ทิศทางของข่าวสาร ข้อมูลที่ถูกเสนอในสื่อกระแสหลัก ตั้งแต่ก่อนและหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนถึงปัจจุบัน “สื่อมวลชน” หลายค่าย หลายสำนักบิดเบือน เสนอข้อเท็จ เสนอความจริงเพียงครึ่งหนึ่ง เพราะเป้าหมายของสื่อเหล่านี้คือเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว และกลายเป็นแนวร่วมของพันธมิตรเพื่อการรัฐประหารไป โดยอ้างว่าทำหน้าที่สื่อมวลชนอย่างเป็นกลาง ใช่หรือไม่
ดังนั้น ฮอตสกู๊ปจึงขอนำเสนอข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นความจริงอีกด้าน คือ “คำแถลงแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)” ที่ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และโต้ตอบข้อกล่าวหาของพันธมิตรฯ ที่คงหาอ่านรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้ในสื่อกระแสหลัก ความดังนี้
คำแถลงแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไม่ใช่การสร้างระบอบสาธารณรัฐ
นปก. ไม่สนับสนุนความรุนแรง
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 นั้น พันธมิตรฯ เป็นผู้ยั่วยุ
พรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
รัฐธรรมนูญ 2550 ระบุชัดเจนในมาตรา 291 ให้ประชาชนจำนวนห้าหมื่นชื่อขึ้นไป หรือ ส.ส. และ ส.ว. รวมกันจำนวนเกินกว่า 126 คนขึ้นไป สามารถเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาได้ เนื้อหาสำคัญของร่างแก้ไขฉบับ คปพร. ก็ดี หรือของ ส.ส. และ ส.ว. ก็ดี ล้วนยืนยันชัดเจนว่า
1.ให้คงหมวดหนึ่ง หมวดสอง ของรัฐธรรมนูญ 2550 ไว้ ซึ่งเป็นหมวดที่ระบุชัดเจนในมาตรา 2 ว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” และในหมวดสองก็เป็นหมวดพระมหากษัตริย์ ยังคงเดิมทุกประการ ดังนั้นที่สื่อบางฉบับว่าต้องการปฏิเสธสถาบันองคมนตรี จึงเป็นเรื่องโกหกมดเท็จสิ้นเชิง
2.ได้เสนอให้มีการแก้ไขในส่วนที่เป็นข้อบกพร่องบางอย่างของรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือรัฐมนตรียาก ให้ง่ายขึ้น รวมทั้งให้เสนอ พ.ร.บ. โดยประชาชนหรือถอดถอนนักการเมืองโดยประชาชนให้ง่ายขึ้น และอาจจะมีการแปรญัตติได้ในวาระ 2
นายสนธิ ลิ้มทองกุล และพันธมิตรฯ โจมตีว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เป็น “ขบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์และสร้างระบอบสาธารณรัฐ” “เป็นการล้ม เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ2550” จึงเป็นเรื่องเท็จโดยสิ้นเชิง และแก่นแท้ของการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ เมื่อเย็นวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จึงเป็นเรื่องที่พวกเขาประกาศอย่างไม่ปิดบัง คือ “ไล่รัฐบาล หรือโค่นล้มรัฐบาล” นั่นเอง นอกจากนี้ยังกล่าวเท็จต่อสาธารณชนอีกว่า “รัฐนี้เป็นรัฐโจร”
เพราะความจริงแล้ว รัฐหรือรัฐบาลปัจจุบันมาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั่วทั้งประเทศตามรัฐธรรมนูญ 2550 นี่เอง นั่นเท่ากับนายสนธิลิ้มกับพวก กำลังโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ด้วยวิถีอื่นอันไม่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งอาจจะทำให้เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ซึ่งประชาชนทุกคนมีสิทธิต่อต้านตามมาตรา 69 และ 70 นอกจากนี้ยังอาจจะเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 และ 116 อีกด้วย
การที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศให้สมาชิกพรรค ปชป. สามารถเข้าร่วมกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับพันธมิตรฯ ได้นั้น ย่อมเป็นการยืนยันแล้วว่า พรรค ปชป. มีนโยบายและแนวทางเดียวกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับพันธมิตรฯ ดังนั้น พรรค ปชป. เองก็น่าจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และประชาชนสามารถต่อต้านพรรค ปชป. ตามมาตรา 69 และ 70 ของรัฐธรรมนูญ 2550 รวมไปถึงน่าจะเข้าข่ายผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 และ 116 ด้วยเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับเป็นการสร้างความแค้นเคืองให้กับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยของประเทศโดยตรง และเป็นเจ้าของรัฐบาลโดยตรง ดังนั้นประชาชนที่รักประชาธิปไตยทุกคนจึงมีสิทธิที่จะไปติดตามการชุมนุมของพันธมิตรฯ และมีสิทธิที่จะแสดงความไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ ในสิ่งที่พันธมิตรฯ และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวเท็จโดยสิ้นเชิงดังกล่าว และก็ปรากฏชัดเจนจากสื่อทีวีว่า ทางฝ่ายพันธมิตรฯ ไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย ไม่สามารถรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ตอบโต้ความเท็จของพวกเขาได้ พวกเขาจึงเป็นฝ่ายเริ่มการโจมตีประชาชนด้วยการขว้างปาสิ่งของต่างๆ และปรากฏชัดว่าพวกเขาได้นำเอาอาวุธที่พวกเขาตระเตรียมมา อันได้แก่ ไม้หน้าสาม มีด และของมีคมอื่น มาทำร้ายประชาชนที่รักประชาธิปไตยจนได้รับบาดเจ็บไปหลายคน
แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอด ยืนยันได้จากการจัดตั้ง “หน่วยสันติวิธี”และมีการฝึกฝนวิธีที่จะเผชิญหน้าเผด็จการด้วยความอดทน ไม่ใช้ความรุนแรงโดยตลอด นปก.-นปช. ไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงใดๆ แม้แต่น้อย และเป็นฝ่ายแนะนำประชาชนเสมอว่า “จุดแข็งของเราก็คือสันติวิธี ประชาธิปไตยฝ่ายเราต้องชนะอย่างแน่นอน การใช้ความรุนแรงจะทำให้เราพ่ายแพ้ เราต้องใช้สันติวิธีอย่างเดียว”
ดังนั้นเหตุการณ์รุนแรงไม่ได้เกิดจาก นปก. หรือ นปช. ขอความกรุณาสื่อทุกชนิดได้โปรดอย่าใช้ความมักง่ายในการทำข้อสรุปว่า นปก. หรือ นปช. เป็นผู้ก่อความรุนแรง
แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)