"สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ รายการสนทนาประสาสมัครมาพบเหมือนเคยนะครับ เวลาจะมาพูดโทรทัศน์ พูดไปพูดไป พูดมา 6 หนแล้ว หนที่ 6 ก็ใครต่อใครสั่งเสียกันใหญ่ จะไปมีแต่คนสั่งเสีย คือบอกว่า ขอไม่ให้พูดกันเรื่องหนังสือพิมพ์ ไม่ให้ตำหนิหนังสือพิมพ์ ไม่ให้ว่าหนังสือพิมพ์ ไม่ให้ตอบโต้หนังสือพิมพ์ แล้วก็ผมจะจัดรายการแบบนี้ทำไมละครับ
ก็เขาว่ามันโครมๆ เขาบอกเขาเป็นกระจกส่อง แล้วผมก็บอกว่า อะไรเป็นอะไร รายการนี้เป็นรายการที่ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองเสพข่าว เสพหนังสือพิมพ์ เสพอะไรต่างๆ แล้วบ้านเมืองนี้ก็มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เขาจะตำหนิติเตียนอะไรก็ทำได้ สถานที่ราชการ ตำหนินายกรัฐมนตรีก็ทำได้เลยครับไม่มีปัญหา ใช่ไหมครับ
สถานีโทรทัศน์บางช่องเขาก็มีคนจัดรายการ มาจากไหนจากไหนไม่รู้ก็จัดรายการ พูดจาว่ากล่าวกระแทกแดกดัน เขายังไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรอย่างไรเลยครับ นิปัญหาว่า จะให้เขานั่งถลุงเราข้างเดียวแล้วไม่ตอบไม่พูดเลย ไม่ช้าไม่นานก็มีปฏิวัติ ยึดอำนาจอีก ก็เลวตามเลวก็ด่าว่ากล่าว แต่ว่าถ้าเรามีช่องทางตรงนี้จะอธิบายความ
ผมก็ขอบพระคุณนะครับที่แนะนำที่ตักเตือน ที่ไม่ให้พูดอะไรต่าง ๆ แต่ว่าเมื่อผมพูดแล้วเขาก็มีวิพากษ์วิจารณ์กลับมา เราตำหนิติเตียนเขาไป เขาก็พูดจา ผมก็ต้องทำความเข้าใจ ท่านผู้ชมเป็นผู้ชม คนหนังสือพิมพ์เขาเป็นคนเขียนวิพากษ์วิจารณ์ผม วิทยุก็วิพากษ์วิจารณ์ โทรทัศน์ก็วิพากษ์วิจารณ์ แต่ปัญหามันต้องร่วมผสมประสานกันนะ ปล่อยให้เขาถลุงอยู่ข้างเดียว แล้วยังไงครับ แล้วเราก็บอกจะเอางาน จะส่งงาน ต้องแสดงเรื่องงานๆ ผมก็ทำเรื่องงาน
เอาละครับ คราวที่แล้วเขาก็ตำหนิว่า นั่งกับพูดๆๆๆ ไม่ทำอะไร แปลว่าที่ทำที่นั่งมานี่ไม่ได้ประโยชน์ ผมต้องทำความเข้าใจก่อนครับ มันต้องมีประโยชน์บ้าง แล้วจริงๆ แล้วการจะทำงานอะไร งานที่ผมไปทำก็พอมี แต่ว่าผมมีคนอีก 35 คน ทำงานอยู่กับผมนะครับ ผมมาพูดจาอะไรต่างๆ คนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องแสดงให้คนที่เขาเป็นประชาชนที่เขาดูเราอยู่ได้รู้ว่า มันเป็นคนมีความคิด มีความคิดบ้าง มาก็จะพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ จัดรายการของผมเสร็จเรียบร้อย ผมก็จะมีต่อท้ายเรียกว่า สารคดีของผม พูดเพื่ออะไร พูดเพื่อจะให้รู้ว่า หาทางที่มีปัญหาก็หาหนทางแก้ บางครั้งดูเหมือนกันไกลเกินไป แต่ผมคิดว่า ถ้านักวิชาการเขียนหนังสือ ทำไอ้โน้นไอ้นี่ ยกย่องสรรเสริญกันได้ ทำไมคนเป็นนายกรัฐมนตรี จะแสดงความเห็น ผมไม่เขียนเป็นหนังสือหรอกครับ ผมจะขออนุญาตตรงนี้ใช้เวลาตอนต้น ทบทวนให้ดูหน่อย
ผมพูดเรื่อง แก้เศรษฐกิจด้วยเศษสตางค์ ก็เจตนาของผมก็คือว่า ให้เก็บเหรียญเอาไว้ พูดถึงบ้านอื่นเมืองอื่นก็อเมริกาเป็นตัวอย่าง เขาเก็บเหรียญ 4 เหรียญของเขาไว้ 100 ปีเขายังอยู่ เขายังซื้อ 98 ทอน 2 ,97 ทอน 3 เราก็บอกเหรียญของเราให้เก็บ เหรียญบาท เหรียญ 5 เหรียญ 10 เจตนาก็คือว่าต้องการจะให้ว่า ขึ้นราคา ราคา 20 บาทขึ้น 1 บาท ก็อยู่ได้แน่นอน ขึ้น 1 บาท ก็ขึ้น 5% ก็เทียบให้ดู อาหาร 5 % พูดอย่างนี้นะครับ ถ้า 25 ก็ให้ขึ้น 26
แต่ที่พูดแล้วผลคือยังไง ผลก็คือว่า ทางฝ่ายราชการ คิดว่าจะให้เศษสตางค์เขาคือเหรียญสลึง เหรียญ 50 สตางค์ คือเข้าใจผิดไปเลยว่า เขาคิดว่านั่นคือเศษสตางค์ บาทไม่ใช่เศษสตางค์ นั่นเป็นความเข้าใจผิด และอาจเป็นความบกพร่องของผมด้วย เรียกเหรียญบาทว่า เศษสตางค์ เจตนาคือให้เก็บเหรียญบาทไว้ ถ้าตัวเหรียญมันแพงจะปรับปรุงอะไรก็สุดแท้แต่ ก็ไปปรับปรุงเป็นเหรียญ 2 บาท ผมไม่เห็นด้วย นี่ก็คือว่า เราก็แสดงความคิดเห็น เขาจะผลิตใหม่ เขาจะได้ไม่ผลิต ให้เก็บเหรียญบาทไว้ก็เพื่อว่า 20 เป็น 21 25 เป็น 26 ผลที่ออกมาเป็นไงรู้ไหมครับ 30 ลดบาทหนึ่ง คนที่ร่วมมือลด 1 บาท ขายข้าวแกง 29 ก็คุยบอกว่าลด เข้าใจก็เข้าใจ ลดบาทก็ยังดีกว่าไม่ลด
แต่สำคัญ อยากจะบอกว่า 25 ขึ้นเป็น 26 ไม่ใช่ 25 เป็น 30 แล้วไม่ใช่ 30 เป็น 29 เราต้องการว่า ให้มันขึ้นที่ละขั้น ให้มันขึ้นกระได 5 หน อย่างนี้นะครับ ก็พูดเรื่องแก้เศรษฐกิจด้วยเศรษฐสตางค์ ก็เจตนาอย่างนี้ ก็คุยแล้วจะต้องมีความหมายว่า เราต้องพยายาม ถ้าเก็บเศษสตางค์ได้ต้องมีคนร่วมมือด้วย อธิบายให้เห็นเลยว่า พ่อค้าแม่ค้ากำไรอย่างไร นั่นแหละครับได้แต่พูดๆ แต่ผลที่ได้นั้น ถ้าเหรียญบาทใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เก็บไว้เหรียญบาท เหรียญห้า เหรียญสิบ มันก็ขยับขึ้นได้จริงๆ พิสูจน์ได้ว่า 20 บาทขึ้น 1 บาท คือ 5% แต่ถ้า 20 บาทขึ้น 25 บาท มันขึ้น 25% นะครับ อย่างนี้มันไม่ไหวต้องให้เห็นว่าอาหารขึ้นที 25% ขึ้น 30% ขึ้น 20% นี้คือคนเป็นนายกรัฐมนตรีมาพูดแสดงความคิดเห็น อย่างน้อยต้องได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ทั้งคนผลิตเหรียญ ทั้งพ่อค้าแม่ค้าต้องได้คิด
พูดเพื่ออย่างนี้นะครับ ยกตัวอย่างอีกอันหนึ่ง เรื่องน่าคิดจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค ผมต้องการให้รู้ว่าผมต้องการไปถึงผู้ผลิต ขายส่งเป็นอย่างไร แล้วมาขายในตลาดเป็นอย่างไร จังหวะตรงนี้นะครับ จากผู้ผลิตถึงผู้บริโภคมันห่างกันมาก ทั้งๆ ที่มันจะสัก 2 ช่วง แต่นี่มัน คือดูแล้วว่า คนขายมันกำไรมันเยอะ คนขายนั่งขายต้องกำไร คนขนต้องกำไร ถ้ามัน 2 คนเท่านั้น แต่ลองดูสิครับ ถ้า 5 บาทขาย 25 คนปลูกได้ 5 บาท คนกินจ่าย 25 แต่คนขนกับคนขายเอาไป 20 บาท อย่างนี้มันเกินเหตุไหม หมายความว่า คนซื้อซื้อสัก 20 คนขายได้ขายมาสัก 8 บาท แล้วคนที่นั้นเอาไป สัก 10 บาท ผมคิดอย่างนี้ นะครับ คนบริโภคจะได้จ่ายน้อยลงหน่อย คนผลิตจะได้ตังค์มาหน่อย แล้วคนกลาง คือทั้ง 3 คนจะต้องอยู่ได้
คือพูดเรื่องนี้ เรื่องน่าคิดจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค มาแจกแจงราคาผักอะไรต่างๆ มาแจกแจงให้เห็นอย่างนี้ หน่วยราชการใครที่ไหนเขาเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรี เขาก็จะไปจัดการดำเนินการ ที่ไหนอย่างไร คนบริโภคที่ไหน ไปตามดู จะซื้อให้ถี่ถ้วนหน่อย คนจะปลูกจะขาย ตัวไปซื้อเขามาจากไร่จะได้ไม่กดกันมากเกินไป พูดก็เพื่อเจตนาต้องการอย่างนี้ครับ
ผมบอกว่า ทุกข์เพราะเป็นหนี้และวิธีแก้ทุกข์เพราะต้องการให้เห็นมีหนี้ ครูตัวสำคัญอะไรต่างๆ ก็จะประกาศนโยบายสำหรับหนี้ แต่เพื่อให้เป็นแนวทางว่า หนทางมี คนเป็นหนี้มันร้อนฉ่า มันก็อุตส่าห์ไม่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นหนี้อย่างไร ก็คือว่าเป็นหนี้ เป็นหนี้น้อย 8 หมื่น เป็นหนี้มาก 8 แสน ให้เห็นตัวเลขอย่างนั้น แล้วก็อธิบายให้ฟังว่า เราถ้าไปซื้อบ้านก็เอาบ้านค้ำประกัน เอาเงินเดือนค้ำแล้วก็ผ่อนชำระ ก็แนวทางของผมก็คือว่า หนี้ไปจ่ายหนี้นอกระบบ 8 หมื่น 8 หมื่นก็จ่ายเดือนละ 8 พัน เขียนเช็กล่วงหน้าเลย เผลอประเดี๋ยวเดียว 10 เดือน 8 หมื่นแล้ว ดอกทั้งนั้นไม่ได้จ่ายต้น
ก็แนวความคิดให้ฟังว่า สมัยที่ดอกเบี้ยแพง ร้อยละ 15-16 มีบ้านค้ำนี่นะครับ 15% 15 ปี 8 หมื่น จ่ายคือ 1,065 บาท เพราะฉะนั้นใครเป็นหนี้ 8 หมื่น เคยจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 8 พัน ก็สามารถจะนำมาเขาระบบได้ เอาเงินเดือนมาค้ำประกัน 1,065 ดอกเบี้ยร้อยละ 15-16 บัดนี้ดอกเบี้ยเหลือ ร้อยละ 8 เคยจ่าย 1,065 เหลือ 750 บาท เขาบอกว่าคนเป็นหนี้ 8 หมื่น เคยจ่ายแต่ดอกเบี้ยเดือนละ 8 พัน ก็จ่ายทั้งต้นทั้งดอกเดือนละ 750 บาท ก็เอามาเข้าระบบ ใครมีอะไรต่างๆ ก็เอามาเขาระบบ ก็อธิบายแนวทางไว้ เป็นหนี้ 8 แสน เคยจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 8 หมื่น มีนะครับ ไม่ใช่ไม่มี ก็สามารถที่จะเอามาเข้าระบบแล้วจ่ายเดือนละ 7,500 บาท 180 เดือนหมด ทั้งต้นทั้งดอก เป็นหนี้ 8 แสน จ่ายเดือนละ 7,500 อย่างนี้ครับ เอาเงินเดือนค้ำประกัน
ก็พูดครับ นายกรัฐมนตรีพูดเป็นแนวทาง ใครจะเอาไปช่วยไปทำ ครูจะทำอย่างไร ผมก็จะตามไปดูของผม แต่การพูดมันไร้ประโยชน์นะครับ มันพูดๆๆๆ ไปอย่างนั้นนะครับ ก็คนฟังนะครับ ข้าราชการเขาฟัง เขาก็บอกเออ นายกรัฐมนตรีคิดอะไรอย่างไร ถึงมันไม่เป็นคำสั่งไป แต่ผมต้องตามไปดูของผมแน่ โครงการจะช่วยครู คนนั้นเป็นอย่างไร คนนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องตามไปทำ
แต่พูดให้ฟังซะก่อนว่า คนบริหารบ้านเมืองมีความคิด ไม่ใช่มานั่งทื่อๆ ไปอย่างนั้น ไปนั่งเปิดงานตัดริบบิ้น ไม่ใช่ คิดให้ฟังว่าคิดอะไรอย่างไร ดูนะครับ เอาสักเรื่องเวลานี้ คราวที่แล้วเรื่องทุกข์ของหมอ ปรากฏว่าพูดจาเหมือนกับรีบร้อนไปหน่อย คุยเรื่องอื่นก็แยะก็ปรากฏว่า เรื่องของคุณหมอน้อยไปนิด
เมื่อวานก็ไปเจอคุณหมอ ผมก็ไปตรวจโรคนะครับ 3 เดือนตรวจหนหนึ่ง ก็ดีครับ น้ำตาลดี ไตกรีเซอร์ไรด์ ทุกอย่างดีเรียบร้อยหมด ก็บอกให้รู้เท่านั้นครับ ยังแข็งแรงพอฟัดกับอะไรต่ออะไรได้อีกเยอะ ก็คือจะบอกว่า ก็ได้คุยกับคุณหมอต่อ คุณหมอก็เล่าให้ฟังบอกว่า ที่มาก็ฟังเหมือนกับว่า โอ้ย มีกฎหมายคุ้มครองคนอื่น หมอจะขอกฎหมายคุ้มครอง หมอบอกไม่ใช่เลย หมอใหญ่ระดับผู้อำนวยการเป็นประธานแพทยสภา ก็บอกเลยครับ ว่า เจรจาบอก คุณสมัคร วันนี้เล่าต่อหน่อยได้ไหม ผมบอกได้ คุณหมอบอกให้บอกกับคนฟังหน่อย หมอคิดถึงเรื่องไม่ต้องการให้คนไข้เสียชีวิต มีสถิตจากอเมริกา ในนิวยอร์ก แสนคนที่ตาย เขาเอามาดู เขาบอกว่า ถ้าหากมีระบบระเบียบใน 7-9 ข้อนี้ ถ้ามีอย่างนี้มา มันจะตายเพียง 5 หมื่น
เขาทำอย่างไรครับ ผมต้องอ่าน เขาเรียกว่า National Patient Safety Foundation คือเขาต้องการให้มีสถาบันในระดับชาติ กระทรวงสาธารณสุข แล้วก็ร่วมกับใครต่อใคร เขามีหน่วยงานหลายหน่วยที่ว่า สภาวิชาชีพ กรวงสาธารณสุข สมาพันธ์สภาวิชาชีพ โรงพยาบาล สปสช. คณะกรรมการ คือใครต่อใครเกี่ยวกับเรื่องผู้คนทั้งหมดให้ร่วมกันตั้งสถาบัน เขาต้องการอะไรครับ เขาเรียกว่า Patient Safety Goal เขาเรียกว่า มีความถี่ถ้วน คุณหมอติดป้ายเลย ล้างมือก่อนทุกครั้ง เขาบอกเลยถ้าเพียงแต่ล้างมือ จะตรวจคนไข้ล้างมือก่อน ก็ช่วยได้เยอะ ไม่ให้ยาคนผิด คือต้องให้ถูกตรวจสอบแน่นอน ตรวจเลือดไปติดป้ายผิดไปปั๊บ ถี่ถ้วนตรงนี้ ถี่ถ้วนเรื่องจ่ายยา จ่ายยามากไป จ่ายยาน้อยไป จ่ายยาผิด สนทนากับคนไข้ ไม่ตรวจสอบ คนไข้แพ้อะไรอย่างไร เขาบอกอย่างนี้นะครับ แล้วก็ต้องมีการบันทึกของคนไข้ ผมกลัวจะผิดพลาด ผมเอามาด้วยครับ
การสื่อสารของคนไข้กับคนดูแลจะต้องถี่ถ้วน แล้วที่จะเสียชีวิต แม้กระทั่งที่จะผ่าตัด ที่จะทำอะไร ดูเรื่องอัคคีภัย อันตรายที่คนไข้จะลื่นหกล้มอะไรต่างๆ แล้วก็ผ่าตัดผิดที ผ่าตัดผิดคน เรื่องต่างๆ นี้นะครับ เขาบอกทั้งหมดมี 9 ข้อ ถ้าหากมีสมาคมระดับชาติ ซึ่งเขาบอก WHO อยากให้ทำ กระทรวงสาธารณสุขของเราก็ไม่สนใจเท่าไหร่ ทีนี้กระทรวงสาธารณสุขรัฐบาลผม ผมก็บอกว่า มันไม่ได้มีอะไรหนักหนา มันควรจะต้องมี แล้วถ้าคนแสนหนึ่งถ้าทำมีอย่างนี้ 8-9 ข้อ มันตายน้อยไปครึ่งหนึ่ง อย่างนี้มันช่วย
แล้วเขาบอกชัดเจน เขาไม่ต้องการเอากฎหมายมาช่วยแล้วกฎหมายป้องกัน อาชีพอื่นมีนะครับ แต่หมอไม่ต้องการอย่างนั้นนะครับ เขาต้องเพียงแค่ว่า ให้เข้าใจกันเสียเป็นอย่างไร และแนะนำว่าเขาต้องมีกองทุนสำหรับเป็นการเยียวยาเมื่อเกิดเหตุ ราชการไม่กอง เอกชนเขากองนะครับ เกิดเหตุปั๊บเขาเจรจาความเลย ตกลงกันได้เสร็จก็ไม่ไปถึงคดีอาญา มันก็เป็นคดีอาญาน้อย ที่ผมพูดคราวที่แล้วว่า เมืองนอกไม่มี มีบ้างก็ไอ้บ้าเลือดจริงๆ พวกที่หากินจะเอาเรื่อง แต่ว่าจริงๆ แล้วเขาตกลงกันได้ เขาก็ว่าราชการก็ควรจะทำ
เพราะฉะนั้นเรื่องพรรณอย่างนี้ ไอ้คำที่มันชอกช้ำใจหมอก็คือว่า ศาลท่านพิพากษาท่านก็เอากฎหมายมาทำการวินิจฉัยธรรมดา เอาผู้เชี่ยวชาญ คนที่ดำเนินการก็แพทย์ฝึกหัด แพทย์ดำเนินการปี 1-2 แล้วเกิดเหตุ เหตุย่อมเกิดขึ้นได้ในเท่าไหร่ส่วนเท่าไหร่ เกิดขึ้นได้ แต่เวลาถ้าโดนไปฟ้องคดีแล้ว เอาผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ คำพิพากษาว่า เมื่อรู้ว่าตัวยังไม่เชี่ยวชาญต้องระมัดระวังยิ่งกว่าปุถุชนธรรมดา อย่างนี้ตายไหมครับ ไอ้พวกหมอบอกแล้วจะเป็นไปทำไม เจตนาต้องการจะช่วยคน แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นมาแล้ว ก็มีความรับผิดชอบ เขารับผิดชอบทางแพ่งเป็นส่วนใหญ่ ถ้าทางอาญาถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง
...ถ้ารับผิดชอบทางแพ่งเป็นส่วนใหญ่ทางอาญาถ้าเหลือบ่ากว่าแรง กฎหมายที่เขียนบอกว่าถ้ารุนแรงร้ายจริงๆ มีเจตนาจริงๆ ต้องการจะฝ่าเอาหัวใจไปให้ใคร ถ้าแบบนี้เขาบอกโอเคไม่เป็นปัญหาคือ หมอจะถูกลงโทษได้ แต่ว่าจริงๆ แล้วต้องการวิธีการ เพราะตอนนี้มีกฎหมายเข้ามาแล้ว เขาไม่ได้บอกว่าต้องป้องกันหมด เขาช่วยคิดถึงเรื่องคนไข้ เพราะฉะนั้นพูดเรื่องคุณหมอยาวนิดหนึ่ง เพราะเรื่องอย่างนี้ไม่ได้วิตกหรือทุกข์ร้อน ผู้คนต่างๆ ผมไม่อยากออกชื่อ วิตกทุกข์ร้อนว่าจะอย่าไรกัน เพราะสมัยนี้บ้านเมืองทันสมัยขึ้น แต่ก่อนไม่มีหมอความ จะเป็นจะตายไม่มี ความเจ็บช้ำน้ำใจเวลาญาติจากไปนี่มีทุกคน แต่เขาก็เยียวยากันด้วยปัจจัยอะไรต่างๆ ด้วยเห็นใจ เข้าใจ ก็อยู่กันได้ทั้งหมด ทั้งคนไข้ แต่ถ้าโยนโครมๆ ผมคิดว่ามีรายเดียว ไปดูมีเป็นแถว
เพราะฉะนั้น ของเราก็ต้องมีหนทางปรับปรุง แต่ว่าเขาปรับปรุงที่ของเขาเอง เขาบอกว่า ถ้ายอมตั้งสาธารณสุขยอมตั้งๆ เอามารวมกันจะตั้งชื่อไทยว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ดูแลคนไข้ แปลว่า ทุกโรงพยาบาลต้องมีข้อป้องกันอันนี้ 1-2-3-7-8-9 ติดไว้เลยต้องถี่ถ้วน เขาบอกว่าถ้าถี่ถ้วนตามนี้ถ้าตรวจคนไข้ใหม่ต้องล้างมือใหม่ ทำได้ไหม ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องอยากเย็น แต่ว่าอเมริกาเขาทำ เราก็เอาตัวอย่างเขาเข้ามา ก็บรรเทาเคยตายแสนหนึ่ง ทำอย่างนี้แล้วลดลงครึ่งหนึ่ง เห็นไหมหมอเขาก็ช่วยคิด
เพราะอย่างนั้น ไม่ได้อะไรหรอกครับไปตรวจประจำ 3 เดือน ได้ข้อมูลมาก็เพิ่มเติมหน่อย อาทิตย์ที่แล้วไปสิงคโปร์มีคนเขียนหนังสือพิพากษ์วิจารณ์เอาตัวอย่าง ไปเป็นขี้ปาก เขาเป็นนักธุรกิจ เขาเอามาออกโทรทัศน์ เราฟังแล้วบอกนายกรัฐมนตรี ฟังนักธุรกิจเขาพูดแล้วเราสนใจมาหาหนทางแก้ไขไมได้หรือครับนี่ กลายเป็นว่าอยู่ในพวกพ้องนายกรัฐมนตรีคนนั้นคนนี้ไปอ่านหนังสือพิมพ์ซิครับ ผมก็ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ เหมือนว่านายกฯไปฟัง และถ้าไม่ฟังเขาออกความเห็นที่น่าคิด ฟังไม่ครับ
เพราะฉะนั้น ความเห็นน่าคิดของเขานี่ เมื่อเราฟัง เขาบอกว่าสินค้าเกษตรแพง น้ำมันแพงขึ้น สินค้าขึ้น เขามีความเห็นว่าสินค้าเกษตรแพงดี แต่ว่ารายได้ต้องดี และเขาก็พิสูจน์ด้วยตัวเขาเอง เขาบอกเขาจ้างคนขับรถเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เดือนละ 900 บาท บัดนี้ผ่านมา 30 ปี เขาจ้างคนขับรถเดือนละ 30,000 พิสูจน์ว่าอย่างไร พิสูจน์ว่าเมื่อ 30 ปีก่อนทองบาทละ 450 คนขับรถได้เงินเดือนซื้อทองได้ 2 บาท คือ 900 บาท บัดนี้คนขับรถก็ซื้อทองได้ 2 บาท ถ้าจ่าย 30,000 ที่ว่า และได้ไหมครับ ผมไม่ได้ประกาศจะขึ้นเงินเดือนทันทีเดี๋ยวมีปัญหา เขาบอกเศรษฐกิจการคลัง เศรษฐกิจการพาณิชย์ 4 หน่วยงาน
คุณช่วยไปดูซิว่า ทำไมบ้านอื่นเมืองอื่นเขาทำให้รายได้พอกับรายจ่าย และทำไมของเรากดรายได้เอาไว้ กดรายจ่ายเอาไว้ แต่มือที่กดรายจ่ายกดไม่ขึ้นก็ขึ้นๆ รายได้กดอย่างนี้ ผมบอกว่าจะอยู่กันได้อย่างไร เราแสดงความคิดเห็นแบบนี้ไม่ได้หรือครับ พูดไว้ว่าวันอังคารออกไป เย็นก็ไป ออกข่าวไปเยือนสิงคโปร์ 3 วัน ความจริงวันเดียวไปทำธุระจนเสร็จ 1 วันรุ่งขึ้นเช้ามืด กลับเพราะรุ่งขึ้นมีงานในกรุงเทพฯ
ก็จะเล่าให้ฟังว่าตอนเช้า พิธีการจะเริ่ม 10.30 น. ผมบอกขออนุญาตไปตลาด ทำไมไปตลาด ตลาดสดมีไหม มี สะอาดไหม สะอาด สะอาดกว่าบองมาเช่อีก สะอาดกว่า อตก. อีก จัดอะไรขายบนแผงเหมือนกันพื้นน้ำไม่เปียกสะอาดก็แล้วกัน ก็เขาดีก็ชมเขา ไปเพื่อไปดู ตั้งแต่ดอกไม้อยู่ปากทาง ดูข้าวของดูหมดครับ ผมจ่ายกับข้าวนี้ครับ ผมรู้เลยครับว่าไทยเท่าไหร่ตรงโน้นเท่าไหร่ บางอย่างแพงกว่า 1 เท่า บางอย่างแพงกว่า 2 เท่า บางอย่าง 3 เท่า บางอย่าง 4 เท่า
ถามว่าน่ากินไหม น่ากิน ผักหญ้าเป็นไง ตรงมาจากมาเลเชีย มาเลเชียโตกว่าเราไหม โต ต้องชมเขา และของเราจะไม่ปรับปรุงพันธุ์ แต่เขาปรับปรุงของเขา และก็ราคาแพงกว่า 2 เท่า บางอย่าง 3 เท่า บางอย่าง 4 เท่าก็มีเขาจะอยู่ได้ได้อย่างไรถ้าเขามีรายได้เท่ากับเมืองไทย ไม่ใช่ออกจากตลาด คุยหน้าตลาด ถามเลยรายได้ของคนที่จบปริญญาตรีได้เท่าไหร่ ของเราได้ 6,500 ของเขาจบใหม่ได้ประมาณ 50,000 ถ้าจบนานแล้วได้ประมาณ 65,000 มากกว่าเรา 10 เท่า จบใหม่ๆ มากกว่าเรา 8 เท่า
คนงานเป็นอย่างไร เลวที่สุดรายได้ 200 ทำงานทุกวันเดือนละ 6,000 ที่โน้นแบบนี้มีเท่าไหร่ 16,600 เบสิกนี่ 23 เหรียญ 16,600 ถ้าฝีมือดีหน่อย 50 เหรียญ 30,000 เดือนละ 35,000 เขาได้เดือนละ 35,000 ของเรามีฝีมืออาจจะได้สัก 10,000 แต่ของเขาได้ 35,000 แปลว่าอยู่ได้ไหม อยู่ได้ครับ ต้องเลือกต้องซื้อต้องมีวิธีการ อย่างนี้เขาอยู่ได้แปลว่าบ้านเมืองที่มีรายได้เหนือกว่ารายจ่าย
บินไป 2 ชั่วโมง 20 นาที ได้เจอเลยครับ ไม่คิดว่าจะเจอเลยด้วย และธรรมดารายการเขาเริ่มต้นที่อิสทาน่าเวลา 10.30.เราก็มีเวลาแต่เช้าบอกเขาปลุกตี 5 เท่ากับเรา ตี 4 ไม่เป็นไรครับคุ้นเคย 6 โมงเช้าไปถึงตลาด ก็เท่ากับตี 5 ดูหมดครับ เดินดูหมดผมก็ชอบของผม ใครจะไปด้วยก็ไปด้วย ผู้บัญชาการทหารบกยังชวนท่านไปตลาด ทางผู้บัญชาการทหารเรือตกลงแล้วว่าจะไปท่านไปติดอยู่ทีเมืองอะไรก็ไม่ทราบ
กลับมาไม่ทันไปหลายคนทั้งหมดประมาณ 14-15 คน จริงๆ ไป 33 แต่พวกไม่สนใจก็นอนไป ก็ไปใส่เสื้อเชิร์ตธรรมดาม้วนแขน นี่แหละไปและก็ไปเดิน ก็ได้ผล ได้ความรู้ว่าแรงงานขั้นต่ำได้เท่าไหร่ ปริญญาตรีได้เท่าไหร่ และอาหารในตลาดเท่าไหร่ เวลาจะไปก็ต้องไปที่ก้นครัวจะได้รู้ว่าเขากินอยู่อย่างไร เขากินอยู่ได้อย่างไร อย่างนี่ดูแล้วเกิดความคิดไหม ต้องคิดครับ ออกไปก็ได้พูด ก็ได้คิด นึกถึงว่าแล้วแต่บ้านใครบ้านมัน
แต่ก่อนผมไปโรงเรียน เดินไปได้วันละ 10 สตางค์ ไปโรงเรียนได้ 50 สตางค์ ไปโรงเรียนได้ 1 บาท บางครอบครัวไปโรงเรียนเขาให้ 5 บาท 8 บาท 3 บาท ก็บ้านใครบ้านมัน แต่ว่าบ้านจนก็อยู่อย่างจน บ้านรวยก็อยู่อย่างรวย สิงคโปร์นี่เขาบ้านรวย แล้วเขาทำอย่างไร เขาก็คงทำไม่อยากกว่าเราเท่าไหร่ เพราะเขาเป็นเมืองเขาเรียก Capital City เป็นเกาะขนาดภูเก็ต 770 ตารางกิโลเมตร ประชากรเมื่อก่อน 3 ล้านแต่เดียวนี้เกือบ 4 ล้าน เขาเก่งตรงไหน เขาเก่งตรงเขาสามารถทำให้คนบ้านเมืองเขามีที่อยู่เป็นของตัวเองได้ เกือบจะหมดแล้วครับ ผมนี่ดูงานสิงคโปร์มาตั้งแต่หนุ่มจนแก่นี่ครับ ก็คนทั้งโลกดูงานการเคหะในสิงคโปร์ดูมาก็ต้องจำได้ ผมเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ไปดูงานการเคหะ ไม่เลิก ก็ยังตามไปดูอยู่ เพราะอยากจะรู้
ผมไปดูสิงคโปร์เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ไปหลังห้องน้ำ ส้วมยังเอาถัง ของเรา 70 ปีแล้ว ที่สิงคโปร์ 50 ปียังเอาส้วมถังมาสอดใส่ถังใหม่ใส่ ถังเก่าใส่ยังเป็นอย่างนั้นอยู่เลย แต่เดี๋ยวนี้เขาทำอพาร์ตเมนต์ใกล้เมือง อยู่วอล์กอัป 5 ชั้น คนจนอยู่ 1 ห้อง 2 ห้อง 5 ปีเขาถ้อยไปสร้างไว้อีก 5 กิโลข้างนอก สร้างไว้เลยครับ วอล์กอัปเหมือนกัน แต่ว่า 3 ห้อง 2 ห้อง 3 ห้อง ทางนี้บอกออกหมด ไม่เช่านี้ ไปเช่าที่ 2 และก็เอามาให้เช่าต่อ ทางนั้นก็สร้างไว้พอมีลูกแล้ว 2 ห้อง 3 ห้อง ถัดไปอีก 5-6 กิโลข้างนอกสร้างอีกแล้ว และก็เอา 2 ไป 3 ทางโน้นมี 3-4 ห้อง ไปถึงชายเลยมี 5-6 ห้อง คนขับแท็กซี่คนเดียวมีลูก 5 คน เขามี 5-6 ห้อง
เสร็จเรียบร้อยอย่างไรครับ สุดท้าย เขารื้อข้างในเมืองหมดเลยครับ รื้อทิ้งเลยเขาเรียกว่าไฮไรส์ 30-40 ชั้น มีแบบวันสตูลิโอ แบบ 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน 4 ห้องนอน 5 ห้องนอน และต่อไปเขาก็คอยรื้อ พวกวอล์กอัปก็รื้อหมด ขึ้นเป็นตึกสูง 12 บ้าง 18 บ้าง เป็นมาตรฐานเมื่อ 10 ปีที่แล้วผมไป เขาบอกว่าร้อยละ 85 เป็นเจ้าของ บัดนี้เกือบหมดแล้วครับ คนทั้งประเทศมีที่อยู่เป็นของตัวเอง จ่ายเงิน ชำระเงิน ผ่อนชำระ มีรายได้พอที่จะจ่ายค่าต่างๆ ได้
นี่แหละครับ เป็นตัวอย่าง ไปดูเขาแล้วว่าเขาเป็นอย่างไร อยู่อย่างไร ไป สปป.ลาว เงินเดือนปริญญาตรี 2,000 เท่านั้นแหละครับ ของเรา 6,500 แต่เขาอยู่ของเขาได้อย่างนั้น เราก็ต้องอยู่ของเรา แต่ชักจะไม่ได้แล้ว แต่ไปดูที่เขาอยู่ได้ก็ไปดูแล้วก็ไปศึกษาของ เขาเท่ากับ 1 จังหวัด เท่ากับจังหวัดภูเก็ต 1 จังหวัด แต่ของเรา 76 เพราะฉะนั้นก็ต้องเทียบเคียง แต่ศึกษาได้
ต้องได้สิ ก็เหมือนครอบครัวที่ผมบอก ครอบครัวผมจนได้ 50 สตางค์ไปโรงเรียน ครอบครัวอื่นได้หลายบาทพ่อแม่เขาทำไว้ ก็แปลว่า ต้องดูว่าพ่อแม่เขาสร้างสมไว้อย่างไร เขารวยมาแต่เดิมหรืออย่างไร แต่ว่าคนที่เขาก่อร่างสร้างตัวที่เขารวยก็เหมือนกับว่าประเทศ ของเราต้องคิดไหมครับ ผมเสนอความคิดกลับมาบ้าน
ผมอ่านบอกว่าไอ้สมัครไปคิดอะไร นายห้างซีพี คิดอย่างไรสมัครคิดอย่างนั้น ก็เขาพูดออกสาธารณชนเขาให้คนเราดูเราก็ต้องฟังว่าจริงไหมอย่างที่ว่า สินค้าราคาเกษตรควรจะให้สูงอย่างนี้พอใจดีไหม แล้วก็รายได้ ถ้าสินค้าเกษตรดีและรายได้อย่างไร นายห้างไม่บอกวิธีทำให้ดีอย่างไร เราต้องรู้ว่ามันต้องมีวิธีการ จะต้องทำอย่างไร ต้องค้าขายอย่างไร ให้รายได้ประชากรมากขึ้น ให้รายได้ต่อหัวมากขึ้น ที่เขาบอกว่า จีดีพีเท่าไหร่ ตัวเลขเท่าไหร่ ผมไม่เอาตัวเลขมาแสดงหรอกครับ แต่รายได้ของเรานี่ โดยเฉลี่ยแล้วนี่ ยังต่ำกว่ารายจ่าย
ใครเป็นรัฐบาลบางคนหลบๆๆ แล้วก็ไป แต่ผมยังไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ แต่ผมจะทำของผม ผมจะดูแลให้ว่าจะทำอย่างไร ได้ ไม่ได้ก็จะบอกให้รู้กัน แต่ว่าจะไม่พูด ประกาศเอาหน้าเอาตาไม่มีหรอกครับ พูดเรื่องขึ้นเงินเดือน ไม่ขึ้นเงินเดือน แต่จะแก้ไขให้รายได้กับรายจ่ายใกล้เคียงกัน อย่างนี้ก็ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ไป เป็นวิธีการครับ ไม่ต้องการไปหาคะแนนเสียงจากใคร
เพราะฉะนั้น พูดกันตรงนี้ก็พูดกันเสียหน่อย ถ้าวันนี้พูดกันแล้วเล่าเรื่องสิงคโปร์อีกหน่อยก่อน เดี๋ยวไม่จบ ไปถึงก็ต้องธรรมดาเช้าพิธีตอนรับที่แอสตาน่า ก็สวยงามเหมือนเดิมครับ มีกอล์ฟ 9 หลุมอยู่ข้างใน ผมเคยไปมาแล้ว เมื่อก่อนตอนรัฐมนตรีมหาดไทย เคยไปงานศพประธานาธิบดี เขาก็จัดให้ได้คุยกับท่านลีกวนยู คุยกันเมื่อก่อนนี้ได้คุยกัน เสร็จแล้วท่านมาเยี่ยมประเทศไทยผมก็เป็นไกด์กิติมศักดิ์ นั่งหน้าเรือกะท่าน นั่งคุย ก็ยังจำได้
ก็ไปเที่ยวนี้ก็ได้คุยกับหลีเซียนหลุง ลูกชายท่านนายกรัฐมนตรี เสร็จแล้วก็ได้คุยท่านประธานาธิบดี 35 ปีมาแล้วท่านประธานาธิบดียังจำผมได้ คุยกันมากมายหลายเรื่องครับ แต่ผมเล่าให้ฟังไม่ได้ คุยกันเสร็จเรียบร้อยจบท่านประธานาธิบดีตบไหล่ มิสเตอร์สมัคร สีของคุณไม่เคยเปลี่ยน your color never change ผมก็บอกว่า ถือเป็น blessing ก็คุยกันครับ
แต่ที่ได้ดีที่สุดก็คือท่านรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้คุยกับเรื่องธุระหลายอย่าง พอตอนเย็นก่อนกินข้าวก็ได้คุยกับเรื่องอดีตนายกรัฐมนตรีลีกวนยู เขาเรียกว่ารัฐมนตรีแบบชั้นครู ท่านก็มานั่ง ทักทาย จำกันได้ 85 นะครับ หน้าตาสดใส ก่อนนี้เราไปสิงคโปร์นี่ เขาจะขึ้นป้ายใหญ่ๆ ช่วยกันหาเครื่องแต่งตัวประจำชาติของเรา ไปคุยกันยังครับ พอเจอท่านลีกวนยู ท่านพยายามของท่าน ท่านใส่เสื้อของท่านนี่คือว่าท่านก็คงมีเชื้อจีนด้วย ท่านเลือกของท่านกึ่งจีน ก็ไม่ใช่คอตั้งแบบของเหมา เป็นเสื้อคอแบบว่า มีเค้าจีน มีผูกเหมือนผูกเอี๊ยม ก็ใช้ได้ ดูก็เก๋ดีครับ แต่ท่านก็คงพยายามของท่าน
หน้าตาสดใสนะครับ คุยกัน คุยกับเรียบร้อย คุยกัน 1 ชั่วโมง เขาต้องมาตามบอกว่า ถึงเวลาลูกชายท่านจะเลี้ยงข้าวแล้ว ลูกชายท่านเป็นนายกรัฐมนตรี คุยกันเยอะครับ คุยกันหลายเรื่อง ก็เล่าไม่ได้ครับ เรื่องแบบนี้เขาไม่ให้คุยหรอกครับ ไม่ให้มาคุยในสาธารณะชน
ผมก็เล่าให้ฟังได้แต่เพียงว่าก็ดีครับ 85 นะคุยกับ 72 ขึ้น เหมือนกันธรรมดาๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ท่านก็ยังจำความหลังได้ ก็ไปทำหน้าที่อย่างนี้ แล้วก็เก็บมาเล่าให้ฟังเล่าเรื่องตลาดให้ฟัง
ก็ไปทำหน้าที่อย่างนี้ แล้วก็เก็บมาเล่าให้ฟัง เล่าเรื่องตลาดให้ฟัง ตามเวลารุ่งขึ้นก็กลับ เสร็จแล้วก็เล่าให้ฟังอีกนิดหนึ่ง ผมก็ต้องกลับเช้ามืดไปค่ำกลับเช้ามืดเพื่ออะไร เพื่อลงจากเครื่องบินปรับเขาบอกฉลอง 175 ปี สัมพันธภาพไทยกับอเมริกา แหมนายกรัฐมนตรีแสดงความเห็นไม่ไป วันที่ 20 คือวันฉลองครับก็จะปลูกต้นไม้ผมก็ไป พอลงจากเครื่องบินมาเลย มาถึงปรับมองเห็นรถทูตอยู่ข้างหน้า เราอยู่ข้างหลังทูต ทูตไปทางอ้อมเราไปทางลัดนะครับ ไปทางลัดไปเจอรถติด เลยต้องให้ทูตมารอเจอผลัดกัน
ผมก็เรียบร้อย ลงทำปลูกต้นหมากรากไม้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ ก็ปลูกท่านบอกท่านปลูกคูณ ต้นคูณต้นไม้ประจำชาติท่านปลูกทรงบันดาล ผมบอก ถ้าเผื่อทรงบันดาลเอาแค่ดอกเหลือง ไอ้นี่มันไม้พุ่มเตี้ย ผมบอกคุณวัลลภ รองผู้ว่าฯ ก็ประดู่ครับ จะเอาต้นไม้ 100 ปีก็ปลูกประดู่ มันออกสีเหลืองเหมือนกันไปดูต้นประดู่หน้าร้านมิ่งหลีที่หน้าประตูวิเศษชัยศรีเดี๋ยวนี้
โอ้โฮเวลาออกดอกเหลืองอร่ามเลยครับ เหลืองอย่างกับธงมหาราชเลย ผมบอกว่าคูณออกปีละหนเดียว ไม่เป็นไรเอาคูณก็โอเค แต่ว่าไอ้ต้นถัดไป อื่นๆ ควรจะประดู่ เพราะว่าวันไหนวันดีบานที่พร้อมอยู่วันไหนร่วงโรยดอกโปรยตกพรู ออกปีละ 6 7 หน 10 หนยังมีเลยครับ วันไหนวันดีถ้าขับรถไปมองดูแถวเพชร แถวประดู่เนี่ย เหลืองน่าชื่นใจครับ 3 วันเดี๋ยวก็ร่วง เผลอแป๊บเดียววันไหนวันดี ออกอีกแล้ว ออกทั้งปีแหละครับ
เพราะฉะนั้น แหมเลือกทั้งทีไปเลือกทรงบันดาล เขาเรียกซำบาดาลครับ ก็ลากเข้าบาลีเขาตั้งชื่อเป็นทรงบันดาล ไม้พุ่มสูง 2 เมตร มันก็ไม่ยืนเท่าไหร่ สีเหลือง ก็บอกกับ กทม. ถ้าคิดถึงสีเหลืองก็ต้องประดู่ครับ อายุ 100 ปี
ทำพิธีเสร็จ บอกเขาว่า ก่อนหน้าก่อนจะไปครับ อเมริกันแชมเบอร์ออฟคอมเมิร์ซ ขอเชิญปาฐกถาหน่อย คุณสมัคร บอกว่าปาฐกถาขอเลื่อนไปก่อนได้ไหม ผมกลับมาไม่รู้จะทันหรือเปล่า เที่ยงให้กินข้าวแล้วปาฐกถา ท่านทูตบอก ฉลอง 175 ปี เขาจัดงานเนี่ยเพื่อฉลอง 175 ปี ตกลงเอ้าไป ออกจากตรวจต้นไม้ก็ไปเลย ท่านทูตขอตามขบวนไปด้วยกัน ผมก็มีรถตามหลังไปคันเดียว ไปด้วยกัน
เสร็จแล้วก็ตานี้ก็ ผมไปถึงก่อน ท่านทูตไปถึงทีหลัง เพราะรถตามหลัง ก็ผลัดกันรับ ก็เรียบร้อยดีครับ ผมก็ปาฐกถาให้ท่าน เขามี พรีแพร์สปีช มาให้ ผมก็สปีชต่างหากนอกพรีแพร์ นอกจากที่เตรียมไป ก็ทำหน้าที่เสร็จ โอ้ย...สภาโทรศัพท์ตามมา กระทู้ กระทู้สดต้องไป ตอบ กระทู้สด ต้องไปตอบกะทู้สดมาถึงผมกี่โมง 5 โมงเช้า ผมตกลงกับเขาไว้ ตกลงกลับเขาไว้ต้องมาปลูกต้นไม้ รีบกลับมาปลูกต้นไม้ต้องปาฐกถาให้เขา
สภาบอกว่าสภาสำคัญต้องไปตอบกะทู้ ผมบอกโอย.. แจ้ง 11 โมง แล้วผมก็มีงานตกลงไว้ก่อนแล้ว แล้วทำอย่างไร ผมก็ไปให้ 2 โมงกว่า บอกว่าช้านิดหนึ่ง ผมไปให้ก็ตอบกระทู้ ก็เรียบร้อยดีครับ 2 กระทู้
กระทู้นึง ถามยุทธศาตร์เกี่ยวกับเรื่องการจัดการดำเนินการ 3 จังหวัดภาคใต้ ผมบอกว่าผมไม่บอกหรอกครับ ผมไม่บอกหรอก เดี๋ยวคนที่เขาก่อการเขาจะรู้ทำอะไรหมด แต่เขาทำไว้เรียบร้อย แต่ผมจะรายงานให้สภารู้ ว่าเมื่อก่อนหน้าเนี้ย ก่อนหน้าเนี้ยถัดไปนั่นเนี่ย แย่ยังไง จำนวนเท่าไร มันถี่ขนาดไหน แล้วเมื่อ 1 ตุลาคม ปีกลายเนี้ยเปลี่ยนคนรับผิดชอบใหม่เขาได้ดูแลมันเรียบร้อยดีอย่างไร แล้วทีหลังเนี่ยเขาทำเพื่อเหตุอะไร ผมอธิบายเพื่อเหตุนั้นเอง เทแล้วผมรายงานสภาบอกเรื่องเนี้ย
คุยกัน โอย...อีกรายหนึ่งมา ย้ายตำรวจอีกแล้ว ฮะๆๆๆ (หัวเราะ) ย้ายตำรวจ บอกเลยเขาต้องจากลูกจากเมีย ย้ายกันไปเขาทำงานอยู่ทางนี้ย้ายเขาไป ผู้บังคับการพลตำรวจตรี แล้วอย่างไร เขาถามเสร็จ ผมก็บอก ผมจะบอกให้ฟังนะ ตำรวจคนเนี้ย ถูกย้ายไปเนี่ย วันที่ 17 ตุลาคม ปีกลายนี้ ผมยังไม่รู้ยังไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น ยังไม่เป็นตัวเป็นตนอะไรด้วยซ้ำ สมัครรับเลือกตั้งวันที่ 7 พฤศจิกายน แต่ว่าวันที่ 17 ตุลา ย้ายตำรวจคนเนี้ยไปอยู่ที่ปักษ์ใต้อะไรอย่างเนี้ย
แล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดือนธันวาจะเลือกตั้ง ใครก็ไม่ทราบได้ ย้ายเขากลับเข้ามาโอ้ย อาละวาดฟาดฟัน ไปเรื่องเลือกตั้งเสร็จเลย เป็นหัวหน้าทีมมีตำรวจ 700 กว่าคน จัดการไปทำงานหมดเลยงบประมาณไม่ต้องใช้ มีคนจ่ายเงินให้ตำรวจ 700 กว่าคนทำงาน นี่แหละครับสู้กันเรื่องเลือกตั้ง อ้าวเสร็จจบเรื่องเลือกตั้งแล้ว ได้ใบแดงใบเหลืองกันเสร็จแล้ว จบ ตำรวจเขาก็บอกให้ไปที่เก่า
ผมบอกแล้วไงตัวเองจะต้องอยู่ที่นั่น ย้ายเข้ามาทำงานที่เนี่ย แล้วเสร็จแล้วเขา เอาไปแล้วเป็นไง ก็ต้องพรากลูกพรากเมีย ก็บอกเมื่อคราวไป 17 ตุลา ช่วยไปหาหลักฐานหน่อย ว่าได้มายื่นกระทู้สดในสภาหรือเปล่า ลองหาหลักฐานมาหน่อยซิ ว่าไปร้องทุกข์ว่าต้องถูกพรากลูกพรากเมียหรือเปล่าตอนนั้นเนี่ย ถ้าตอนนั้นไม่ร้องตอนเนี้ยมาร้องได้ไง
ก็เรียบร้อยครับ 2 กระทู้ เสร็จเรียบร้อยก็ประชุม ประชุมจะเล่าให้ฟังนะครับว่าไปทำอะไรอย่างไง ทั้งหมดเนี่ยก็จะเรียนว่าได้ทำความเข้าใจกับท่านทั้งหลาย แล้วก็ไอ้ที่อะไรทั้งหมดทั้งปวงเนี่ย ผมก็อยากจะบอกนะครับว่า เมื่อเวลาเราทำงานนี้เราก็บอก บ่นไหม รัฐมนตรีบ่นไหม มีครับ สำหรับรองนายกฯบ่นมา คือว่ามีปัญหาผมต้องช่วยดูแลให้เขา เขาต้องบอกปัญหาของเขา
ปัญหาเวลานี้การงานอะไรต่าง ๆ มันติดมันขัด มันชักมันช้า รองนายกฯ สาหัส ดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม บ่นมาแล้วครับ ถ้าดอกเตอร์สหัสบ่น ใช้ได้เลยครับ คนเนี้ยเขาบ่นอยาก เขาบ่นเลยมันติดขัด ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า EIA ต้องโก้ ติด EIA ต้องทำ EIA แหมโก้หรูหรา ถ้าผ่าน EIA แล้ว เพราะฉะนั้น EIA คือ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
อ้ายความยุ่งยากทั้งหลายทั้งปวงในบ้านเมืองเนี่ย ผมพูดตรง ๆ ผมพูดเสมอแล้วยังไม่เลิกพูดด้วย สิ่งแวดล้อมเนี่ยมันเข้าไปแวดล้อมทุกสิ่ง แวดล้อมจนทำอะไรไม่ได้ กระดิกกระเดี้ยไม่ได้ ได้ไม่ได้ผมยกตัวอย่างให้ดูนะครับ รถขนส่งมวลชนข้ามฟาก ผมเป็นผู้ว่า กทม. ผมทำข้ามฟากเลย จากสถานีตากสิน ข้ามไป 4.3 กิโลเมตร สี่กิโลกับ 300 เมตร เสร็จเรียบร้อย ผมทำเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ดำเนินการ ขอสตางค์มาทำสถานีทำราง บอกว่าไงรู้ไหมครับ ให้ EIA ใช้แค่ 2.2 จะให้แค่วงเวียนใหญ่ บัดนี้มาต่อจาก 4.3 ที่ผมทำเป็น 6.8 ให้แค่วงเวียนใหญ่ แปลว่าอย่างไง แปลว่าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม เห็นว่าทุกอย่างปลอดภัยให้แค่ 2.2 แล้วอ้าย 6.8 สร้างไว้เสร็จเรียบร้อย ทำไมไม่ห้ามสร้างตั้งแต่แรก เขาสร้างไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วสุดท้าย อย่างไรก็ต้องให้ แล้วถ่วงไว้ทำไม
นี่เราพูดกันตรงๆ แบบนี้แหละครับ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แวดล้อมทุกสิ่ง เดือดร้อนกันหมดครับ โอ้ย...ที่นั่นไปตั้งโรงงาน นับคาร์บอนเท่าไหร่ ๆ ที่ตรงนั้นขอทำโรงงาน ตรงงั้น ๆ โรงงานไม่สร้างนะครับ สร้างอีก 6 7 โรงนับคาร์บอน ๆ เสร็จ คนจะไปสร้างจริงบอกว่าไม่ได้ บอกคาร์บอน ไอ้ที่เขานับไอ้พวกตามบ้าเรื่องเนี้ยแหละครับ คาร์บอนอันเนี้ยเต็มแล้ว อ้ายบางโรงนี้ก็สบายแฮไป โรงอื่นขอไว้ไม่สร้างแต่ว่าสิ่งแวดล้อมนับคาร์บอนแล้วบวก อ้ายคนจะสร้างจริงทำไม่ได้
เห็นไหมละครับนี่คือปัญหาของบ้านเมืองละครับ แล้วต้องพูดไหมละครับ คน นายกรัฐมนตรีทั่วไปเกรงใจคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม เพราะต้องการเอาหน้าว่าเป็นคนดี สิ่งแวดล้อมต้อง โอ้ย.. ผมไม่ละครับ ผมฟัดมาตั้งแต่อยู่แต่ไหนแต่ไรละ อยู่ผู้ว่าฯ กทม. ผมฟัดมาแล้วเรียบร้อย สู้กันมาเลยแถว ๆ ฝั่งธนนั่นน่ะ ทำไม่ได้ทำอะไรกัน เพราะอะไร โรงแรมเขาก็ขึ้นข้าง ๆ สูงไม่ได้เขาบอกว่าอย่างไร ตอนบ่ายพระอาทิตย์บังโรงแรมไปบังเงาทอดเงาไปบังโบสถ์ แล้วตอนเช้าล่ะ เงาโบสถ์พาดเงาโรงแรม คิดกันตอนบ่ายพระอาทิตย์ไปบังเงาโบสถ์ ไม่ให้เขาขึ้นสูง แล้วตกลงอย่างไร เวลาถ้าโบสถ์บังทางนี้ตอนเช้าอย่างไร ทำอย่างไร ไม่ได้หรอกครับ ผมอนุญาต ผมให้ดำเนินการ
ความเจริญของบ้านเมืองก็มี ความพอดีก็ต้องมี แต่ว่าโอ้โหมันแวดล้อมทุกสิ่ง ควรสมบูรณ์ด้วยสภาพแวดล้อม คณะกรรมการชุดเนี้ย ไปแหวกดูซิครับใครอย่างไง ไปแหวกดูชื่อย่างไรบ้าง มีทั้งงั้นเลยจะทำดีหมดเลย แต่ว่าธุรกิจชาวบ้านเดือดร้อนอย่างไง ไม่มีใครรับผิดชอบ ผมต้องรับผิดชอบ และผมจะตามไปดู ตามไปแหวกอีก จะให้รู้เลยว่าบ้านเมืองของเรา เอามารวมมาดูเลย
มีคนบอกว่าโอ้ย สมัครไปเที่ยวว่าใครต่อใครเขาตัดจริต ๆ อ้ายคำนี้แหละครับ คำนี้แหละครับเป็นคำที่เหมาะสมจริง ๆ ถ้าจะให้มันเห็นชัดเจน ต้องตำหนิด้วยคำอย่างนี้เลย และเราต้องไปดูว่าเราไม่ตัดจริตทำอย่างไร สำคัญครับ คนจะลงทุนลงรอนมโหฬาร ติดกับอ้ายนี้แหละ EIA นี่ จะให้ผมนินทาต่อไหมล่ะครับ นินทาต่อก็ได้ตรงเนี้ย
มีคณะ มีบริษัท ที่จะตั้ง การตรวจสอบความเป็นอ้ายเนี่ย กับสิ่งแวดล้อมเนี่ย มีบริษัทตั้งไว้เลย มีบริษัท ๆ เนี้ย ใครไม่รู้ไม่ชี้ไปเอาบริษัทเนี้ยมา ไม่ผ่านหรอกครับ ไปกระซิบข้างหน้าไป บริษัทนี้ทำ ๆ บริษัท นี้ทำ สิบล้าน ยี่สิบล้าน สามสิบล้าน ทำเฉพาะสิ่งแวดล้อมนะครับ ไอ้บริษัทพวกนี้แหละครับ การทำมาหากินเข้าผิดบริษัท ไม่ผ่าน เข้าถูกบริษัทปรับผ่านพัวะเลย เอ้าจริงไม่จริงมาดูซิ
อ่ะ..ลองบอกซิ ถ้าผมพูดอย่างไรแล้วก็เอาเลย จะทำอย่างไรผมก็เอา ทำกันมาอย่างนี้ซิ ครับ ของจริงทำอย่างไร ทำกระทบสิ่งแวดล้อมต้อง EIA ต้องทำ EIA ไม่ทำซิ หาบริษัทเก่งๆ มาทำ ไม่ผ่านหรอกครับ เปลี่ยนบริษัทใหม่บริษัทนั้นพัวะเลยครับ ผ่านเลยครับ ผ่านเลย อ้าวเป็นไง จริงไม่จริง
เขายกป้ายนะฮะ ต่อไปนี้ผมจะตอบคำถามให้มีเรื่องหน่อย อ้อความจริงก็นี้ ยังมีต่ออีกนิดหนึ่ง อีกนิดหนึ่ง เขาบอกเขาชอบหนังสือพิมพ์มาแสดง โธ่..ไม่แสดงกันอย่างไร เนี่ยดูซิ หมักย้ำอีกมือที่มองไม่เห็นเจาะยาง พปช. สั่งลูกพรรคสู้แก้รัฐธรรมนูญ นี่ๆๆ ดูซิไทยโพสต์นี่นะ ยืมมือประชาชนห้าหมื่นป้องหม้อข้าว ประชาชน พปช.อุ้มคนโกง สุมหัวป้ายสีรัฐธรรมนูญ
ดูซิฮะ สุมหัวป้ายสีรัฐธรรมนูญ แล้วก็ แล้วยังไง ที่ปรึกษาพรรคการเมืองบางพรรค โอย..พูดจาอย่างโน้นอย่างนี้ ต้องดูจะแก้อะไรอย่างไร เหมือนกับไม่เห็นด้วยที่แก้ หะๆ ..ลูกกระโล่เป็นไง ลูกกะโล่บอกว่าแก้ให้ผิดเป็นถูก ไม่เห็นด้วย
ผมจะบอกให้ฟังนะครับ ที่พูดนั่นนะ ไม่โดนกับตัวเองน่ะ พรรคที่โดนกับตัวเองออกมาแล้ว ผมโดนก่อน คนที่โดนมันถึงจะรู้ว่าเจ็บแสบอย่างไร
โอย...ผมจะบอกให้ฟังนะครับว่า มันต้องมีเหตุผล ในการที่ดำเนินการอย่างนี้ ที่ทำกันมาน่ะ เจตนาอย่างไร
บอกได้ชัดเลยครับ เกลียดชังคนนี้ ออกรัฐธรรมนูญเขียนทุกอย่างมาเพื่อจะให้พ่อคนเนี้ยมันตายลงไป รัฐธรรมนูญออกมาแล้วดันไม่ตาย ไม่ตายก็ยังลากมาจนถึงป่านนี้ ก็จะเอากันให้ตาย
ผมก็บอกว่าผมไม่อยากย้ำอะไรทั้งนั้น ไม่อยากย้ำคิดย้ำทำ คิดว่านั้นพอสมควรแล้ว ก็ต้องพูดครับ ต้องพูดเลย
ผมบอกเลยว่า โลกเรานี้ผมถามนักข่าว ข่าวนี้ไม่ออกหนังสือพิมพ์เลย ผมบอกคุณลองคิดนะ ดูอ้ายที่ริมทะเลที่ทรายเปียก ๆ ถ้าเราไปยืนแล้วเอาไม้ซักยาว 1 เมตรนึงเนี่ย เขียนวงกลม ขีดวงกลม หมุนรอบตัว เขียนวงกลมล้อมรอบตรงทรายเปียก พอเขียนเสร็จรอบวงล้อมรอบ ร้องออกไม่ได้โว้ย ออกไม่ได้โว้ยกลัว ก็มึงขีดวงเองนี่ เพราะกฎหมายคนสร้างเองก็ต้องจัดการแก้ไข มันเสียหายมันติดขัด
โอย... มีคนบอกว่าไม่เสียหายไม่ติดขัด มีกฎออกมาแล้วไม่มีผลย้อนหลังได้หรือเปล่า ก็หลักกฎหมายบอกว่าถ้าเป็นคุณ ย้อนได้ แล้วทำไง เมื่อคราวที่แล้วที่ไหนละ แหมชอบมาว่าผมว่าศรีธนญชัย ๆ อ้ายที่แล้วนั่นไง คดีความเรื่องยุบพรรค เขาอยู่ขนาด 2 เดือน ยังไม่เป็นตัวเป็นตนเลย
ยึดอำนาจเสร็จแล้วก็ ประกาศฉบับที่ 27 ประกาศออกมาเลยว่า ถ้าหากมีการยุบพรรค ให้คณะกรรมการต้องถูกนั่น 5 ปี ลงโทษ 5 ปี เรื่องมันเกิดอยู่แล้วเขาก็กำลังดำเนินคดีความ ก็ตอนที่กล่าวหากันนี่ พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลง พรรคเล็กจ้างพรรคใหญ่ลงสู้กัน 2 พรรคเนี่ย เสร็จแล้วก็ถือว่าคดียุบพรรคอยู่ในศาล ก็ทำยึดอำนาจแล้วก็ประกาศออกมาถือว่าเป็นกฎหมาย ประกาศออกมาชัดเจนเลยว่าถ้าหากว่ามีการพรรคถูกยุบ ก็จะต้องให้กรรมการทั้งพ้นหน้าที่ ถูกลงโทษ 5 ปี
แล้วเป็นไง ประกาศเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แล้วมาใช้วันไหนครับ ใช้วันที่ 30 พฤษภาคม 2550 แล้วอย่างไง คดีความเขาเกิดอยู่ก่อนนั่นน่ะ แล้วเอากฎหมายย้อนหลัง ย้อนหลังแหง ๆ เลย ทำไมได้ละครับ ทำไมได้ แล้วทีนี้ถ้าจะทำ เขาบอกกฎหมายเป็นคุณย้อนหลังได้ เป็นโทษย้อนหลังไม่ได้ แต่ไอ้นั่นบอกยังไงครับ เรื่องแพ่งเรื่องอาญา เรื่องยุบพรรค ยุบกรรมการเป็นเรื่องแพ่ง เพราะฉะนั้นก็ย้อนหลังได้ เรื่องแพ่ง อย่างนี้ศรีธนญชัยไหม
แล้วถ้ามันงี้ คนไม่เดือดร้อนเองไม่รู้ ผมไม่มีปัญหา ผมบอกแล้วผมต้นทุนต่ำ จะฟาดฟันอย่างไรก็เอามาก็แล้วกัน โอย...หน้าแหลมฟันดำโผล่ออกมาเลย หาว่าเอาชาติ อ้างชาติเป็นประกัน อย่างงี้ได้ไงครับ โอ.. นี่มันเดินทางทำงานทำการติดต่อกับเขาหมดเนี่ย เพระว่าเขามียึดอำนาจมา เขาหันหลังให้หมด
เรื่องนี้โชคดีมีรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญออกมาเลือกตั้ง กว่าจะกระเสือกกระสนกระแดกกระดันออกมา โอ้โฮ.. แทบตายเลยละครับ กว่าจะได้มา 233 คู่ต่อสู้เหลือ 164 รวบรวมกันได้จะเป็นรัฐบาล 316 ตั้งรัฐบาลได้ ธรรมดาอียูเขาหันหลังให้ อเมริกาหันหลังให้ เขาไม่คบค้าสมาคมด้วย จีนหันข้าง ญี่ปุ่นหันข้าง เลือกตั้งเสร็จแล้ว ได้รัฐบาลแล้วเขาหันหน้าเข้ามา ผมเนี่ย ต้องหลกๆๆๆ ต้องเดินทางอยู่ตลอด
นี่เพิ่ง 40 เพิ่งไป 4 ประเทศเนี้ย พรุ่งนี้จะไปเวียดนาม และต่อไปต้องให้หมด 9 ประเทศอาเซียนก่อน กลุ่มของเรา ต่อไปต้องไปญี่ปุ่น ไปจีน จะต้องไปยุโรป และจะต้องไปอเมริกา ทำไมล่ะครับ พูดให้เขาเข้าใจว่าบัดนี้กลับมาตามปกติแล้ว เขาชื่นชมยินดี
และบัดนี้แหละครับ จะตกลงกัน ท่านหมอสุรพงษ์ จะไปเจรจาสัญญา ไปไม่ได้แล้วเพราะพรรคจะถูกยุบ ไม่ถูกยุบ ฝรั่งถามตกลงจะยุบไม่ยุบ ตกลงจะเอาอย่างไร มีคนข้องใจกันอีกแล้ว เกิดการปั่นป่วนกันอีกแล้ว แล้วยังไงครับ บอกแล้วไง บอกแล้ว
ตั้งป้อมกันอีกแล้ว วันที่ 28 ทีแรกฮึ่มๆๆ แต่ต่อมามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ให้สถานที่ เป็นประชาธิปไตยให้สถานที่ ไม่ใช่พวกผม เขาเป็น ส.ส. ผมคนหนึ่งเขาไปคิด ผมจะออกปากห้าม ผมบอกไม่ล่ะครับ ไม่ ต้องไม่ออกไปครับ ผมก็พูดคำเนี้ย ทั้งคณะเลยใครไปเชิญ ไปชวนอะไร กรุณาอย่าออกไป
พูดกันชัดเจนเลยนะครับ ไม่ต้องไปต่อต้าน ให้เขาแสดงไปข้างเดียวครับ คนทั้งบ้านทั้งเมืองจะได้เห็น ว่ามันมีเหตุผลอะไร บริหารบ้านเมืองมาได้เดือนครึ่งเท่านั้น หาว่าผมจะตั้งรัฐตำรวจ จัดการต่างๆ ตั้งเลย ว่าทักษิณกลับมาอีกแล้ว ระบอบทักษิณกลับมาอีก
ไหวไหมครับอย่างนี้ กระโดกกระเดก ล้มลุกคลุกคลานแทบจะโงหัวไม่ขึ้น พอตั้งตัวได้ กำลังจะจัดการ พอจะถอนหายใจ เออ.เข้าซะที เอาอีกแล้วครับ ผมบอกว่าเขาเอาอีกแล้ว ปล่อยให้เขาเอาไปจะกี่หัวกี่หาง 1, 2, 3, 4, 5 ว่ากันไป คนของพรรคการเมืองไปร่วม หัวหน้าพรรคเขารับรองแล้ว บอกว่ามีสิทธิ ของผมไม่มีสิทธิครับ ของผมบอกไม่ ผมไม่เอาอย่างนั้นครับ
ส.ส.เหมือนกันครับ อยู่สมุทรปราการ ผมบอกไว้ทางโทรทัศน์เลย อย่าออกไป ในฐานะหัวหน้าพรรค อย่าออกไปทำให้เป็นเหยื่อ ไปเป็นเครื่องมือของเขา ไม่ได้หน้าตาอะไรหรอกครับ ไม่ต้องต่อต้าน ดูซิว่าจะออกโรงกันเท่าไหร่ จะนั่งดูซิว่าเขาจะทำอย่างไร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ให้สถานที่ เราก็ไม่ไปขอมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้มันลำบากใจอธิการบดีเปล่าๆ
อธิการบดีท่านจะให้ ให้เลยครับ เราจะดูซิว่าทั้งบ้านทั้งเมือง คนทั้งบ้านทั้งเมืองจะเห็นไหมว่า ตกลงใครมันดี ใครมันเลว ใครมันทำอะไรเสียหาย เห็นไหมครับ หรือว่าถ้าปฏิวัติยึดอำนาจทำได้ แต่ว่าประชาธิปไตยเลือกตั้งมา มีคนทักท้วงว่าทำไม่ได้
เอ้าอย่างนี้นะฮะ เหลือเวลา 10 นาทีจะตอบคำถาม มีเรื่องไหม ดูคำถามหน่อย
เอ้านี่ ...อ้อ..โครงการแก้เศรษฐกิจมีคุณค่า ..อ่อนไหว..อ๋อ...ขอบพระคุณนะครับที่ฟังแล้วท่านเข้าใจเรื่องดี เจตนาจริงๆ ครับ เพราะว่าถ้าเราขึ้นได้ทีละบาท ขึ้นได้ 5 หน กว่าจะขึ้นอย่างนั้น ขอบคุณมากครับที่เห็นด้วย
คำถาม : แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ทั้งฉบับ เพราะได้มาอย่างไม่ถูกต้อง
ผมอยากจะบอกฟัง แนวทางนะครับ ใจผมอยากจะทำทั้งหมด แต่ว่าอยากจะให้มันเร็ว ก็แก้มาตราที่มีปัญหา ผมก็บอกว่าถ้าทำก็ทำทั้งที แต่ความคิดของผม วิธีแก้ไข ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 แล้วเก็บหมวด 1 ไว้ หมวดพระมหากษัตริย์ไม่มีอะไรเสียหาย ทุกอย่างถูกต้อง แล้วทั้งหมดเนี้ยก็เอาฉบับ 40 มาประกบ แล้วอะไรที่ 40 ไม่ดีก็ถอดออกไป อะไร 40 ดีก็ทิ้งไว้ แล้วอะไรต้องการเติม ก็เติมเข้ามา อย่างนี้ก็คงง่าย นี่เป็นแนวความคิดของผมนะ อย่างไรก็ตามแต่ ใจผมอ่ะ อยากจะ แหม เกรงใจคุณสดศรี จริงๆเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมันต้องถามเลยครับ ลงประชามติกันไหมว่าแก้ ไม่แก้ ก็ 2 พันล้าน ผมก็ไม่กล้าจะอย่างนั้นหรอกครับ เห็นด้วยกับท่านเลยว่าเสียของ จริงๆ ถ้าลงประชามติได้ เสียซัก 500 จะเอาเลยครับ ลงประชามติเลย ว่ารัฐธรรมนูญฉบับเนี้ย แก้หรือไม่แก้ ถ้าเสียงส่วนใหญ่ บอกไม่แก้ ก็ไม่ต้องแก้ ถ้าส่วนใหญ่แก้ ก็แก้เลย ประชามติต้องใช้อย่างนี้นะครับ นี่ก็ให้เป็นความคิด แต่ว่ายังไงก็ไม่เสนอนะครับ เพราะ 2 พันล้านมันเกินเหตุ
คำถาม : พลังงานทดแทน อยากให้มีแหล่งเงินทุน ให้ชาวบ้าน
เรื่องนี้กรุณาเถอะครับ เราทำทุกวิถีทาง ทุกที่เลยครับ กำลังนี้ไม่ได้ปลูกในเมืองไทยนะ ไปปลูกที่ สปป.ลาว ไปปลูกที่กัมพูชา ไปปลูกที่พม่า พลังงานทดแทนนี่แหละครับ จะทำทั้งปาล์ม ทั้งอะไรต่างๆ ทำเต็มที่ครับ เรื่องนี้ทุกคนร่วมมือ แล้วข้างบ้านเราเขาก็ร่วมมือด้วย นะครับ
คำถาม : แนวทางการปรับปรุงช่อง 11
วันที่ 24 เขาจะประกาศแนวทาง วันที่ 1 เริ่มรายการเลย ผมก็ใครที่ไหน ช่องไหน ๆ มาเชิญไปออกโทรทัศน์ก็เกรงใจ อย่างสถานีช่อง 5 เนี้ย เขาเชิญมา 3 - 4 หน รัฐมนตรี รองนายก ไปออกกันมา ก็เก็บผมไว้ซักคน แต่ว่ารายการตัวจริงชัดเจน แต่วันที่ 1 จะมาออกช่อง 11 นี่แหละครับ ผมจะรับเชิญเป็นแขกคนแรกเขาเลย เอาเขาหน่อย รายการก็ดี ข่าวก็เรียบร้อยเลย ไม่มี hot news เอาแต่ข่าวมาก่อนนะครับ เปลี่ยนแปลง
สำคัญ ข้อสัญญาเคยยังไงครับ คุณเคยเป็นตัวของตัวเองยังไงเมื่อคราวคุณทำช่องนั้นเมื่อเขามายึดไปนะครับ คุณต้องเป็นตัวของตัวเองหมด รายงานทุกอย่าง แล้วข้อสำคัญคือว่า วิพากษ์วิจารณ์ได้เหมือนเคย ไม่ต้องมาประจบประแจงรัฐบาล รายการของรัฐบาลนั้น คือ ผมอาทิตย์ละหน ผมออกของผมเอง นี่แหละรัฐบาล รัฐมนตรีเชิญไปออกรายการ นั่นแหละรัฐมนตรีชี้แจง นอกนั้นตรงไปตรงมา ไม่ต้องมากระแซะ ไม่ต้องมาทำอย่างนั้นเลย เพราะว่าเราเคยเห็นว่าช่องเขา
คนพวกนี้แหละครับที่จะเอามาปรับปรุงช่อง 11 ถูกต้องตามกฎหมาย มีผู้สนับสนุน ไม่มีโฆษณา ก็ต้องการจะเทียบเคียงให้ดูกับช่องสาธารณะ ช่องสาธารณะที่ยึดเอาไปนั่นแหละครับ ของเขาดีๆ เขาทำมาหากินของเขาได้เรียบร้อยดี เป็นกลางดีด้วย ไว้วางใจได้ด้วย ก็ถูกมองว่าเป็นช่องของอดีตนายก อย่างนั้น อย่างนี้ ไปไปมามาด้วยอะไรก็ตามแต่ ยึด
แล้วทำไง ทีวีสาธารณะ ทีแรกบอกเอา พันสอง พันสาม เดี๋ยวนี้เอาสองพันครับ อยู่ดีๆ แท้ๆ ต้องเอาเงินหลวงไปใส่สองพัน รายการจะเป็นอย่างไรไม่รู้ คุณภาพจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ เพราะฉะนั้นอยู่ตรงนี้ไม่ต้องใช้เงินเลยครับ ที่เนี่ย สถานีนี้แหละครับ มันจะเป็นสาธารณะอยู่แล้ว แต่ว่ากระโดกกระเดกไปกระดอกกระแดกมา ผมจะทำให้ช่องนี้เป็นสาธารณะให้ดู
แล้วใครจะสนับสนุนอะไร อย่างไร เขาก็ไม่ห้ามโฆษณานะครับ เขาให้มีโลโก้ มีป้าย ทำถูกต้องตามกฎหมาย ท้าทายให้ตรวจสอบ แต่ว่าเนื้อหานั้น ผู้คนในบ้านเมืองจะได้มีความสุขในการได้ฟังข่าวทันเหตุการณ์ Hot news เป็นอย่างไร โน่นเป็นไง ชัดเจนเลยครับ ทีมที่ทำเก่งๆ นั้นนะ เอามาทำทางนี้ แล้วดูซิว่าจะเป็นอย่างไร
นี่คือความเปลี่ยนแปลงนะครับ ขอยืนยัน เริ่มต้นวันที่ 1 นี่หละครับ และก็ ท้าทายให้ตรวจสอบ ไม่มีการมาทำมาหากินที่นี่ แล้วไม่มีการสั่งเสียว่าต้องมาเห็นแก่รัฐบาล ไม่ต้องหรอกครับ ตรงไปตรงมาเลย รัฐบาลจะออกช่อง 11 เหมือนกัน คือช่องเนี้ย พูดเอาเข้าข้างรัฐบาล คือตัวหัวหน้ารัฐบาล แล้วรัฐมนตรีถูกเชิญออก เท่านั้นพอ นอกนั้นแล้วตรงไปตรงมา
อุ้โธ่..ก็ทีวีช่องทหาร เขายังให้คนไปพูดจากระแนะกระแหนรัฐบาล ยังให้ทำได้เลยครับ ไม่ได้ออกปากหรอกครับ ไปเจอท่าน ผบ.ทบ.คุยกัน ผมยังไม่พูดกับท่านซักคำเลย ว่าช่องทหาร แล้วทำไมให้ไปออกรายการ กระแนะกระแหนรัฐบาล ไม่เป็นไรครับ ยังไม่จบก็ไม่เป็นปัญหา
โอ..ก็ลืมไปว่าอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อเช้า ท่านที่ปรึกษาการเมืองพรรคหนึ่งท่านบอก พูดมาเลยซิ เก่งจริงพูดมาทำไม มือที่มองไม่เห็น พูดมาเลย หะๆ.. ขอประทานโทษนะครับ ผมไม่เก่งครับ แต่ผมบอกได้เลยว่า คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขารู้ไอ้มือนี้เป็นอย่างไร ท่านไม่รู้คนเดียว ก็เชิญไปคนเดียวแล้วกัน แต่ว่าเขาบอกเก่งจริงบอกมาเลย พูดแล้วต้องบอกมาว่าคือใคร ยังไง ต้องขอประทานโทษจริงๆ ผมเองไม่เก่ง แต่ว่าที่รู้คือ ทั้งบ้านทั้งเมืองเขารู้ว่าคือใครนะครับ ท่านเชยอยู่คนเดียวไม่รู้ครับ
คำถาม : อยากสร้างธนาคารตำบล
เขาดำเนินการแล้วครับ มีแน่นอนครับ เขาดำเนินการแล้วครับ
คำถาม : อยากให้นายกฯ ย้อมผมหน่อย จะดูหล่อกว่านี้
ไม่ล่ะครับ ผมจะบอกให้ฟังนะครับ ผมมีคนตัดผม ในชีวิตผมมีคนตัดผมมา 4 คนเท่านั้นเองครับ คนที่ 3 คนตัดผมคนที่ 4 สุดท้ายเนี้ย ตัดผมกันมา 40 ปี ไม่เปลี่ยนเลยครับ เดี๋ยวนี้มือสั่นหน่อย แต่ไม่เป็นไรยังให้ตัดอยู่ 80 กว่าแล้ว ยังตัดอยู่ คุณสมัครตั้งแต่เจอกันครั้งแรกนะครับ พอผมเริ่มขาวๆ อย่าย้อมเลยครับ บอกอย่าย้อมเลย ผมถามทำไม คุณเป็นนักการเมือง ต้องจริงใจกับประชาชน เพียงแต่ผมก็เอาไปหลอกเขาเท่านั้น ผมบอกจริงๆ เห็นด้วย เลยไม่ย้อมเลยครับ เอามันอย่างนี้แหละครับ ความจริงมันมีดำๆ อยู่นิดหน่อย พออาศัยครับ
คำถาม : ยังมีลูกหลานอ่านหนังสือไม่ออกใน กทม.
อันนี้ต้องตรวจสอบให้แน่นอน ผมจะได้คุยกับทางฝ่ายการศึกษา กทม. ว่าจริงไม่จริง ลูกหลานแปลว่ายังเข้าอยู่ในโรงเรียน ถ้าเรียนเรียน กทม. ครับคำถามนี้ผมมีช่องไป เพราะไม่ได้เป็นศัตรูกับ กทม. นะครับ ผู้อำนวยการสำนักงานศึกษา กทม.ก็รู้จักกัน จะไปเยี่ยมเลย จะถามว่าจริงไม่จริง ว่านักเรียน กทม. ซึ่งเรียนมาตั้งแต่ก่อนประถม เขามีอนุบาลนะ กทม. เนี้ย ก่อนประถม จะถามซิว่า ทำอย่างนี้แล้ว มีไหมเด็กอ่านไม่ออก เพราะตามกฎหมายที่ใช้ ไม่เหมือน 3 จังหวัดภาคใต้นะครับ ไม่บังคับนะครับ ทางนี้บังคับนะครับ
คำถาม : รายได้ขั้นต่ำราคาปัจจุบัน ควรเขยิบตามราคาสินค้า เพราะว่าเศรษฐกิจ
กำลังดูอยู่ครับ เรื่องนี้เรื่องใหญ่มากเลยครับ มีสถาบันกำลังทำอยู่ แต่ผมไม่ทำเอิกเกริก แต่จะดำเนินการแน่นอนครับ เพราะไปเห็นมาแล้วด้วย มีแนวทางศึกษาด้วย พูดให้ฟังง่ายๆ ว่า บ้านไหนรวยเขาให้สตางค์ลูกเขาไปโรงเรียนเยอะ บ้านไหนจนเขาให้สตางค์ลูกเขาไปน้อย บ้านเราประเทศเรามันจน แต่ว่ามันต้องทำ มันอย่างนี้อยู่ไม่ได้หรอกครับ สงสารลูก เพราะฉะนั้นเอาล่ะครับจะช่วยดู
คำถาม : ทุกวันนี้บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะสื่อเป็นเหตุ
เขาสั่งมาแล้วว่าไม่ให้พูด ไม่ให้จา ไม่ให้ดูแคลนสื่อ เขาบอกอย่าไปแตะต้องเขา
คำถาม : ขอให้นายกกำชับสื่อ ให้เสนอข่าวในทางสร้างสรรบ้าง
ไม่ได้ครับ อิสรเสรีภาพ ของสื่อมวลชนในประเทศไทย อยู่เหนือสิ่งอื่นใด แตะต้องไม่ได้หรอกครับ ต้องให้เขามีอิสรเสรีภาพ แล้วเราก็ดูเขาจะเป็นอย่างไร เราซิครับคนบริโภคสื่อ เราควรจะดูเลยว่า เมื่อเขาเสนอมาอย่างนั้นแล้วเราเป็นอย่างไร บอกขอบคุณมากอย่างนั้นไม่เคยรู้เลยเสนอข่าวอย่างนี้ เสนอข่าวอย่างนี้ เราควรหัวเราะเยาะ ก็หัวเราะดังๆ เลยครับ สติปัญญามีแค่นี้ แค่นจะมาทำหนังสือพิมพ์ เราทำของเราได้ส่วนตัวเรา ในสาธารณะชนไม่ต้องหรอกครับ ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้ออ่าน ชอบก็ซื้อ 2 ฉบับแจกเพื่ออ่านด้วยเลยนะครับ ต้องลาก่อนนะครับ วันอาทิตย์หน้า 08.30 น. พบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
เพื่อไทย
Monday, March 24, 2008
คำต่อคำ...รายการ ‘สนทนาประสาสมัคร' 23 มี.ค.51
จาก hi-thaksin