เมื่อถามว่ามีการพูดคุยกันเป็นการภายในว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองใดหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า คงไม่มีการคุยถึงขนาดนั้น แต่เรื่องการเมือง ต้องมีอุดมการณ์ที่แน่นอน เมื่อถามว่า อุดมการณ์ต้องมีเงื่อนไข อะไรบ้าง นายบรรหาร กล่าวว่า ตอนนี้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายไม่อยากฟันธงว่าคืออะไรเพราะไม่อยากก้าวล่วง ไปถึง บางบุคคล กระแสพระราชดำรัสที่ว่า บ้านเมืองในขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจถือว่าเป็นที่สุด เพราะฉะนั้น พสกนิกรจะทำอย่างไรที่จะรับสนองฯ ถ้าสามัคคีกันได้ก็ไม่มีปัญหา แต่จะยอมกันได้แค่ไหน ยังไม่สามารถตอบได้
หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นอยู่กับว่า พรรคไหนจัดตั้งรัฐบาล ได้อีกพรรค ที่เป็นฝ่ายค้านก็ต้องช่วยสมานฉันท์ประคองให้รัฐบาลไปรอด 1-2 ปีแล้วมาแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่ามีบางพรรค ไม่พร้อมเป็นฝ่ายค้านและต้องชนะอย่างเดียวใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ก็เป็นเช่นนั้นแต่ขอกล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตนกับท่านชอบกันมากแต่ความชอบเป็นเรื่องส่วนบุคคล ส่วนบ้านเมืองและการเมือง ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ตนเองคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะกลับเข้ามาได้หลังการเลือกตั้งเพื่อต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าพรรคพลังประชาชนเป็นฝ่ายรัฐบาลก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องไม่ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้านอาจใช้เวลา 2-3 ปีเพื่อคอยช่วยพ.ต.ท.ทักษิณทางอ้อม อย่างไรก็ตามตนคิดว่าในอนาคตพ.ต.ท. ทักษิณจะกลับมาเล่นการเมืองอีกแน่นอน ที่บอกว่าจะเลิกเล่นการเมืองนั้นตนไม่เชื่อจริงๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรที่พรรคพลังประชาชนประกาศว่าจะนิรโทษกรรมกรรมการบริหารพรรคไทย 111 คน นายบรรหาร กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วง เพราะหัวหน้าพรรคพลังประชาชนเป็นคนโผงผาง ดังนั้นถ้าจะทำอะไรต้องใช้ความรอบคอบ และดูบ้านเมืองเป็นหลักด้วยไม่ใช่ดูเฉพาะตัวบุคคลเพราะบางคนบอกว่าเทิดทูนสถาบันชาติ พระมหากษัตริย์ ซึ่งพูดแล้วก็ต้องทำให้ได้ ไม่ใช่พูดแต่ปาก
เมื่อถามว่าดังนั้นนายสมัครจึงได้ชักชวนให้นายบรรหาร ร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายบรรหาร กล่าวว่า ตนยังตอบไม่ได้ เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่ระบุว่าถ้าไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ ก็เป็นนายสมัคร ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี นายบรรหาร กล่าวว่า คงหนีไม่พ้น2 คนนี้เพราะถ้าใครได้เสียงข้างมากแล้ว จัดตั้งรัฐบาลได้ก็มี2คนนี้เท่านั้น เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยสมัยม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เป็นนายกรัฐมนตรี 18 เสียง นายบรรหาร กล่าวว่า 'มันต้องเจอลูกฟลุคนะ ผมตอบได้แค่นี้ไปคิดเอาเองก็แล้วกัน มันอาจจะมีลูกฟลุคก็ได้' เมื่อถามว่า ลูกฟลุคคงไม่หล่นไปไหนนอกจากหล่นที่นายบรรหาร นายบรรหาร หัวเราะและกล่าวว่า คงไม่หรอก
เมื่อถามว่าการที่ระบุว่าเคยเป็นนายกฯมาแล้วไม่สามารถเป็นรองนายกฯได้ หากเลิกเล่นการเมืองจะไปทำอะไร นายบรรหาร กล่าวว่า ผู้ว่ากทม.เป็นตำแหน่งที่ท้าทาย หากไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็จะไปสมัครผู้ว่ากทม.เพราะต้องการ พัฒนากทม.ทุกด้านทั้งจราจร โครงสร้างพื้นฐาน ชุมชนแออัด และพัฒนาเมืองบริวารของกทม.โดยรอบปริมณฑล เช่น สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม ปทุมธานี เพื่อให้ไปมาหาสู่กันได้สะดวก
นายบรรหาร กล่าวว่า ก่อนวันเลือกตั้งช่วงนี้ตนใช้วิธีโทรศัพท์ถึงตัวบุคคลโดยตรง เพื่อสอบถามผู้สมัคร ของพรรคแต่ละพื้นที่ และให้กำลังใจ โดยจะโทร.หาคนที่คิดว่าจะได้ เพราะถ้าใครไม่ได้ โทรเท่าไหร่ก็ไม่ได้ นอกจากนี้ในคืนมาหอนก็ต้องระมัดระวัง เพราะเลือกตั้งคราวก่อนพรรคชาติไทยโดน 3 วันสุดท้าย และคืนสุดท้ายจนร่วงไปหมด ตอนนี้อำนาจรัฐไม่กลัว กลัวฝนอย่างเดียว อย่างไรก็ตามพรรคชาติไทยต้องได้ไม่ต่ำกว่า 30 เสียงแน่นอน สำหรับกทม.ยังต้องลุ้น เพราะดอนเมืองยังมีปัญหาว่าจะติดฝนหรือเปล่า เพราะขณะนี้ฝนตั้งเค้าแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าในกทม.น่าจะได้ไม่ 2 ก็ 3 ที่นั่ง ส่วนภาคใต้มั่นใจที่จ.นราธิวาสน่าจะได้ 2 ที่นั่ง