WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 20, 2007

ชีวิต(บัดซบ)ของ...อี๊ด


ไม่รู้ว่าเพราะถูกกล้วยแขกเสียบตูด หรือ เพราะดูดกล้วยแขกเข้าไปเต็มปาก เสรี วงศ์มณฑา ถึงได้จีบปากจีบคอ เออๆ ออๆ ก้อล้อก้อติก พูดจาสอดรับเข้ากับอดีตนายทหารเชื้อสายแขก เหมือนกับวัวเคยค้าม้าเคยขี่ ไม่มีเสียบหล่น เสียบหลุด แต่เข้ากันได้ดิบดีถึงเพียงนี้

“บังอยากให้พูดอะไรบอกมาเถอะ บังอยากให้ทำอะไรว่ามาเลย บังอยากให้ด่าแบบไหน บัญชามาทันที อี๊ดทำได้ทั้งนั้น ขออย่างเดียว ขอกล้วยแขกให้อี๊ดวันละสามเวลาหลังอาหาร หรือ อย่าทรมานอี๊ด ให้ต้องอดๆ อยากๆ เหมือน ทักษิณ ก็แล้วกัน”

(หมายเหตุ : อี๊ด คือ ชื่อเล่นหรือนิกเนม ของ เสรี วงศ์มณฑา ที่น้อยคนนักจะรู้จัก จะมีก็แต่ คนรักกันชอบกันเท่านั้น จึงจะรู้ ว่า อี๊ดเขาไม่ค่อยพูดกับใครว่า เขาชื่ออี๊ดนะยะ อี๊ดจะเรียกสรรพนามแทนตัวว่า พี่ ทุกครั้ง : แต่ ประดาบ ก็ดันไปทะลึ่งล้วงความลับของ พี่อี๊ด นะยะมาจนได้)

เสรี วงศ์มณฑา เป็นใครมาจากไหน แล้วทำไมอยู่ดีๆ จึงกล้ามารับบทโฆษกฝ่ายพล เรือน ของคมช. รับงานเดินสายด่าทักษิณ ทุกเวที โดยเฉพาะถ้ายิ่งได้ออกทีวียิ่งชอบ เพราะด่าในทีวี ไม่ต้องเสี่ยงถูกขี้ปาหน้า ไม่ต้องเสี่ยงถูกรองเท้าแตะแม่ค้า สามล้อ ที่รอทักษิณ กลับบ้าน ตบปาก

เสรี วงศ์มณฑา เป็นนักวิชาการผู้หิวกระหายเงิน อย่างไม่น่าเชื่อ ภาพลักษณ์ภายนอกที่คนทั่วไปรู้จัก ผู้ชายนะยะคนนี้ คือ นักวิชาการ นักการตลาด ผู้ปราดเปรื่อง เก่งฉกาจอย่างหาตัวจับยาก และมีฝีปากเป็นเลิศ (เรื่องนี้ ถามเสี่ยเหมา คนรักของเสรี ดูได้ ว่าปากเป็นเลิศจริงหรือไม่) แต่ตัวตนที่แท้จริงของคนคนนี้ทำทุกอย่างเพื่อเงิน และขอให้มีเงินมากองตรงหน้า อยากให้อ้าปาก หรือ อ้าขาก็บอกมาได้เลย ทำได้ทั้งนั้น

เสรี วงศ์มณฑา เคยเป็นอาจารย์คณะวารสารศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สอนหนังสือวิชาการตลาด และการโฆษณา มีลีลาการสอนที่ติดตราตรึงใจนักศึกษาอย่างยิ่ง แต่หากเป็นนักศึกษาชาย ก็มักจะเป็นฝ่ายถูกตาตรึงใจของผู้ชายนะยะคนนี้เสมอๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่าที่ถูกหลอกล่อ และต้อนเข้าสู่อ้อมอกและรั้วบ้านวอนรักของกระเทยเฒ่ารายนี้

นักศึกษาหลายคนที่เรียนกับ เสรี วงศ์มณฑา มักจะอดภาคภูมิใจไม่ได้ เมื่อได้เห็นไอเดียของตัวเอง ที่เคยทำเป็นรายงานส่ง เสรี วงศ์มณฑา กลายเป็นโฆษณาชิ้นเอกบนจอโทร ทัศน์ เพราะคิดว่าคิดตรงกัน เห็นเหมือนกัน มิชั่นเหมือนครีเอทีฟมืออาชีพ แต่เมื่อมารู้ความจริงแทบหงายหลังผลึ่ง พร้อมคำอุทาน “นี่ มันทำได้ถึงขาดนี้หรือนี่”

“มัน” ที่นี้ จะใครที่ไหน ก็อาจารย์ตัวดีชื่อเสรี นั่นเอง ที่แอบขโมยไอเดียของนักศึกษาไปขายต่อให้กับบริษัทโฆษณาที่ตัวเองรับจ๊อบเป็นที่ปรึกษา ได้เงินไปหลายบาทในแต่ละปี ที่มีนักศึกษาหัวดีๆ มาให้ดูดไอเดีย และ ไอติม

เสรี วงศ์มณฑา สอนหนังสืออยู่ในธรรมศาสตร์ กว่าสิบปี จึงลาออกไปเป็นนักวิชาการอิสระ เปิดบริษัทรับทำวิจัย เป็นที่ปรึกษาการตลาด เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยศรีปทุม ล่าสุดเป็นอาจารย์สอนปริญญาเอก มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต

ลือกันว่าเหตุที่ออกจากธรรมศาสตร์ ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจาก “เงินน้อย” และ ประชาคมธรรมศาสตร์รู้เช่นเห็นชาติหมดไส้หมดพุงแล้ว แต่ไม่ยืนยันว่าเหตุผลนี้ มีส่วนถูกกี่มากน้อย ประดาบยังอยากเชื่อว่า เหตุที่ออกมา เพราะ อี๊ดเธออยากเป็นนักธุรกิจเต็มตัว หาเงินหาทองไว้เก็บกินยามแก่เฒ่า กับเด็กๆ ในบ้านที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูอุ้มชูอยู่ด้านหลังเสียมากกว่า

อ้อ เกือบลืมไป เสรี วงศ์มณฑา เคยเป็นนักการเมืองกับเขาด้วยเหมือนกัน เมื่อครั้งที่มีชื่อเสียงโด่งดังสุดขีด ในฐานะนักวิชาการด้านการตลาดที่ปราดเปรื่องที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย เสรี ก็สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับการคัดเลือกเป็นทีมรองผู้ว่าราชการกรุง เทพฯ เมื่อครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ แข่งกับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แล้วพ่ายแพ้ขาดลอยหลุดลุ่ย

เรื่องนี้ เสรี วงศ์มณฑา ไม่เคยคุยให้คนรุ่นหลังฟัง แต่ก็อีกนั่นล่ะ ประดาบ ก็ดันไปทะลึ่งรู้เรื่องนี้ของ อี๊ด มาอีก ก็เลยเอามาบอกเล่าต่อๆ กันไป เพื่อเพิ่มดีกรีต่อท้ายชื่อ เสรี วงศ์มณฑา อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตทีมรองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ที่ไม่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนคนกรุงเทพ

ก็อย่างที่บอกไว้แต่ต้น เสรี วงศ์มณฑา เป็นคนหิวเงิน ที่ไหนมีเงิน และไม่มีสมอง ที่นั่นจะมี เสรี วงศ์มณฑา จำไว้เลย เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

เมื่อผิดหวังจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่หลอกฟัดแล้วทิ้ง ไม่ดุดำดูดี ไม่ยอมให้ดูดเพื่อชีวิตกันบ้างเลย เสรี วงศ์มรฑา ก็รู้ว่าพรรคการเมืองแห่งนี้ทำท่าจะหากินลำบาก จึงเก็บตำรายัดใส่กระเป๋า ลาแล้วหนาบ้านเก่า ดินแดนที่เราถูกหลอกมา

ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เสรี วงศ์มณฑา ก็กลับไปสอนหนังสือที่ธรรมศาสตร์ ต่ออีกหลายปี ในขณะที่สายตาก็เล็งหาพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเป็นแหล่งอาหาร และ แหล่งทำมาหากิน พร้อมๆ กันไปด้วย

แล้ว เสรี วงศ์มณฑา ก็เจอพรรคการเมืองที่ตรงกับสเปกตัวเอง เหมือนกับ กระเทยเฒ่าเจอหนุ่มในฝันยังไงยั้งงั้นเลย

“มีเงิน ไม่มีสมอง” ขอเพียงแค่สองอย่างนี้เท่านั้น เสรี ก็พร้อมจะทุ่มชีวิตไว้ให้เลี้ยงดูไปจนวันตาย

พรรคชาติไทย เมื่อปลายปี 2538 ต่อต้นปี 2539 เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ที่ถูกรุมฟัดจากสื่อมวลชน พรรคฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ และที่สำคัญคือคนในพรรคนั่นเอง จนหนีไม่ออก เหมือนกับหมาที่ถูกไล่ตีจนตรอก หมดทางออก บอกอะไร พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อถืออีกแล้ว ในที่สุด บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ต้องยุบสภาฯ เพื่อล้างแค้นที่ถูกพรรคร่วมรัฐบาล และคนในพรรคตัวเองหักหลัง จี้ให้ลาออกจากนายกรัฐมนตรี

หลังการยุบสภาฯ บรรหาร ศิลปอาชา ก็อยากจะปรับโฉมใหม่พรรคชาติไทย เพราะเลือด(ส.ส.)ไหลออกทุกวัน จากที่เคยมีส.ส.90กว่าคน เหลือไม่ถึง 40 คน นับเป็นห้วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดของพรรคชาติไทย นับแต่ก่อตั้งพรรคขึ้นมาเมื่อปี 2517

ขณะที่กำลังคิดหาทางประแป้งแต่งหน้า หาคำพูดดีๆ มีเหตุผลไปบอกประชาชนว่าเกิดอะไรขึ้นกับพรรคชาติไทย ทำไมเลือดไหลไม่หยุด อยู่นั้นเอง เสรี วงศ์มณฑา ก็เดินเข้ามาหาพร้อมด้วยแผนการตลาดกระเป๋าใหญ่ ทั้งแผ่นใส ทั้งสไลด์ (ยุคนั้นยังไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มี Power Point) ฉายให้บรรหาร และ ลูกนา ได้ชมว่าจะล้างภาพเก่าของพรรคชาติไทยได้อย่างไร

ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่า เสรี วงศ์มณฑา มีดีที่ปาก ใครตั้งสติไม่ดี ใครฟังแล้วไม่คิด เป็นต้องหลงและเสร็จคาลมปากของผู้ชายนะยะรายนี้ทุกคนไป (ผมสันนาฐานว่า บิ๊กบัง ณ คมช. ก็ไม่น่าจะรอด คงจะเสร็จคา(ลม)ปากของ อี๊ดไปเสียแล้ว แต่ไม่รู้ว่ายินยอมพร้อมใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย หรือ อยากลองของแปลก ก็ไม่ทราบได้)

สองพ่อลูก บรรหาร – กัญจนา ศิลปอาชา ปรบมือ ยกหัวแม่โป้งให้เสรี วงศ์มณฑา สี่นิ้ว (สองคน ก็ต้อง สี่นิ้ว ไม่ใช่ หัวแม่มือสอง หัวแม่เท้าสอง น่ะ อย่าคิดมาก) พร้อมกับเซ็นสัญญาจ้าง เสรี วงศ์มณฑา เป็นที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ของพรรคชาติไทย และ รับงานวางแผนการประชาสัมพันธ์เลือกตั้งของพรรคชาติไทยทันที

ว่ากันว่า เลือกตั้งเมื่อปี 2539 เสรี วงศ์มณฑา ตั้งปั๊มสูบเงินกลางพรรคชาติไทย ดูดไว้ไปไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท แลกกับแคมเปญ “Young Blood” หรือ เลือดใหม่ชาติไทย ให้พรรคชาติไทย นำไปหาเสียง เพื่อแก้เกมเลือดไหลไม่หยุด ว่า เลือดที่ไหลออกไปเป็นเลือดเก่า เลือดชั่ว ที่ต้องถ่ายออกอยู่แล้ว ต่อจากนี้ไปชาติไทย จะมีแต่เลือดใหม่ ที่สดใสไฉไลกว่าเดิม

เสรี วงศ์มณฑา ใช้เทคนิกการตลาด มาใส่ให้กับพรรคชาติไทย จนแพรวพราว ประดิษฐ์ถ้อยคำ วาทกรรมสวยๆ ไพเราะเพราะพริ้งไว้เกลื่อนพรรค แต่พรรคการเมือง ไม่ใช่บริษัท นักการเมืองไม่ใช่สินค้า หากแต่เป็นคนที่มีชีวิตจิตใจ มีวิถีชีวิตของตนเอง มีการดำเนินชีวิตที่ผูกพันกับชาวบ้าน ผูกพันกันด้วยถ้อยคำภาษาง่ายๆ แบบบ้านๆ แบบว่า “ แม่...ผมมาขอคะแนน นะ ให้ผมสักคะแนน นะแม่นะ”

คำว่า Young Blood ของ เสรี วงศ์มณฑา และ ถ้อยคำสวยหรูอีกมากมายหลายคำ แต่ชาวบ้านในชนบทซึ่งเป็นฐานคะแนนของแท้ของพรรคชาติไทย ฟังไม่รู้ ดูไม่ออก ว่า “ตกลงแล้ว พรรคบรรหาร มันจะทำอะไรให้กูบ้างวะ” ต้องงงเป็นไก่ตาแตก ส่งผลให้หลังเลือกตั้ง บรรหาร ก็เลยกระเป๋าแหก ไปฟรีๆ กับ เสรี วงศ์มณฑา เกือบ 100 ล้านบาท แต่ได้ส.ส.มา 30 กว่าคน และต้องย้ายข้างจากฝ่ายรัฐบาล ไปทนเป็นฝ่ายค้านกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งทำสงครามล้างโคตรกันมา ด้วยความดูดดื่มเป็นที่ยิ่ง

ถึงแม้จะแพ้เลือกตั้ง เสรี วงศ์มณฑา ก็มีลีลาสมราคาปาก 100 ล้าน ยังสามารถกล่อมบรรหาร – กัญจนา สองคนพ่อลูกให้จ้างเธอ เป็นที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ของพรรคชาติไทย และทำมาหากินอยู่ในพรรคนี้ได้มาจนถึงทุกวันนี้

เสรี วงศ์มณฑา มีหน้าที่สรุปข่าว และเสนอแนะความเห็นของตัวเอง ให้บรรหาร ฟังสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หลังจากบรรบายจบแล้ว เสรี ก็จะคะยั้นคะยอให้บรรหาร สั่งรัฐมนตรี ส.ส. กรรมาธิการของพรรคชาติไทย ทำนู่น ทำนี่ ตลอดเวลา แล้วก็หาช่องทางหาประโยชน์จากคำแนะนำ ข้อเสนอแนะของตัวเอง ด้วยการเข้าประกบ รัฐมนตรี ส.ส. กรรมาธิการ ที่ได้รับกระดาษโน้ตใบเหลืองจากบรรหาร พร้อมกับเสนองานประชาสัมพันธ์ เพื่อหารายได้เข้ากระเป๋าตัวเอง

ความเห็นต่อท้ายข่าวแต่ละข่าวที่เกี่ยวเนื่องกับพรรคชาติไทย ที่เสรี วงศ์มณฑา นำ เสนอต่อบรรหาร มักจะสรุปว่า เพราะขาดการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ดี ทำให้ประชาชนเข้าใจพรรคและหัวหน้าพรรคในทางที่ผิด ต้องแก้ไขด้วยการเร่งประชาสัมพันธ์ จัดทำแผนการโฆษณา ซึ่งเป็นวิธีการทำมาหากินของเสรี ที่คนในพรรคชาติไทยเอือมระอาเป็นอย่างยิ่ง แตไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะผู้ชายนะยะอ้างผู้ชายร่างเตี้ย เป็นคนอยู่ด้านหลัง (แบ็ค) เสมอๆ

เสรี วงศ์มณฑา เป็นที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ของพรรคชาติไทย ที่ขึ้นเวทีโชว์ลีลาปากปราศรัย (น้ำใจเชือดคอ) หาเสียงให้พรรคชาติไทย บ่อยครั้ง แต่ต้องเป็นเวทีที่มีบรรหาร ศิลปอาชา ร่วมอยู่ด้วยเท่านั้น เพราะถือว่า คนจ่ายเงินให้มีคนเดียว คือ บรรหาร ศิลปอาชา เพราะฉะนั้นคนสั่งงานก็ต้องมีคนเดียว คือ คนจ่ายเงิน แต่ถ้าเวทีไหน ไม่มีบรรหาร ก็จะไม่มีเสรี เหมือนกัน อันนี้เป็นที่รู้กันในหมู่สมาชิกพรรคชาติไทย

ว่ากันว่านับแต่ลาออกจากธรรมศาสตร์ มาเป็นนักธุรกิจด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เกือบ 10 ปี เสรี วงศ์มณฑา ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย จะมียกเว้นก็การเป็นที่ปรึกษาให้กับพรรคชาติไทย และผูกขาดการจัดทำแคมเปญหาเสียงให้พรรคชาติไทย เพียงอย่างเดียว ที่ประสบความสำเร็จทะลุทะลวงเป้า เป็นที่ถูกอกถูกใจและไว้วางใจของบรรหาร อย่างยิ่ง แต่เพียงแค่ทะลุเป้าบรรหาร ได้รายเดียว เสรี วงศ์มณฑา ก็หาเลี้ยงตัวเองและเด็กๆ ทั้งที่บริษัท และที่บ้าน ได้ตลอดชีวิตแล้ว

เสรี วงศ์มณฑา กลับมาเป็นที่รู้จักและโด่งดังในหมู่ประชาชนอีกครั้ง เมื่อเข้าร่วมกับสนธิ ลิ้มทองกุล ก่อม็อบขับไล่นายกฯทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่ใช้เวลาดูลาดเลา ดูจำนวนเงาคนที่มาร่วมชุมนุมอยู่ระยะหนึ่ง เสรี ก็กระโดดขึ้นเวทีร่วมอภิปราย กล่าวหา ด่ากราด นายกฯทักษิณ ทำผิดสารพัดข้อหา แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์คำพูดตัวเองสักเรื่องเดียว

ก็อย่างที่บอกไว้ ที่ไหน มีสตางค์ แต่ไม่มีสมอง ที่นั่น จะมี เสรี วงศ์มณฑา

ในเวทีม็อบพันธมิตรฯ ก็ตรงสเปกของเสรี อีกเหมือนกัน คือ มีเงินมาให้ถลุง แต่ไม่มีสมอง ต้องมาพึ่งสติปัญญาของเสรี เพราะฉะนั้น ก็ไม่ต้องถามว่า เสรี จะมีส่วนแบ่งกับเงินที่ไหลมาจากท่อทีพีไอ ที่ถูกรีดมาใช้ไล่นายกฯทักษิณ หรือไม่ แต่ต้องถามว่า เสรี ได้ไปเท่าไร มากกว่า

เมื่อขึ้นบันไดเวทีพันธมิตรไปแล้ว เสรีก็ต้องพลอยร่วมขบวนการโจรปล้นประชาธิปไตย ไปด้วย เพราะลีลาฝีปากเป็นที่ถูกตาต้องใจของ หัวหน้าโจรกบฎ สนธิ บุญยรัตกลิน ยิ่งนัก ถึงกับเรียกเสรี เข้าพบ เพื่อขอพิสูจน์ฝีปากแบบตัวต่อตัว ก่อนจะเซ็นอนุมัติให้ผ่าน และบรรจุเข้าทำงานในตำแหน่งกรรมการวอร์รูม มีหน้าที่หลักคือใช้ปากทำร้ายตัวเอง (ขอโทษ...พิมพ์เร็วไปหน่อยจึงพิมพ์ผิด) หน้าที่ของเสรี ที่บิ๊กบัง เห็นว่าทำได้ดี คือใช้ลีลาฝีปากทำร้ายนายกฯทักษิณ อย่างต่อเนื่อง จากที่เคยกล่าวหาบนเวทีพันธมิตร ให้ประชาชนเข้าใจผิดๆ ต่อไป ไม่ต้องโงหัว ไม่ต้องเปิดหูรับฟังข้อมูลใหม่ๆ เลย

เพราะ เสรี วงศ์มณฑา เคยเป็นแต่ที่หนึ่ง ไม่เคยเป็นสองรองใคร ไม่เคยกินน้ำใต้ศอกของใคร เว้นแต่น้ำใต้สะดือ จึงทนอยู่ในวอร์รูมที่มีคนอวดเก่งจำนวนมาก ไม่ได้ เมื่อเก่งขบเก่งหลายๆ ครั้งเข้า ผู้ชายนะยะที่มีรูปร่างบอบบางและกลมกลึงอย่างเสรี จึงรับไม่ไหว เพราะมีทั้งแรงกดและแรงดันจากชายหลายคนมากหน้าหลายตา อยู่ตลอดเวลา ไม่ให้ได้พักผ่อนนอนหลับกันบ้างเลย เสรี วงศ์มณฑา จึงยื่นใบลาออกไปท่ามกลางความดีใจของใครหลายคน ที่กำจัดผู้ชายนะยะคนนี้ไปได้

เหมือนเนื้อเพลงไทยยุค เสรี วงศ์มณฑา เป็นสาวแรกแย้มไม่มีผิด “วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก วันไหนสำนึกแล้วเธอจะเสียใจ ...”

นับแต่เสรี ทนแรงกดและแรงดันในวอร์รูมไม่ได้ ต้องลาออกไป ทั้งรัฐบาล และ คมช. ก็เจอตอที่ผุดขึ้นมาหลังน้ำลด เป็นจำนวนมาก ทั้งเดินชนตอ ถูกตอตำตูด ทั้งเจอตอจนเกือบตายหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุด บิ๊กบัง ก็รู้สึก และสำนึกเสียใจที่ไม่รั้งเสรี ไว้ จึงอดถวิลหาฝีปาก เสรี ไม่ได้ และต้องเรียกใช้ลีลาฝีปากผู้ชายนะยะที่ชื่อ เสรี วงศ์มณฑา อีกครั้ง

เสรี วงศ์มณฑา กลับมารอบนี้ ไม่มีใครกล้าขัดและกล้าขวาง และประกาศให้โลกรู้ว่า เมืองไทยในวันนี้ มีแต่ “ผู้ชายนะยะที่เป็นใหญ่” พวกชายแท้ๆ ชายทั้งแท่ง โดยเฉพาะชายชาติทหาร ต้องเดินเกาะเอวอยู่ข้างหลังผู้ชายนะยะ แล้วจะรุ่ง (หลังจากพุ่งเสร็จแล้ว)

เสรี วงศ์มณฑา ได้รับตำแหน่งเป็นวิทยากรคนสำคัญของโครงการประชาธิปไตยสีขาว ซึ่งเป็นงานล้างสมองของคมช. ที่มีจุดมุ่งหมายยัดเยียดข้อหาและความผิดนายกฯทักษิณ ใส่หูและหัวทหารตลอดจนชาวบ้านทั่วประเทศ ให้คิดเหมือนคมช. คือคิดว่าต้องกำจัดทักษิณ อย่าให้กลับมาเหยียบประเทศไทยได้อีก

เสรี วงศ์มณฑา ขันแข็งและเข้มข้นมากกับบทบาทวิทยากรของคมช. ทั้งอบรมทหารหนุ่มๆ ในที่ลับ (ตา) เพื่อให้นำความที่ได้ฟัง ไปบอกล่าวกับชาวบ้านอีกทอดหนึ่ง ทั้งเป็นผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ 2 - 3 ช่อง คือ ช่องกองทัพบก และ ช่องกรมประชาสัมพันธ์ ให้ได้รู้ได้เห็นว่า ช่อง(ปาก)ของเสรี มีความเห็นอย่างไรกับการเลือกตั้งครั้งนี้ และชี้นำให้เลือกพรรคอะไรก็ได้ ยกเว้นพรรคพลังประชาชน เพราะเป็นพรรคที่จะพานายกฯทักษิณ กลับประเทศไทย

แม้จะได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ ได้เป็นถึงโฆษกฝ่ายพลเรือนของคมช. เป็นวิทยากรคนสำคัญของโครงการล้างสมองประชาชน จากที่เคยรักทักษิณ ให้เป็นเกลียดจนไม่ลงคะแนนให้ แต่ เสรี วงศ์มณฑา ก็ยังไม่ลืมแหล่งทำมาหากินของตัวเอง มีเวลาว่างจากใช้ฝีปากสร้างความสุขแก่คมช. ก็จะแล่นกลับไปหาบรรหาร ศิลปอาชา ทันที เพื่อโชว์ลีลาฝีปาก ว่ายังช่วยให้พรรคชาติไทย ไปถึงฝั่งฝันได้เหมือนกัน

ดูจากบทบาทและพฤติกรรมของ เสรี วงศ์มณฑา ก็น่าสนใจอย่างยิ่ง และเป็นคำเฉลยได้เหมือนกันว่า บรรหาร กับ คมช. และ ม็อบไล่ทักษิณ มีความรักชอบพอกันแบบไหน ผ่าน เสรี วงศ์มณฑา

เป็นที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ยุแยงให้ไม่ลงเลือกตั้ง

เป็นแกนนำม็อบพันธมิตร ไล่ทักษิณ

เป็นวิทยากรล้างสมองประชาชน ให้ คมช.

เป็นผู้ปราศรัยหาเสียงให้พรรคชาติไทย

เป็นผู้มีส่วนร่วมวางแผนการเลือกตั้งให้พรรคชาติไทย

แต่อย่าคิดว่าที่เสรี วงศ์มณฑา ทำทั้งหมดนี้ ทำเพราะอุดมการณ์ ทำเพราะรักบรรหาร จริง ทำเพราะชอบคมช. จริง ทำเพราะเกลียดทักษิณ จริง กระทั่งรักประเทศจริง ดังปากว่า

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงลีลาของมืออาชีพบางจำพวก เท่านั้น

คือ มืออาชีพที่ภักดีต่อเงินตรา และตัวเองเท่านั้น

คือ มืออาชีพ ที่พร้อมจะรักและพร้อมจะเกลียดใครก็ได้ ถ้าเงินมาถึงมือพร้อมกับใบสั่งงาน

เสรี วงศ์มณฑา ก็เป็นมืออาชีพ จำพวกนี้

หากไม่บอก ใครจะไปเชื่อ ว่า เสรี วงศ์มณฑา ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ขอทำงานประชาสัมพันธ์ให้กับโครงการ OTOP ของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยขอผ่านมาทางพรรคชาติไทย ที่เคยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 1

ไม่ต้องบอกว่า เสรี วงศ์มณฑา ได้งานไปหรือไม่

หากได้ คงไม่คลั่งแค้นนายกฯทักษิณ ชินวัตร จนต้องฟัดเหมือนหมาบ้า เช่นทุกวันนี้

ทั้งหมดที่เล่ามานี้ คือ ชีวิต(บัดซบ) ของ อี๊ด ผู้ชายนะยะ ที่เปิดกันจะๆ แบบที่ไม่เคยหาอ่านได้จากที่ไหนมาก่อน

ปล. ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้า หากว่าจะมีคำบางคำไม่สุภาพ และออกไปทางเรตอาร์ ไม่ถึงเอ็กซ์ แต่จำเป็นต้องใช้คำเหล่านี้ เพื่อให้เหมาะกับคนที่นำมากล่าวและเล่าถึง และเกิดจินตภาพได้แจ่มชัด เมื่ออ่านอย่างมีอารมณ์ขัน เพราะผมตั้งใจให้อ่านแล้วหัวเราะ ไม่ใช่อ่านแล้ว(ขน)หัวลุก

โดย ประดาบ

จาก http://www.hi-thaksin.net/