ประธานสภาผู้แทนราษฎร พบปะ ส.ส. ส.ก.และส.ข. ภาค กทม.พรรคพลังประชาชน เตือนให้สามัคดี สถานการณ์ยังไม่ปลอดภัย เพราะยังมีมือที่มองไม่เห็น เป็นภัยคุกคามอยู่
ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค คณะกรรมการประสานงานภาค กทม. ของพรรคพลังประชาชน(พปช.) จัดประชุมภาคกทม. นำโดย นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ประธานภาคฯ พร้อมด้วยส.ส. อดีตผู้สมัครส.ส. สมาชิกสภากรุงเทพฯ และสมาชิกสภาเขตของพรรคฯ กว่า 200คน เข้าร่วมประชุม รวมทั้งแกนนำสำคัญ เช่น พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรค
ต่อมาประมาณ 17.15 น. นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร มาร่วมงานด้วย โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ขอสวัสดีทั้งส.ก. ส.ข. และ ส.ส. ที่ถูกโกงด้วย หากไม่ถูกโกงคงจะได้มากกว่านี้ ทั้งนี้ที่ผ่านมามีขบวนการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้ประชาชนไม่ได้รับรู้ข้อเท็จจริง ทำให้เรามีปัญหา แต่วันนี้หากประเมิณสถานการณ์บ้านเมืองถือว่าดีแล้ว แม้การเมืองครั้งที่แล้วมีความพยายามใช้อำนาจรัฐก็แล้ว อำนาจเงินก็แล้ว โกงก็แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถชนะเราได้
ส่วนการทำหน้าที่ของตนในการเป็นประธานสภาฯ มีความตั้งใจว่าจะทำให้เป็นสภาที่ไม่สูงมากนัก นั่นคือจะให้เป็นสภาที่ประชาชนเข้าถึง รวมทั้งจะตั้งสภาภาคประชาชน ซึ่งใครมีเรื่องราวทั้งเอ็นจีโอ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถมาร้องเรียนได้ เรื่องใดเข้ากรรมาธิการได้ก็จะพิจารณา รวมทั้งตนยังมีความคิดขอให้คนบ้านเลขที่ 111 เข้ามาร่วมงานดังกล่าวด้วยในการรับฟังความคิดเห็นต่างๆ แต่ยังไม่อยากพูดมากเพราะมีกล้องอยู่ด้วยไม่รู้ว่าผิดกฎหมายหรือไม่
นายยงยุทธ ยังชี้แจงถึงกรณีถูกกล่าวหาว่าซื้อเสียงว่า ขอพูดในฐานะเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับตำแหน่ง ประธานสภา เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ตนได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่กกต.คนหนึ่ง แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นใครมาเล่าให้ฟัง ซึ่งตรงกับข้อมูลของตนว่าคดีดังกล่าวตนถูกจัดฉากใส่ร้าย ซึ่งทั้งหมดเป็นกับดักจะจับผิดตนตั้งแต่กลับมาจาก สหรัฐอเมริกาแล้ว โดยใช้ผู้นำท้องถิ่นที่มีคดีความต่างๆ มาบีบบังคับให้เป็นพวกเขา มีการจ่ายเงินจ่ายทองโดยการใช้ผู้นำเหล่านั้นเป็นตัวล่อเพื่อให้ไปสู่การซื้อเสียง
ซึ่งมีการชักชวนให้มาเยี่ยมเยียนตนที่อยู่กทม มีการไปถ่ายภาพขณะขึ้นลงเครื่องบิน พร้อมกับถ่ายวีดิโอโดยเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารขณะประชุม ซึ่งเนื้อหาการประชุมวันนั้นได้ประชุมที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค โดยเนื้อหาที่พูดคุยไม่มีอะไรเลย เป็นการขอความร่วมมือให้ตนเป็นคนทวงเงินจากอดีตสจ.คนหนึ่ง จากนั้นก็มีการสอบสวนเมื่อไปสู่กกต.แทนที่ข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับเขากลับเป็นประโยชน์ต่อเรา นอกจากนี้ยังมีการขู่ต่างๆนานาและ กล่าวโทษพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่ารวยแล้วเพราะโกงมา ขณะนี้ได้หอบเงินไปอยู่ต่างประเทศแล้วยังจะไปเลือกอีกหรือ
'พรรคตอนนี้ไม่ใช่แค่ถูกเรื่องเงินเข้ามาคุกคาม แต่เรายังมีภัยจากความพยายาม มือที่มองไม่เห็น มาคุกคามเราตลอด ไม่ใช่เวลาที่จะมาแก่งแย่งตำแหน่งหน้าที่เพราะว่าอาจเกิดอันตรายต่อพรรคได้ ภาวะไม่ปกติ ซึ่งพวกเราต้องช่วยประคับประคอง คลื่นที่ผ่านมาเป็นคลื่นเล็กและกลาง แต่คลื่นข้างหน้าที่เข้ามาใหม่ต้องคิดให้ดี จะหลบซ้ายหรือขวาและประคับประคองตลอดรอดฝั่งให้ได้ ไม่อย่างนั้นเรืออาจอับปาง ยอมรับว่าเหนื่อยแต่ก็พยายามจะเอาใจมาช่วย' นายยงยุทธ กล่าว