นอกเหนือจากประเด็นที่เคยมีประเด็นครึกโครมเกี่ยวกับการที่ ปตท.ให้หุ้นแก่บรรดานักการเมืองและผู้มีอุปการคุณในราคาถูกและได้สิทธิพิเศษอีกต่างหาก ดังนั้นการเข้าตลาดหุ้นของ ปตท.เลยเสียหายไปด้วย
ครับ...ดูรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีการเปิดเผยออกมาก็พอจะมองเห็นภาพ รัฐบาลชุดนี้ก็หลายคน รัฐมนตรีชุดที่แล้ว นักการเมือง พ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการระดับดังๆ อีกเป็นจำนวนมากไม่รู้ว่าใครจะได้มาแบบไหน อย่างไร
แต่ใครที่ถือครองหุ้นในราคาพิเศษก็รับเละกันไป เพราะหุ้น ปตท.นั้นถือว่าสุดยอดที่สุดของตลาดหุ้นไทย และค้ำตลาดให้มีหน้ามีตาในตอนนี้
ยิ่งพลังงานที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา โดยเฉพาะน้ำมันที่มีราคาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและกำลังจะเป็นปัญหา ของประชาคมโลกในอนาคต
แต่ประเทศไทยนั้นหนักที่สุดโดนทั้งทางตรงทางอ้อม เพราะไม่มีแหล่งพลังงาน ก๊าซก็มีอยู่ไม่มาก น้ำมันไม่ต้องพูดถึงไม่มีเลย
หุ้นพลังงานขึ้นเมื่อน้ำมันขึ้น ผู้ถือหุ้นแฮปปี้ แต่คนไทยเจอราคาน้ำมันเข้าไปจนเกิดปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้
อย่างไรก็ดีการนำปตท.เข้าตลาดหุ้นนั้นแม้จะมีเสียงคัดค้านแต่ก็ผ่านสะดวก เพราะรัฐบาลยุคนั้นให้เดินหน้าเต็มตัวอยู่แล้ว แต่ ทุกอย่างก็ทำกันแบบรีบๆ ลวกๆ ไม่ค่อย เปิดเผยเพราะกลัวเสียงต้าน
ดังนั้น ความรอบคอบหรือกรอบวิธีคิดต่างๆ จึงมีปัญหาอย่างที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้ ปตท.ไปแก้ปัญหาเรื่องท่อก๊าซ, ที่ดิน, กรรมสิทธิ์ต่างๆ ที่มีการรวมเข้ากับ ปตท.ไปทั้งหมด โดยไม่ได้แยกออกจากกัน
ครับ...รัฐเสียประโยชน์ไปทันที เพราะแทนที่จะได้ผลตอบแทนจากเรื่องนี้อย่างเต็มที่และ ปตท.นั้นแม้รัฐจะยังมีเอี่ยวอยู่
แต่ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องก๊าซไปจะต้องไปรวบยอด อยู่ตรงนั้นซึ่งเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหุ้น
นี่หากฝรั่งต่างชาติเข้ามาฮุบหุ้นไปหมดมันก็จะยุ่ง เพราะนี่เป็นธุรกิจผูกขาดในประเทศนี้เสียด้วย
อย่างไรก็ดีเมื่อศาลปกครองสั่งให้ ปตท.ดำเนินการแยกส่วนนี้ออกมาตั้งแต่เรื่องที่ดินที่เวนคืน เพราะที่ดินเหล่านี้แม้จะมีการเวนคืนให้ปตท.แต่ก็ยังเป็นของรัฐไม่ใช่ของปตท.แต่อย่างใด กรรมสิทธิ์ในท่อก๊าซก็ต้องเป็นของรัฐ
และจะต้องเสียภาษี ทรัพย์สินต่างๆ ที่ดินที่จะต้องโอนให้รัฐทั้งหมด เพราะทุกอย่างมันของรัฐบาล
วันนี้ติดอยู่ว่าค่าโอนต่างๆ ที่ราคานับหมื่นล้านบาทใครจะจ่าย มีความพยายามที่จะให้รัฐยกเว้นค่าธรรมเนียมในการโอนให้
คือกลัวว่า ปตท.จะขาดทุน จะเกิดปัญหาเรื่องหุ้น ผู้ถือหุ้นจะขาดทุนกำไร ปตท.นั้นรวยจะตายไปเวลานับตัวเลขผลกำไรนับหมื่นนับแสนล้าน แต่พอจะต้องมาจ่ายให้รัฐ
แค่นี้ถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก...ท่านรัฐมนตรีหรือผู้บริหารปตท. ไม่ต้องไปกังวลมากมายจนทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีกทำตามที่ศาลสั่งนั้นดีที่สุด
คณะรัฐมนตรีในสมัยนั้นอนุมัติจนทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น มาโดยไม่ได้ฟังเหตุฟังผลที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติ ส่วนหนึ่งอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ดีพอ แต่อีกส่วนหนึ่งเชื่อว่าจะทำให้หุ้นมีราคาดี ยิ่งมีเรื่องก๊าซด้วยก็ยิ่งดี
ไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ของชาติแม้แต่น้อย เพราะการดำเนินการที่ผิดพลาดและเป็นผลไปถึงรัฐวิสาหกิจอื่นๆที่ตั้งท่าจะเข้าตลาดหุ้นอีกด้วย
นายกฯ-รัฐมนตรีชุดนี้ถือหุ้นกันถึง 14 คน...คิดให้ดีนะครับ.
"สายล่อฟ้า"
คอลัมน์ กล้าได้กล้าเสีย จาก http://www.thairath.co.th/column.html