WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, May 27, 2008

นักวิชาการฉะ ม็อบลวงโลก

* แฉ‘พันธมิตร’อ้างรธน.ล้มรัฐบาล
รุมประณามม็อบพันธมิตรฯ ลวงโลก นักวิชาการฉะแหลกอ้างค้านแก้ไข รธน. แต่แท้ที่จริงส่อจงใจล้มล้างรัฐบาล เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ไม่เว้นแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ที่เปิดตัวเป็นแนวร่วม จับตาเวทีปราศรัยใกล้ชิด จ่อถอนประกันตัวเอา “สนธิลิ้ม” เข้าคุก สนนท. จี้หยุดอ้างเบื้องสูงทำลายฝ่ายตรงข้าม และเลิกอ้าง รธน. ทำลายรัฐบาลได้แล้ว ด้านแกนนำ นปก. ยืนยันไม่ได้ส่งคนต้านม็อบ แฉกลับพันธมิตรฯ เองที่ยั่วยุ เผยคน ปชป. ดาหน้าเปิดตัวร่วมเวทีปราศรัย

การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่บ่ายวันที่ 25 พฤษภาคม ยังคงปักหลักชุมนุมต่อเนื่องในบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถ.ราชดำเนินนอก จนถึงเช้าวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยไม่สนใจการจราจรที่ติดขัดในช่วงเช้าของการทำงานวันแรกในรอบสัปดาห์ และเป็นช่วงเปิดภาคเรียน โดยมีการเปิดเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลตั้งแต่เช้า โดยไม่ได้พุ่งเป้าวิพากษ์วิจารณ์ไปที่เรื่องรัฐธรรมนูญแต่เพียงเรื่องเดียวอย่างที่กล่าวอ้าง
ขณะเดียวกันการขึ้นปราศรัยบนเวทีก็ยังชวนให้เชื่อได้ว่ามีความเชื่อมโยงไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ อย่างเช่นกรณีของผู้ปราศรัยอย่าง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส. ของพรรค หรือจะเป็น นายอติพล พลบุตร น้องชาย นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศบนเวทีว่า มาร่วมชุมนุมเพื่อมาดูแลม็อบจาก จ.เพชรบุรี ที่มาสมทบกับกลุ่มพันธมิตรฯ

นอกจากนี้ในช่วงเช้าที่กลุ่มผู้ชุมนุมจากทางบ้าน ได้สลายตัวกลับกันไปหมดแล้ว และเหลือเพียงผู้ชุมนุมที่แหล่งข่าวอ้างว่าเป็นม็อบรับจ้าง รับค่าตัว 1,300 บาท เพื่อการชุมนุม 3 วัน 3 คืน กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังคงมีความพยายามที่จะปิดถนน และนอนกระจัดกระจายไร้ระเบียบ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการเจรจาเพื่อขอให้ย้ายการชุมนุมขึ้นไปบนฟุตบาธ เพื่อเปิดเส้นทางจราจร ที่ผู้คนในย่านนั้นต้องเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ในช่วงกลางวันกลุ่มผู้ชุมนุมที่หลงเหลือดังกล่าว ส่วนหนึ่งได้พากันแยกย้ายหาร่มไม้หลบแดด และนำเสบียงที่พกติดตัวมาในกระเป๋าเดินทางออกมากินกันด้วยท่าทีอิดโรย

พันธมิตรหาเหตุถอดถอน ส.ส.-ส.ว.
ขณะเดียวกันแกนนำพันธมิตรฯ ก็ได้ส่งตัวแทนเดินทางเข้าพบ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นถอดถอนสมาชิกรัฐสภาที่เข้าชื่อในญัตติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยแจงความผิดทั้งหมด 4 ข้อหา ประการแรกระบุว่า ส.ส. บางส่วนที่ร่วมลงชื่ออยู่ในพรรคการเมืองที่อาจโดนยุบจึงถือว่า มีส่วนได้ส่วนเสียในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ประการที่ 2 ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มีเนื้อหาเปลี่ยนโครงสร้างที่มาวุฒิสภา ดังนั้น ส.ว. ที่ลงชื่อ จึงเข้าข่ายผลประโยชน์ขัดกัน ประการที่ 3 รูปแบบในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2550 และความผิดข้อสุดท้าย ข้อ 4 เป็นความผิดตามมาตรา 64 ที่การเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้

ขณะเดียวกัน นายสุริยะใส กตะศิลา หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ก็ยังออกมาระบุว่า จะจัดชุมนุมอย่างยืดเยื้อต่อไปจนกว่าจะมีการถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือทันทีที่ญัตตินี้เป็นโมฆะ ทั้งยังกลืนน้ำลายตัวเองว่าไม่เห็นด้วยกับประชามติ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เหตุการณ์บานปลาย

“สมัคร” ระบุการชุมนุมไร้เหตุผล
จากท่าทีทั้งหลายของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ตรงกันของหลายๆ ฝ่ายว่าเจตนาในการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ นั้น แท้ที่จริงแล้วสาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่มีเจตนาที่จะล้มล้างรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช มากกว่า เหมือนกับที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ เคยออกมาระบุถึงภารกิจที่ยังทำไม่เสร็จ

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ประจำปี 2551 ที่กระทรวงการต่างประเทศว่า มีเอกอัครราชทูตอย่างน้อย 3 ประเทศ รู้สึกห่วงกังวลถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งจะต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดูแลรักษาความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเห็นว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล ซึ่งประชาชนก็จะเห็นเองว่า ใครที่ทำให้บ้านเมืองเดือดร้อนเสียหาย โดยยืนยันจะเดินหน้าการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ

ยื่นศาลพิจารณาถอนประกัน “สนธิ”
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบเอกสารหลักฐานกรณีแจ้งความกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อ นายอาวุธ ปรีชาวุฒิ ทนายความคู่กรณีของนายสนธิไว้แล้ว เพื่อนำไปให้ศาลจังหวัดเชียงรายพิจารณาในวันพรุ่งนี้ว่า นายสนธิทำผิดเงื่อนไขที่ให้ไว้กับศาลหรือไม่

กรณีที่ศาลจังหวัดเชียงรายให้ประกันตัวในคดีที่ถูกข้าราชการกรมป่าไม้ฟ้อง และถูกพิพากษาจำคุก 9 เดือนโดยไม่รอลงอาญา นอกจากนี้ยังได้มอบวีซีดีบันทึกการขึ้นเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ของนายสนธิด้วย เนื่องจากมีการกล่าวพาดพิงหลายคน ทั้งนี้ยืนยันไม่ได้ข่มขู่หรือสร้างเงื่อนไขเพื่อไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวอีก หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่านายสนธิทำผิดเงื่อนไขจะถูกถอนประกันตัวทันที

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวด้วยว่า อยากให้กลุ่มพันธมิตรฯ ไปใช้สวนลุมพินีเป็นที่ชุมนุมตามแบบเดิมน่าจะเหมาะสมกว่า

นักวิชาการเชื่ออ้าง รธน. บังหน้า
ทางด้าน รศ.ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงจุดยืนของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกมาเคลื่อนไหวว่า การอ้างเรื่องค้านแก้ รธน. นั้นเป็นไปได้ว่าเป็นเพียงเหตุผลบังหน้า แต่เจตนาจริงๆ ต้องการล้มล้างรัฐบาล แต่ที่ต้องอ้างเพราะรัฐบาลทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง และตอนนี้มีการดึงเอา 3 ประเด็นใหญ่เพื่อทำการเคลื่อนไหวคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นความผิดปกติ เหมือนเป็นการปลุกปั่นพลังมวลชน นอกจากนี้เรื่องราวต่างๆ ที่บรรดาแกนนำใช้ขึ้นพูดบนเวทีนั้น ล้วนเป็นเรื่องเดิมแทบทั้งสิ้น

นอกจากนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ยังใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ มีการใช้คำว่าประชาชนเพื่อกล่าวอ้างในการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นความหมายที่คลุมเครือไม่ชัดเจนว่า ประชาชนคืออะไร จะหมายความรวมถึงประชาชนที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชาชนมาด้วยหรือไม่ ส่วนตนเองนั้นไม่ใช่ประชาชนของกลุ่มพันธมิตรฯ แน่ เพราะไม่เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้แน่นอน ทั้งนี้อยากให้พลังมวลชนที่ไม่เห็นด้วยอย่าตอบโต้ และควรนิ่งเฉยเพื่อไม่ให้ติดกับดัก

ชัดเจนที่สุดเป็นม็อบการเมือง
นายคารม พลทะกลาง ทนายความชมรมนักกฎหมายเพื่อประชาชน กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า การที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชิปไตย ออกมาเคลื่อนไหว แท้จริงแล้วก็คือการหวังผลทางการเมืองเพียงประการเดียว โดยยกอ้างการแก้ไขรัฐธรรรมนูญมาเป็นเงื่อนไข ซึ่งความจริงแล้วรัฐบาลดำเนินตามข้อฎหมายทุกประการ หมายความว่าแนวทางในการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลของพันธมิตรฯ คลุมเครือ แต่ชัดเจนในจุดยืนคือ หวังผลทางการเมือง

ส่วนที่มองกันว่าพันธมิตรฯ จะชุมนุมยืดเยื้อ นายคารม กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่มีเหตุผลที่ดีพอที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะทำการชุมนุมยืดเยื้อ นอกจากต้องการกดดันรัฐบาล เพื่อให้กระทำตามความต้องการบางอย่างของตนเอง ทุกวันนี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศก็มีปัญหามากพอ ประชาชนต้องการความมั่นคงและชัดเจนทางการเมือง การกระทำเช่นนี้รังแต่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติมากยิ่งขึ้น ทางที่ดีควรรับฟัง และรอดูผลการลงประชามติของประชาชนเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการจัดการกับการชุมนุม หรือทำการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อทำการควบคุมการเคลื่อนไหวให้อยู่ในกรอบ

จับตาใกล้ชิด-เอา “สนธิ” เข้าคุก
ด้าน นายประชา ประสพดี ส.ส. สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ในฐานะแกนนำกลุ่มมหาประชาชนเพื่อพิทักษ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า จะเฝ้าสังเกตการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยจะยังไม่นัดชุมนุมในช่วงนี้ แต่จะใช้ 3 มาตรการจัดการกับพันธมิตรฯ โดยดำเนินการตามกฎหมาย เฝ้าดูว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ จะขึ้นเวทีปราศรัยหรือไม่ หากขึ้นเวทีจะบันทึกคำปราศรัยเพื่อนำไปร้องต่อศาลขอให้ยกเลิกคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว ในคดีที่ศาลตัดสินจำคุกกรณีหมิ่นประมาท ต่อไป

นอกจากนี้ จะขอมติจากประชาชนทั่วประเทศให้ร่วมกันลงประชามติผ่านไปรษณียบัตร และหากกลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมปิดถนน สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน จะนัดชุมนุมที่สนามหลวงเพื่อขับไล่กลุ่มพันธมิตรฯ ทันที

สนนท. จี้หยุดอ้างเรื่องแก้ รธน.
วันเดียวกัน สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ได้ออกแถลงการณ์ประณามการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดระบุว่า การชุมนุมดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้า และทำท่าจะบานปลายมากขึ้น และไม่เห็นด้วยที่มีการดึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เพื่อปลุกระดม เพื่อหวังผลทางการเมืองของฝ่ายตนเอง ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ และอยู่เหนือการเมือง แต่ละฝ่ายต้องหาทางออกโดยดำเนินวิถีทางของประชาธิปไตย เคารพการตัดสินใจของประชาชน นำไปสู่การแก้วิกฤติ ลดการเผชิญหน้า ไม่ให้นำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมาเราได้มีบทเรียนแล้วว่า จะนำไปสู่ความสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตของผู้บริสุทธิ์ เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองของแต่ละฝ่าย

พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่าย ยุติการเคลื่อนไหว ที่จะนำไปสู่ความรุนแรง เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ประเด็นรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม เพราะการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ จะต้องฟังเสียงประชาชน เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดการกระทำที่นำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นประเด็นในการปลุกระดม และขอให้รัฐบาล แก้วิกฤติโดยดำเนินการปฏิรูปการเมือง แล้วให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนานำไปสู่ระบบประชาธิปไตย ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม อย่างแท้จริง

นปก.โต้พันธมิตรส่อผิด ม.68
ขณะเดียวกันที่รัฐสภา นพ.เหวง โตจิราการ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายชินวัฒน์ หาบุญพาด และ นายสุชาติ นาคบางไทร ในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ และแถลงข่าวยืนยันว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไม่ใช่การสร้างระบอบสาธารณรัฐ และ นปก. ไม่สนับสนุนความรุนแรง รวมทั้งเหตุการณ์รุนแรงเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจาก นปก. แต่เกิดจากพันธมิตรฯ เป็นผู้ยั่วยุและวิ่งเข้าหากลุ่มคนที่รักประชาธิปไตย

นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปก. กล่าวถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ โจมตีถึงกรณีการแก้ไข รธน.50 เป็นขบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ และสร้างระบอบสาธารณรัฐ เป็นการล้มและฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 ว่า เป็นเรื่องเท็จโดยสิ้นเชิง และแก่นแท้ของการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ในวันที่ 25 พฤษภาคม เป็นเรื่องที่ประกาศอย่างไม่ปิดบังคือ ไล่รัฐบาล นอกจากนี้ยังกล่าวเท็จต่อสาธารณชนอีกว่า รัฐนี้เป็นรัฐโจร ข้อความจริงแล้วรัฐหรือรัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั่วประเทศตาม รธน.50 เท่ากับว่าแกนนำพันธมิตรฯ กำลังโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งอาจทำให้ขัด รธน. มาตรา 68 ซึ่งประชาชนทุกคนมีสิทธิต่อต้านตามมาตรา 69 และ 70 นอกจากนี้ยังอาจเข้าข่ายผิด ก.ม. อาญา ม. 113 และ 116

ยัน นปก. ไม่ได้ส่งคนต้านพันธมิตร
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศให้สมาชิกเข้าร่วมกับแกนนำพันธมิตรฯ ย่อมเป็นการยืนยันได้ว่า ปชป . มีนโยบายแนวทางเดียวกับพันธมิตรฯ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ เองก็อาจเข้าข่ายตาม ม. 68 เหมือนกับกลุ่มพันธมิตร

“กลุ่มที่ออกมาคัดค้านพันธมิตรฯ ที่สื่อมวลชนระบุว่าเป็นกลุ่ม นปก. นั้น ยืนยันว่า นปก. ไม่เคยมีมติหรือนโยบายให้ใครออกมาเคลื่อนไหว คนที่ออกมาคัดค้านเป็นกลุ่มคนที่มีใจรักประชาธิปไตย ไม่ได้เคลื่อนไหวในนาม นปก. ตามปกติทุกวันเสาร์-อาทิตย์ กลุ่มคนผู้รักประชาธิปไตยร่วมตัวกันที่ท้องสนามหลวงอยู่แล้ว พอพันธมิตรฯ จัดเวทีจึงเคลื่อนตัวมาสังเกตการณ์ การแสดงออกในระบอบประชาธิปไตยของพวกเขา นปก. ไม่ได้เป็นผู้นำ หากสื่อหรือพันธมิตรฯ จะกล่าวหาก็ควรมีหลักฐานมาแสดง” นพ.เหวง กล่าว

ฉะพันธมิตรเจตนาโค่นรัฐบาล
ด้าน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) กล่าวว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล โจมตีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ นปก. ทั้งที่เรายังคงหมวด 1 และหมวด 2 ไว้ และไม่มีหมวดใดเลยที่มีลักษณะโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์

“การชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นการชุมนุมไปวันๆ ทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง มีคนบาดเจ็บ ประชาชนเดือดร้อน การกระทำอย่างนี้เราไม่เห็นด้วย และสื่อยังโยนความผิดให้ นปก. ว่าเป็นผู้ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ขอย้ำว่า นปก. เป็นองค์การ การจะทำอะไรนั้นต้องมีการหารือร่วมกันเป็นมติ” นายจรัล กล่าว

ขณะที่นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า การออกมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย หาก นปก. จะกระทำการใดๆ จะมีมติแจ้งให้ทุกคนทราบโดยชัดเจน คนเราสามารถสวมหมวกได้หลายใบ ใครจะออกมาเคลื่อนไหวอย่างไรนั้นเป็นสิทธิของเขา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ นปก.แต่อย่างใด เวลานี้พันธมิตรและพรรคการเมืองบางพรรคกำลังขัดขวางการทำงานของ ส.ส. และ ส.ว. และมีความพยายามที่จะโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน การที่พรรคประชาธิปัตย์ให้สมาชิกพรรคออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับพันธมิตรฯ ข้างถนนนั้นควรหรือไม่ ถูกต้องแล้วหรือ

คน ปชป.เปิดตัวร่วมเวทีพันธมิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามที่มีข่าวอ้างว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ได้ติดต่อขอเงินสนับสนุน 30 ล้านบาทจาก นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ แห่งทีพีไอ แต่ถูกปฏิเสธ และยังถอนโฆษณาใน ASTV ด้วยนั้น ในส่วนของการถอนโฆษณาและยกเลิกการเช่าช่องสัญญาณนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณ 6 เดือนก่อน ในช่วงที่นายประชัยตัดสินใจหันหลังให้การเมือง

ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ร่วมเวทีกับกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็น นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หรือ นายอติพล พลบุตร น้องชายนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ร่วมขึ้นปราศรัยบนเวที โดยในรายของนายอติพล ยังระบุว่า ตามมาดูแล “พี่น้องของผม” ที่มาร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรฯ
รวมทั้งในวันที่ 25 พฤษภาคม ยังพบว่า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังร่วมเป็นกำลังใจอยู่ด้านหลังเวทีด้วย