกหน่วยได้ แต่งตั้งบุคคลได้

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากฝ่ายกองทัพเห็นชอบ หรือฝ่ายที่กองทัพไม่เห็นด้วย ก็ง่ายอย่างยิ่งที่จะทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลชุดนั้นๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องลากรถถังออกมาปฎิวัติรัฐประหารให้เป็นที่รังเกียจของสังคมโลก

พ.ร.บ. ความมั่นคงภายในยังให้อำนาจ ผบ.ทบ. ลิดรอนสิทธิประชาชนได้หลายเรื่อง

ห้ามเดินทาง ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม ห้ามชุมนุมการเมือง ห้ามแสดงมหรสพ ห้ามโฆษณา ห้ามออกจากเคหะสถาน ให้เจ้าของกิจการรายงานประวัติลูกจ้างทั้งหมด หรือครอบครองสินค้าได้

หรือหากสงสัยผู้ใดก็ยังสามารถเรียกมาคุมตัวก่อนได้ภายใน 30 วัน โดยเรียกว่า ผู้ต้องสงสัย ทั้งห้ามเยี่ยม ห้ามมีทนาย หนักว่า ผู้ต้องหา เสียอีก

หนักขึ้นไปอีกก็คือ อำนาจของ ผอ.รมน.ยังสามารถเข้าแทรกแซงการสอบสวนได้ ทั้งเรียกข้อมูลการสอบสวนทางอาญามาดู หรือเข้าฟังการสอบสวนก็ได้ หรือแม้กระทั่งสั่งปล่อยก็ยังได้

แล้วแบบนี้ ใช่หรือไม่ ที่ทหารได้ใช้อำนาจทั้งสอบสวน จับกุม ตัดสิน ไปได้ในคน
ๆ เดียวกัน

และมันก็ไม่ใช่ พ.ร.บ.นี้ มาทำหน้าที่ดูแลประเทศ ตามที่กล่าวอ้าง

แต่เป็นความพยายามที่จะรักษาโครงสร้างกอ.รมน. ที่เคยใช้ปราบปรามคอมมิวนิสต์ และหาพื้นที่ให้ผู้นำกองทัพเข้าแทรกแซงการเมืองของพลเรือนได้

หลายคนจึงพูดว่า เป็นการฟื้นแนวคิดอมาตยาธิปไตยขึ้นมาใหม่นั่นเอง

ล่าสุด ดูเหมือนจะแกล้งถอยออกไปบ้าง แต่ก็ยังไม่มีใครเห็นถูกแก้ไขจริงหรือไม่ นั่นก็คือ ประเด็นที่เขียนไว้ว่า ห้ามตรวจสอบโดยศาลปกครอง ไม่ต้องรับความผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย

แต่มันก็คงไม่เพียงพอ เพราะเพียงแค่ตัดเนื้อหาส่วนนี้ออกไป ก็ไม่ได้ทำให้อำนาจของกองทัพบก อำนาจของ ผบ.ทบ.หรืออำนาจของ แม่ทัพภาคทุกภาค ถูกต้องห้ามในการเข้าแทรกแซงทางการเมืองแต่อย่างใดเลย

และถึงแม้ จะกล่าวว่า จำเป็นต้องจำกัดสิทธิเสรีภาพบ้าง แต่การจำกัดสิทธิเสรีภาพก็ต้องเป็นไปเพียงเท่าที่จำเป็นและประชาชนยินยอมโดยผ่านกระบวนการตรากฎหมาย หรือผ่านผู้แทนที่ปะชาชนเลือกเข้าไป

สนช.ชุดนี้ ไม่ได้มาจากประชาชน จึงไม่มีความชอบธรรมในการรับร่างฉบับนี้ไว้พิจารณาอย่างใดทั้งสิ้น หรือแม้กระทั่งกฎหมายอื่น ๆ อีกหลายฉบับ

ก็ต้องขอไว้อาลัย พร้อมกับคำสาปแช่ง ไปถึงกลุ่มคนที่ยกมือผ่านร่าง พ.ร.บ.อัปยศในวันนี้

เพราะมันจะกลายเป็นชนวนที่สร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้นในกลุ่มสังคมไทย

ที่รอเพียงแต่จะเร็ววันหรือช้าวันเท่านั้น ที่มันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ


จาก เวบไซต์ประชาทรรศน์