'พปช.'ทิ้งทวนปราศรัยใหญ่คนแห่ฟังแน่นสนามหลวง 'อดีต นปก.'ขึ้นเวที ปล่อยมุขเด็ด ทักษิณ'ผิดแค่แย่ง อากาศ 'คมช-คตส.'หายใจ ขนญาติโกโหติกา'ทักษิณ'มาเพียบ
ที่สนามหลวง เมื่อเวลา 16.00 น. พรรคพลังประชาชน ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้งภายใต้หัวข้อ 'หมดเวลาทะเลาะกัน เลือกเกินครึ่ง เศรษฐกิจฟื้นแน่'
โดยตั้งเวทีตั้งอยู่กลางสนามหลวงบริเวณด้านหน้าศาลฎีกา หันหน้าไปทางสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า พร้อมทั้งติดตั้งจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่รอบบริเวณสนามหลวงหลายจุด โดยนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน นำคณะผู้บริหารพรรค แกนนำพรรค ตลอดจนผู้สมัครส.ส.ของพรรคทั้งระบบเขต และระบบสัดส่วนขึ้นเวทีปราศรัยท่ามกลางประชาชนร่วมรับฟังหลายหมื่นคน
นอกจากนี้ นางพจณีย์ ณ ป้อมเพชร มารดาคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขานุการส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และนายพายัพ ชินวัตร น้องชายพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้ามาร่วมฟังการปราศรัยด้วย
จัดทอล์กโชว์'มิ่งขวัญ'สร้างฝันทำประเทศมั่งคั่ง
ปราศรัยบนเวที มีผู้สมัครส.ส.กทม.และปริมณฑลสลับกันขึ้นพูด โดยอดีตแกนนำ นปก. 3คน ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รวมทั้งนายจักรภพ เพ็ญแข ต่างขึ้นเวทีปราศรัยทั้งหมด เนื้อหาโดยรวมเน้น ไปที่การเรียกร้องประชาธิปไตยกลับสู่ประเทศ เลือกพรรคพลังประชาชนให้เกินครึ่ง และโจมตีพรรคการเมืองคู่แข่ง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์
กระทั่งเวลา 18.20 น. นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค ได้ขึ้นเวทีพร้อมกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค โดยทำหน้าที่พิธีกรสอบถามความเป็นมาเกี่ยวกับชีวิตการทำงานของนายมิ่งขวัญ ซึ่งนายมิ่งขวัญ ได้เล่าถึงความสำเร็จในชีวิตการทำงาน และระบุว่าจะทำให้ประเทศไทยไม่ต้องถูกเผาจริง ตามที่คาดการณ์กัน แต่จะทำให้ประเทศมีความมั่งคั่ง
ต่อมา นายนพดล ปัทมะ รองเลขธิการพรรค ปราศรัยว่าวันที่ 23 ธ.ค.เป็นวันพิพากษาโดยประชาชน 45ล้านคน 19 ก.ย.2549 เป็นการยึดอำนาจโดนคนไม่กี่คน 1 ปีเศษที่ผ่านมานั้น 4 ข้อกล่าวหาของคมช. ต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังไม่มีคดีใดตัดสินว่าพ.ต.ท.ทักษิณผิดเลย
'แต่ตอนนี้ คตส.ก็ทยอยยื่นสำนวนและยังสรุปสมุดปกเหลืองที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำผิดนั้น ผมมองแล้วว่าทุกข้อหานั้นไม่ยากที่จะต่อสู้ในชั้นศาล ยกเว้นข้อหาเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ แย่งอากาศ คตส.และ คมช.หายใจ ส่วนคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา หรือคุณหญิงเป็ด ผู้ว่าฯ สตง.และกรรมการคตส.บอกว่า โดนขู่ทำร้ายและยังจะไปหัดยิงปืนนั้น ตนคิดว่าคงจะยิงไม่เข้า'
นายนพดล กล่าวอีกว่า ตนไปหาเสียงทั่วประเทศ โพลล์และหมอดูก็สรุปแล้วและขอให้เชื่อมั่นว่า นายสมัครจะเป็นนายกฯ คู่แข่งทางการเมืองของพรรคนี้คือพรรคประชาธิปัตย์ ตนเคยทำงานกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ตนไม่เคยเห็นผลงานหรือแนวคิดใหม่ๆของนายอภิสิทธิ์เลย หากใครคิดอะไรออกมา นายอภิสิทธิ์ก็อธิบายได้เป็นฉากๆ โวหารและความรูปหล่อไม่ได้ช่วยเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แต่นายอภิสิทธิ์มีผลงาน ที่ชัดเจนสองเรื่องคือ ขอนายกฯ พระราชทาน มาตรา 7และไม่ส่งพรรคลงสมัครส.ส.วันที่ 2เม.ย.2549 นายอภิสิทธิ์เหมือนเด็กที่รู้ว่าไม่ชนะก็ไม่ลงแข่งขัน
'นายอภิสิทธิ์เป็นมะม่วงที่บ่มแก๊ส ผมจึงขอเรียกว่า มาร์ก แมงโก และนโยบาย 99 วันนั้น พรรคนั้นไม่เคย พูดถึงผลงานที่อดีตพรรคไทยรักไทยทำไว้ เพราะไม่เคยคิดและไม่เคยทำ'
นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ผู้สมัครส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 8ปราศรัยว่า นายสมัครจะได้เป็นนายกฯ เพราะมีประสบการณ์ เพราะมาจากมหาประชาชนที่เลือกมา นายสมัครเป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกฯ เป็นผู้ว่าฯกทม.และเป็นส.ว. นายสมัครมาจากการเลือกตั้ง ตนไม่อยากเชื่อเคล็ด แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะทุกสนามก็ระบุว่า รับสมัครทั้งนั้น และในการเลือกตั้งครั้งนี้รัฐธรรมนูญก็ระบุว่านายกฯต้องมาจากส.ส. และส.ส.ก็ต้องมาจากการรับสมัคร
ฉะนั้นนายกฯก็ต้องชื่อนายสมัคร อย่าไปเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะนายอภิสิทธิ์ นั่งรถไปหาเสียงที่อีสานก็ต้องประสบอุบัติเหตุ ต้องเปลี่ยนรถถึงสี่คัน ซึ่งตรงกับเบอร์หาเสียงของพรรคนั้น หากประชาชนเลือกพรรคนั้นเป็นรัฐบาล ตนไม่รู้ว่าประเทศจะคว่ำอย่างที่นายอภิสิทธิ์เจอหรือไม่ สมมติว่าพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้ง ก็เวลาทำงานบ้าง และหากผ่าน 99วันไปแล้วทำไม่ได้อย่างที่พูดไว้ วันที่ 100ก็ขอให้ประชาชนไปทำบุญให้เลย เพราะครบ100วันแล้ว
นายจักรภพ เพ็ญแข คณะทำงานด้านต่างประเทศ พรรคพลังประชาชน ปราศรัยว่า เผด็จการทำให้เศรษฐกิจ ตกต่ำและหลายพรรคก็ไปกอดแข้งกอดขาเผด็จการ ตนไปหาเสียงมาหลายแห่งก็ขอบอกว่า ประชาชนตัดสินใจแล้ว และคงไม่มีการโกงการเลือกตั้ง เพราะนานาชาติก็ส่งทีมมาสังเกตการณ์แล้ว หากมีอะไรที่ไม่สุจริตก็จะมาจากฝีมือ ของเผด็จการหน้าโง่ ตนและพรรคนี้สู้กับเผด็จการไหว ฉะนั้นวันที่23ธ.ค.ประชาชนต้องเลือ กพรรคนี้ที่ยึดประชาธิปไตย