พรรคการเมืองดิ้นจับขั้วล่วงหน้า “เฉลิม” ยอมรับเจรจา “เสธ.หนั่น” จัดสูตรตั้งรัฐบาล 2 พรรค “พงศ์เทพ” แพร่บทความผ่านเว็บไซต์บ้านเลขที่ 111 ด่า “คมช.” ล็อคผลเลือกตั้ง พร้อมจี้ กกต. ทำหน้าที่ให้สง่างาม ผู้สมัคร พปช.โอด ฟังฝ่ายมั่นคงพูดถึงเหตุระเบิดแล้วรู้สึกว้าเหว่ แถมคนของพรรคยังถูกรถขับตามชนถึงสองครั้งสองหน
ยังไม่ทันที่จะมีการเลือกตั้งกระแสการจับขั้นก็เริ่มจะมีความคึกคักเสียแล้ว เมื่อพรรคการเมืองขนาดกลางอย่าง พรรคชาติไทย เพื่อแผ่นดิน รวมใจไทยชาติพัฒนา มีการต่อสายหารือถึงการจับขั้วเพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์ และพลังประชาชน ที่คาดหมายว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคมนี้
ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุด ที่ทำการพรรคพลังประชาชน นพ.
ส่วนที่มีการพูดคุยระหว่าง พล.ต.
อย่างไรก็ดี สิ่งที่พรรคเป็นห่วงในช่วง 4 วันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง คือแนวโน้มที่จะมีกระบวนการที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น จึงขอวิงวอนไปยัง กกต. ติดตามตรวจสอบการกระทำที่จะผิดต่อระเบียบอย่างเข้มงวด และให้เท่าเทียมกันทุกพรรคการเมือง
พปช.เปิดสูตรรัฐบาล2พรรค
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ยอมรับว่าได้หารือถึงอนาคตทางการเมืองกับ พล.ต.สนั่น จริง โดยพล.ต.สนัน ได้โทรศัพท์มาหาตอนที่ไปปราศรัย จ.หนองคาย และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันว่า แต่ละพรรคจะได้ส.ส.จำนวนเท่าใด ซึ่งก็ได้บอกไปว่า พรรคพลังประชาชนน่าจะได้ส.ส.เกินครึ่ง ส่วน พล.ต.สนั่น ประเมินว่าพรรคชาติไทยน่าจะได้ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 50 ที่นั่ง เลยคิดว่าหาก 2 พรรครวมกันก็น่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พูดคุยส่วนตัวไม่มีผลผูกพันกับพรรคพลังประชน ส่วนตัวคิดว่า แม้พรรคจะได้ ส.ส. เกินครึ่งก็ยังน้อยไปที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว จึงน่าจะร่วมกับพรรคอื่นให้ได้ 300 เสียงน่าจะสวยกว่า
จี้กกต.ทำหน้าที่ให้สง่างาม
ทางด้าน ร.ท.
ขณะเดียวกันแหล่งข่าวทางการเมืองก็ระบุว่าการจับขั้วทางการเองจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันเลือกตั้ง เพราะอย่างไรก็ตามท้งพรรคพลังประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องพยายามจับขั้วเพื่อตั้งรัฐบาลอยู่ดี ขณะที่บรรดาพรรคขนาดกลางก็จะเป็นตัวแปรที่มีอำนาจต่อรอง
ในอีกด้านหนึ่ง เว็บไซต์บ้านเลข 111 พลเมืองชั้นสอง (www.secondclass111.com) ของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้เผยแพร่บทความเรื่อง “ทางสายเดี่ยวในการแก้วิกฤตประเทศไทย” เขียนโดย นาย
นอกจากนี้ ในบทความยังเรียกร้องให้ กกต. ปฏิบัติหน้าที่อย่างสง่างาม จะทำอย่างไรให้ประชาชนชาวไทย พรรคการเมืองและผู้สมัครทุกคนมั่นใจว่า จะไม่มีการใช้อำนาจรัฐเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด
ผบช.น.ย้ำระเบิดสร้างสถานการณ์
ส่วนกรณีระเบิดสำนักงานพรรคพลังประชาชนเขตลาดพร้าวเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา พล.ต.ท.
แถมแกล้งก่อเหตุเพื่อหวังผลต่อชีวิตและทรัพย์สินซึ่งขณะนี้ในการสอบสวนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด เป็นการสร้างสถานการณ์ของพรรคการเมืองหรือไม่
ขณะที่ พล.อ.
ขับรถชนซ้ำคนพลังประชาชน
ขณะที่ในวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา นาย
โดยนายทศพล เป็นทีมงานของพรรคมีหน้าที่เฝ้าหีบบัตรเลือกตั้งที่เก็บไว้ที่ห้องขังของ สน.โชคชัย โดยได้เฝ้ามาตั้งมาตั้งแต่เย็นวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมาหลังจากมีการเลือกตั้งล่วงหน้า โดยจะสลับกับเพื่อรนเฝ้าในตอนกลางคืนตั้งแต่เวลา 17.00-06.00 น.
ในตอนเช้าวันที่ 19 ธันวาคม เวลาประมาณ 07.30 น. ได้ขับรถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น มีโอ สีชมพู ทะเบียน ขงษ 878 ร้อยเอ็ด เพื่อจะกลับบ้าน โดยสวมใส่เสื้อทีมงานหาเสียงของพรรคพลังประชาชน ระหว่างทางจอดติดไฟแดงบนถนนลาดพร้าว มีรถยนต์ไม่ทราบ สี ยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน ขับมาชนท้ายรถจักรยานยนต์จนล้มพลิกคว่ำ นายทศพล กระเด็นไปกระแทกกับเสาไฟฟ้าข้างทาง แต่ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยเหลือ ส่วนคนขับรถคันก่อเหตุได้ขับรถหนีไป ตอนนั้นตนแค่ถลอกเท่านั้น จึงได้คว้ารถจักรยานยนต์ขับต่อเพื่อกลับบ้าน
จากนั้นนาย
จี้ตำรวจ-คมช.เร่งจับคนผิด
ทั้งนี้หลังจากผู้สมัครของพรรคพลังปะชาชนทราบเรื่องจึงได้นำนาย
นายเฉลิมชัย กล่าวว่าไม่อยากให้โยงเรื่องนี้ไปเป็นเรื่องการเมือง เพราะไม่อยากถูกมองว่าสร้างสถานการณ์ ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งแล้วก็อยากให้ทีมงานทำงานอย่างสบายใจ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถึงกับเลือดตกยางออก ผู้ที่ก่อเหตุนั้นถามว่ามีสำนึกของมนุษย์ที่ดีหรือไม่ การขับรถชนคนก็ควรจะลงมาช่วย มารับผิดชอบแต่กลับหนีไป
ขณะที่นายยุรนันท์ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ใช่ทำแบบไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เนื่องจากที่ผ่านมา คมช และ ทางผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่ด้านความมั่นคง มองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างระเบิดที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชาชนเขต 3 ตำรวจก็สรุป ทั้งที่มาตรวจสอบอีกรอบ สลักระเบิดมีการถอดออกก็ทำให้เห็นว่าคนร้ายมีเจตนาทำร้าย หากมีการระเบิดขึ้นมาอาจเกิดเหตุร้ายขึ้นได้ ฝ่ายความมั่นคงควรจะออกมาดูแลเรื่องนี้ ไม่ใช่ยิ้มแสยะแล้วบอกว่าอย่าสนใจ ทำให้เรารู้สึกหว้าเหว่มาก
นายยุรนันท์ กล่าวย้ำว่า เราไม่ได้สร้างเรื่องนี้มาเพื่อให้ประชาชนสงสารและมาเลือกเรา อีกไม่กี่วันจะเลือกตั้งแล้ว เราอยากให้การดำเนินการเลือกตั้งเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว ทำให้ไม่รู้สึกไม่ปลอดภัย และว้าเหว่ และอยากให้จับคนผิดมาลงโทษ เพื่อที่จะได้รู้ตัวคนก่อเหตุ และทราบถึงสาเหตุว่าเกิดจากอะไร
คนบ้านเลขที่111พบสื่อมวลชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกันนี้ ที่โรงแรมรามาการ์เด้น อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง จำนวน 13 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.
โดยระบุว่าอดีตกรรมกมรบริหารพรรคไทยรักไทยทุกคน แม้ว่าจะไม่สามารถมีบทบาททางการเมืองได้ แต่ทุกคนยังคงมีความรักบ้านเมือง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกประการ
พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวว่าอยากออกมายืนยันกับสื่อมวลชนว่าพวกเราอยากเห็นความสามัคคีปรองดอง อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯมีพระราชดำรัสหลายครั้ง หลายโอกาส ซึ่งถือเป็นการจุดแสงสว่างให้กับทุกคน ความเป็นประชาธิปไตยต้องแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะวุ่นวาย ขอให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค. เพื่อตัดสินอนาคตของประเทศ
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า แม้พวกเราจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ยังมีสิทธิห่วงใยบ้านเมือง จึงได้ทำการจัดตั้งเว็ปไซด์ ขึ้นมา จะมีการนำบทความของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่วิเคราะห์วิจารณ์ และให้ข้อเสนอแนะต่อสถานการณ์บ้านเมือง มาเผยแพร่บนเว็ปไซด์ เพื่อให้ผู้มีอำนาจในขณะนี้รับไปแก้ปัญหา เจตนาของพวกเราคืออยากเห็นบ้านเมืองเดินต่อไปได้
เตือน “สุริยะใส” หัดรับความจริง
ด้านนายสุธรรมกล่าวว่า เรามีสิทธิโดยสมบูรณ์ที่จะบอกต่อสังคมว่าเราห่วงบ้านเมืองเช่นเดียวกัน และประชาธิปไตยจะเป็นทางออกของบ้านเมือง วันนี้ผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไรควรยอมรับ กรณีที่ นาย
นายอดิศรกล่าวว่า เท่าที่ได้ไปพบปะประชาชนปรากฏว่าให้การต้อนรับเรามากกว่าพรรคเก่าแก่บางพรรคเสียอีก การตัดสิทธิทางการเมืองนั้นเป็นการจงใจตัดสิทธิพวกเรา ซึ่งก็จะขอดิ้นรนตามพื้นฐานทางการเมืองของรัฐธรรมนูญ
นายจาตุรนต์กล่าวว่า ก่อน 19 ก.ย. 49 กลุ่มต่อต้านรัฐบาลขณะนั้นไม่เชื่อรัฐธรรมนูญ ไม่เชื่อถือการเลือกตั้ง ไม่ไว้ใจกกต.ในขณะนั้น แต่เมื่อมีการยึดอำนาจกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคมช.มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ อีกทั้งกกต.ชุดนี้ คมช.ก็เป็นผู้แต่งตั้งเอง ดังนั้นจึงไม่เหตุผลที่จะไม่เชื่อถือการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ควรมาประกาศล่วงหน้าว่าถ้าพรรคนั้น พรรคนี้ ชนะแล้วจะเคลื่อนไหวต่อต้าน