ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ธ.ค.) สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องความชัดเจน กรณีโยกย้ายตำแหน่งฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ความว่า จากการที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ลงนามคำสั่งด่วนแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวในตำแหน่งสำคัญของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี โดยให้เหตุผลว่า เพื่อรองรับช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นโทรทัศน์สาธารณะตามกฎหมาย ที่เป็นการดำเนินงานล่วงหน้าก่อนวันเลือกตั้งทั่วไปเพียง 1 วัน ทำให้ถูกเชื่อมโยงกับประเด็นทางการเมืองและการทำหน้าที่รายงานข่าวสถานการณ์เลือกตั้งของทีไอทีวี
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ที่เป็นองค์กรวิชาชีพด้านวิทยุโทรทัศน์เห็นว่า คำสั่งแต่งตั้งดังกล่าว แม้จะเป็นการใช้อำนาจทางการบริหารของกรมประชาสัมพันธ์ในฐานะผู้องค์กรกำกับดูแลทีไอทีวี แต่กิจการสื่อสารมวลชนมีหลักการทางวิชาชีพเป็นเครื่องคุ้มครองเพื่อความเป็นอิสระในการทำงาน โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ที่กำลังจะกลายเป็นโทรทัศน์สาธารณะแห่งแรกของไทยที่คนไทยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ มิใช่ธุรกิจของบริษัท หรือ หน่วยงานรัฐบาลอีกต่อไป การกำหนดทิศทางบริหารงาน หรือ การวางกรอบนโยบายของสถานี ควรต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง อีกทั้งควรแก้ ปัญหาโดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เนื่องจากขณะนี้ ขั้นตอนสรรหาคณะกรรมการนโยบายและผู้อำนวยการสถานีชั่วคราวยังไม่แล้วเสร็จ ดังนั้น กรมประชาสัมพันธ์ ต้องมีคำอธิบายชัดเจนต่อสาธารณะและชี้แจงเหตุผลที่แท้จริงในการโยกย้ายและปรับเปลี่ยนตำแหน่งอย่างกะทันหันครั้งนี้
สำหรับการปฏิบัติงานในฐานะสื่อมวลชนโดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง จากผลการศึกษาทางวิชาการเรื่อง สื่อมวลชนกับบทบทในการนำเสนอเนื้อหาการเลือกตั้ง ในฟรีทีวี 6 ช่อง ระหว่างวันที่ 21-28 พ.ย. 2550 โดยกลุ่มมีเดีย มอนิเตอร์ ที่ระบุว่า แม้ทีไอทีวีจะเป็นสถานีที่ให้พื้นที่เนื้อหาการเลือกตั้งมากที่สุด แต่ก็มีข้อสังเกตว่า วิธีนำเสนอเนื้อหาและการคัดเลือกข้อเท็จจริงมานำเสนอยังไม่รอบด้านเพียงพอ การใช้ภาษาในลักษณะเหน็บแนมแหล่งข่าว และมีการรายงานในลักษณะปกป้องและแก้ตัวให้นักการเมืองอย่างชัดเจนจนอาจเข้าข่ายมีอคติในการรายงานข่าวได้ แม้สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีจะมั่นใจในความเป็นกลางในการทำหน้าที่สื่อสารมวลชนที่ผ่านมา แต่สมาคมฯ เห็นว่า ข้อสังเกตดังกล่าว ไม่ควรถูกละเลย หรือ มองข้ามไป หากทีไอทีวีจะเปิดใจกว้างและรับฟังข้อมูลเพื่อนำไปประกอบการรายงานข่าวให้เป็นกลาง สมดุลและเปิดโอกาสให้กับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม ก็จะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรและประโยชน์ก็จะตกเป็นของประชาชนผู้รับข่าวสารอย่างแท้จริง
วันเดียวกัน นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (หนูแก้ว) รองผู้อำนวยการสถานี (ด้านข่าวและรายการ) และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายข่าวคนใหม่ สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี กล่าวภายหลังเรียกผู้บริหารและพนักงานที่ถูกโยกย้าย 13 ตำแหน่ง เข้าร่วมประชุมว่า ได้นำแผนงานกับโครงสร้างใหม่ของทีไอทีวีมาหารือนายอัชฌา สุวรรณปากแพรก อดีตผู้อำนวยการฝ่ายข่าวและบรรณาธิการข่าวทั้ง 12 คน ที่แผนงานใหม่เป็นการทำงานภายใต้พันธกิจที่ได้รับมอบหมายจากนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ คือ การเป็นสถานีโทรทัศน์รับเรื่องร้องเรียนและร้องทุกข์ รายงานข่าวสถานการณ์ประจำวัน การคุ้มครองประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและถูกเอาเปรียบ การตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันทั้งในรัฐบาล องค์กรมหาชน รัฐวิสาหกิจ เปิดพื้นที่ข่าวสารและการมีส่วนร่วมของกลุ่มต่างๆ รวมทั้งภาคประชาชน การส่งเสริมและสร้างสรรค์การทำความดี เพื่อเป็นต้นแบบแผนงานในการหารือร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า แผนงานนี้ไม่ใช่ข้อสรุปสุดท้ายและในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีกครั้ง โดยนายอัชฌา จะเป็นผู้นำแผนงานเหล่านี้ไปทำความเข้าใจกับพนักงานทีไอทีวี สำหรับผู้เช่าเวลา จะจัดหลักการให้ดำเนินการได้ต่อไป ส่วนรายละเอียดทางกรมประชาสัมพันธ์จะเป็นผู้แจ้งรายละเอียดต่อไป
รองผู้อำนวยการสถานีและรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี กล่าวถึงกรณีที่พนักงานทีไอทีวียื่นหนังสือเปิดผนึกคัดค้านคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายว่า ต้องทำความเข้าใจกัน โดยจะต้องทำตามกฎหมาย หากพนักงานไม่ต้อนรับ คุยกันไม่เข้าใจ ก็พร้อมที่จะไป แต่เบื้องต้นต้องคุยกันก่อน อย่างไรก็ตาม การรักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายข่าวนั้น เป็นการเข้ามาชั่วคราว ต้องการผลักดันให้เป็นโทรทัศน์สาธารณะ
ด้านนายอัชฌา กล่าวว่า ยังรู้สึกงงกับคำสั่งโยกย้าย แต่พร้อมทำความเข้าใจกับผู้บริหารใหม่ ส่วนแผนงานทิศทางที่หารือกันวันนี้ จะนำไปพูดคุยกับพนักงานทีไอทีวี ตนยืนยันว่า ณ วันนี้ ยังไม่มีการปรับผังรายการ หรือ รูปแบบรายการ ยังยึดแผนงานเดิม รวมทั้งการรายงานข่าวเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ก็ยังเป็นแผนงานเดิมที่วางไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนแนวคิดที่พนักงานทั้ง 13 คน จะฟ้องศาลปกครองขอความเป็นธรรมนั้น ตนยอมรับว่า มีความคิดจริง เพราะหลายคนยังไม่เข้าใจที่ถูกโยกย้าย อย่างไรตาม พนักงานทั้ง 13 คน จะปรึกษากันก่อนว่าจะทำอย่างไร