เมื่อวานนี้ผมเขียนเรื่อง “ประชาธิปไตยบัวใต้นํ้า” ไปแล้ววันนี้ผมมีบทสนทนา ธรรมจากหนังสือ “เบื่อการเมืองเรื่องขุ่นใจก่อนเลือกตั้ง” ที่ท่านผู้อ่านกรุณาส่ง มาให้ เป็นเรื่องที่ผู้ห่วงใยบ้านเมืองไปสนทนากับ ท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ หรือ ป.อ.ปยุตโต แล้วพิมพ์แจกเป็นธรรมทาน
มีบทสนทนาหลายท่อนที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง ผมเลยคัดเอามาลงให้อ่านกัน
ท่านพระพรหมคุณาภรณ์ บอกว่า “สังคมทุกวันนี้ไม่มีหลัก ถ้าสังคมไทยมีหลักแค่ 3 ข้อต้นของมงคลสูตร คือ ไม่คบคนพาล คบบัณฑิต บูชาคนที่ควรบูชา สังคมก็ไปรอดแล้ว แต่คนไทยในปัจจุบัน แค่ 3 ข้อต้นของมงคลสูตร ก็ยังไม่ได้ จะไปรอดได้อย่างไร นอกจากจะไม่ได้แล้ว ยังไปทางตรงข้าม สวนทางไปเสียอีก แล้วจะพ้นอัปมงคลได้อย่างไร”
ท่านพูดถึง “นักการเมืองไม่ดี” แต่ก็ยังได้รับเลือกตั้งทุกสมัยว่า
“แล้วที่ว่านักการเมืองไม่ดี ทำไมอยู่ในแวดวงการเมืองได้ดีและสังคมก็ยอมรับ อย่างดี นี่ก็บอกอยู่ในตัวเองแล้วว่า สังคมนี้ชอบนักการเมืองอย่างนั้นปัญหา จึงไม่อยู่แค่ที่ตัวนักการเมือง แต่อยู่ที่สังคมทั้งหมด คือ คนทั่วไปมีคุณภาพแค่นั้น เพราะฉะนั้น จะแก้ปัญหาให้ได้ผลจริง ก็หนีไม่พ้นว่าต้องพัฒนาคุณภาพ ของประชาชน
จริงไหมว่า นักการเมืองก็มาจากประชาชน หรือจากประชาชนนั่นแหละมาเป็นนักการเมือง นี่หมายถึงทั้งสองทาง คือ หนึ่ง-เมื่อประชาชนเป็นอย่างไร คนที่เป็นนักการเมืองก็คือ บางคนในประชาชนนั่นแหละมาเป็น สอง-คนที่เป็นนักการเมืองก็คือคนที่ประชาชน แบบนั้นแหละชอบอย่างนั้น แล้วเลือกเข้ามา
ดังนั้น คุณภาพของประชาธิปไตย จึงอยู่ที่คุณภาพของประชาชน”
อีกตอนหนึ่ง ท่าน ป.อ.ปยุตโต พูดถึง ก่อนกาเบอร์เลือกตั้ง กาหัวใจตัวเรา ว่า เอา “ธนะ” หรือเอา “ธรรมะ” ว่า
“เวลานี้เราต้องยอมรับความจริงว่าองค์ประกอบของสังคมแทบทุกส่วนเป็นปัจจัย ที่เอื้อต่อความโดดเด่นของผู้มีบาปธรรม ไม่ใช่เอื้อคุณธรรมมันจึงเป็นโอกาส ของเขา ก็ต้องรู้ตัวซิว่า เราได้ปล่อยสังคมของเราให้หมักหมมอยู่ใน ความประมาทมานาน จนกระทั่งสังคมนี้กลายเป็นสภาพเอื้อแก่คนพวกนี้ แล้วอย่างนี้ เราจะมาแก้ปัญหาฉับพลันทันทีได้อย่างไร
อย่างประชาชนทั่วไป ก็ไม่ใส่ใจแล้วว่า การเมืองจะทำให้บ้านเมืองส่วนรวมเป็นอย่างไร เอาแค่ให้ตัวฉันอยู่ได้ ก็ยอมรับเงินทองในการเลือกตั้งง่ายๆ ถ้าเราเอาคนดีมา ก็ยากที่จะได้รับการเลือกตั้ง นอกจากว่าจะมีความโดดเด่นประทับใจ จนกระทั่งเป็นสุดรักสุดบูชาของประชาชน
ในแง่หนึ่งคือ ต้องมีมหาบุรุษขนาดนั้น จึงจะสามารถเปลี่ยนสังคมอย่างนี้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่า องค์ประกอบในสังคมเวลานี้ มันเป็นอย่างนั้น และกระแสมันกำลังไหลไปทางนั้นอย่างรุนแรง...
เป็นทางเลือกของสังคมไทยว่า จะเอา ธรรมะ หรือจะเอา ธนะ ดูเหมือนว่าคนไทยมีเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ที่จะใช้สิทธิในการเลือกนี้ และ คนไทยก็รู้ด้วยว่า ที่ถูกต้องนั้นต้องเอาธรรมะ แต่ถ้าไม่เลือกธรรมะ กลับไปเอาธนะ ก็เพราะใจนี่แหละไม่เป็นไท ใจนั้นจึงไม่มีเสรีภาพที่จะเลือกเอาสิ่งที่ถูกต้อง หมายความว่า คนไทยที่ใจไม่เสรีก็ไปใช้เสรีภาพที่จะเลือกเอาธนะ”
สิ่งที่ ท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ เห็น กับสิ่งที่ อริสโตเติล เห็นเมื่อสามพัน กว่าปีก่อน ไม่มีอะไรต่างกันเลย สังคมเป็นอย่างไรก็ได้นักการเมืองอย่างนั้น
การ “พัฒนาการศึกษาของคนในชาติ” ผมจึงเห็นว่า “สำคัญที่สุด” ไม่ใช่เศรษฐกิจ คนในชาติมีความรู้ เศรษฐกิจก็ดีตามมาเอง ผมอยากให้ลองเลือกพรรคที่ “เน้นการศึกษา” ดู ประชาธิปไตยไทยอาจพัฒนาไปดีกว่านี้ก็ได้.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
คอลัมน์หมายเหตุประเทศไทย จาก http://www.thairath.co.th/column.html